แจ็ค เดอะ โกสท์ : ชีวิตผีผลัก จากเด็กเสิร์ฟสู่ผู้เสิร์ฟเรื่องผีแห่งเดอะ โกสท์ เรดิโอ

แจ็ค เดอะ โกสท์ : ชีวิตผีผลัก จากเด็กเสิร์ฟสู่ผู้เสิร์ฟเรื่องผีแห่งเดอะ โกสท์ เรดิโอ

รู้จักกับหนุ่มขี้อาย ‘แจ็ค’ วัชรพล ฝึกใจดี ผู้กลายมาเป็นนักจัดรายการ พร้อมฟังมุมมองเรื่องผี ความเป็นมาของเดอะ โกสท์ เฮาส์

  • ‘แจ็ค’ วัชรพล ฝึกใจดี หรือ ‘แจ็ค เดอะ โกสท์’ ผู้ดำเนินรายการเดอะ โกสท์ เรดิโอ (The Ghost Radio) ชายผู้มองเรื่องผีเป็นทั้งความชอบและงานถนัดที่สามารถแบ่งปันให้กับผู้ที่มีความสนใจในเรื่องลี้ลับเหมือนกันได้
  •  เขาคืออดีตทีมงานของ 'ป๋อง กพล ทองพลับ' จาก 'เดอะช็อค เรดิโอ' (The Shock) รายการวิทยุชื่อดังที่เล่าถึงประสบการ์ณ์การพบเจอสิ่งลี้ลับ และตำนานของนักเล่าเรื่องผีของไทย
  • ปัจจุบัน เดอะ โกสท์ เรดิโอ (The Ghost Radio) เป็นรายการที่ทำให้เขากลับมาสร้างอิมแพคให้กับวงการนักเล่าเรื่องผีที่มีฐานแพลตฟอร์มทั้ง Facebook, Youtoube และ Tiktok โดยมีผู้ติดตามรวม ๆ ถึง 7.3 ล้านผู้ติดตาม
     

หลายคนบอกว่ารายการผีคือการหากินกับความเชื่อ แต่ในสายตาของ ‘แจ็ค’ วัชรพล ฝึกใจดี หรือ ‘แจ็ค เดอะ โกสท์’ ผู้ดำเนินรายการ เดอะ โกสท์ เรดิโอ (The Ghost Radio) เขากลับมองเรื่องผีเป็นทั้งความชอบและงานถนัดที่สามารถแบ่งปันให้กับแฟนรายการที่มีความสนใจในเรื่องลี้ลับเหมือนกันได้

โดยระยะเวลากว่า 20 ปีที่แจ็คอยู่ในวงการผี เขาได้เห็นแนวโน้มที่แน่นอนว่า ความเชื่อและความชอบเรื่องผีไม่มีทีท่าจะลดน้อยลง ทั้งยังเพิ่มขึ้นจากการที่วัยรุ่นพยายามเสาะแสวงหาเรื่องราวของโลกอีกมิติ และการเข้ามาของเทคโนโลยีดิจิทัลก็ทำให้จักรวาลผีทั่วโลกถูกเปิดและหลอมรวมเข้าหากัน


ในบทสัมภาษณ์นี้ The People จะพาไปทำความรู้จักกับหนุ่มขี้อายที่กลายมาเป็นนักจัดรายการ พร้อมฟังมุมมองเรื่องผี ความเป็นมาของ เดอะ โกสท์ เฮาส์ และแง้มโปรเจ็คลับที่ เดอะ โกสท์ เรดิโอ กำลังพัฒนาเพื่อเอาใจแฟนรายการในอนาคตอันใกล้
 

The People : เรามีความเชื่อเรื่องผีมากน้อยขนาดไหน 

แจ็ค : ความเชื่อส่วนตัวก่อนที่จะมาเจอกับพี่ป๋อง ผมไม่มีความเชื่ออะไร แต่ดันเป็นคนที่ชอบดูหนังผี ชอบฟังเรื่องผี ชอบฟังละครวิทยุผี ขบวนการลูกนกฮูก แค่ฟังก็รู้สึกว่าเรากลัว มันดูแล้วรู้สึกตื่นเต้นดี แต่ถามว่าถ้าเป็นความเชื่อแบบเอามาวิเคราะห์ว่าผีมีจริงหรือไม่มีจริง ไม่มีเลย

The People : หลังจากเข้าวงการผีเต็มตัวยังมีความเชื่อเรื่องวิทยาศาสตร์อยู่ไหม

แจ็ค : ถ้าถามว่ามีความเชื่อเรื่องของวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และสิ่งลี้ลับไหม จากที่ทำรายการมามันจะมีคำตอบให้กับตัวเองว่า ผมเชื่อ 50-50 50 ในส่วนของความเป็นไปได้ คือวิทยาศาสตร์มีคำตอบ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งมันเป็นสิ่งลี้ลับที่บางทีวิทยาศาสตร์ยังเข้าไปหาคำตอบมาไม่ได้ เพราะฉะนั้นมันไม่มีคำตอบอะไรที่มันชัดเจนว่า สิ่งเหล่านี้มันจริงหรือว่ามันไม่จริง เราอยู่ตรงกลางเอาไว้ สบายใจที่สุด

The People : ก็คือเราไม่ใช่คนงมงาย?

แจ็ค : ไม่ใช่คนงมงาย ผมพยายามจะพูดในรายการทุกครั้ง ไม่ว่าเรื่องนั้นมันจะมาแนวไหนก็แล้วแต่ เราจะต้องไม่งมงายก่อน เราเป็นนักจัดรายการ เราไม่สามารถที่จะชี้นำให้คนงมงาย หรือให้คนไม่เชื่อได้ ทุกอย่างคุณตัดสินใจด้วยตัวเอง

The People : คิดว่าทำไมคนถึงชอบเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้

แจ็ค : ผมไม่ได้เอาตัวผมเองเป็นคนตัดสินนะว่า ทำไมคนถึงมองว่าชอบเรื่องที่เป็นสิ่งลี้ลับพิสูจน์ไม่ได้ เราอยู่ในโลกของโซเชียล เราเปิดหูเปิดตากว้างมากขึ้น เราจะเห็นว่านอกจากบ้านเราแล้ว เราไปดูงานของต่างประเทศ ไปดูยูทูบเบอร์ของต่างประเทศ เขาเล่นหนักกว่าเราเยอะ แล้วแต่ละคนที่เข้ามาเล่นในวงการนี้ วัยรุ่นทั้งนั้น เป็นวัยรุ่นที่ชอบความตื่นเต้นอยากเสาะแสวงหาว่าผีมันมีจริงหรือเปล่า สักครั้งหนึ่ง ถ้าเขาถ่ายติดขึ้นมา มันจะกลายเป็นข้อมูลที่สำคัญมาก ๆ ต่อวงการเรื่องผี

แม้กระทั่งเหล่าบรรดายูทูบเบอร์ที่เขาไปถ่ายตามสถานที่ต่างๆ บางคนถ่ายติดมาจริงๆ ก็มี แม้กระทั่งรูปผีที่ในอดีตที่เขามีการถ่ายติดเอาไว้ สมัยเป็นกล้องฟิล์ม มันก็ยังมีหลักฐานว่าทุกวันนี้นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถที่จะเข้าไปตอบคำถามได้ว่ารูปนี้มันถ่ายมาได้ยังไง อย่างเช่นรูปที่ปราสาทที่อังกฤษ ที่เป็นรูปผู้หญิงชุดขาว เขาไปถ่ายติดได้ยังไง ใครจะเข้าไปเดินตรงนั้น ณ เวลานั้น ซึ่งมันไม่ใช่การตกแต่งภาพแน่ๆ 

เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ที่เรากำลังมองว่ามันเป็นสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ ผมว่ายิ่งลี้ลับเท่าไหร่คนจะยิ่งเข้าไปค้นหามากขึ้นเท่านั้น และมันจะเป็นอินฟินิตีไม่มีวันจบสิ้น

แจ็ค เดอะ โกสท์ : ชีวิตผีผลัก จากเด็กเสิร์ฟสู่ผู้เสิร์ฟเรื่องผีแห่งเดอะ โกสท์ เรดิโอ

The People : อะไรคือแรงบันดาลใจให้สร้างเดอะ โกสท์ เรดิโอ

แจ็ค : มันมีปัจจัยเยอะมาก หลังจากที่แยกทางจาก ‘พี่ป๋อง’ กพล ทองพลับ เราเคว้งอยู่ 2 ปี ชีวิตกลับมาตกต่ำอีกครั้งหนึ่ง เป็นพ่อค้าตระเวนขายของตามตลาดนัด จนเราค้นพบว่า เรามันไม่ได้มาทางขายของ โอเคมันสนุก แต่มันไม่ตอบโจทย์ครอบครัว มันไม่ตอบโจทย์แม่ที่เราต้องเลี้ยงดู ไม่ตอบโจทย์ค่าบ้านที่เราต้องผ่อน

เราก็จะคิดว่า สิ่งเดียวที่เราถนัดและเราทำได้คือรายการผี เพราะเราถูกปลูกฝังมา 20 กว่าปี ได้รับวิชาความรู้มาจากพี่ป๋องทั้งหมด สิ่งหนึ่งที่เราคิดว่าตอบโจทย์เราได้ดีที่สุด ถนัดที่สุด คือการคุยเรื่องผีเรื่องลี้ลับ ก็เลยคิดโปรเจคนี้ขึ้นมา อยากทำรายการผีออนไลน์

The People : เดอะ โกสท์ เรดิโอ เป็นเจ้าแรกๆ ที่ใช้สื่อออนไลน์ให้เป็นประโยชน์?

แจ็ค : ผมไม่ใช่ต้นแบบ ผมน่าจะเป็นเจ้าแรกๆ ที่ยึดเอาออนไลน์มาเป็นแพลตฟอร์มหลักในการถ่ายทอดออกอากาศ แล้วถือว่าประสบความสำเร็จ

The People : เส้นทางการสร้างเดอะ โกสท์ เรดิโอ เป็นอย่างไรบ้าง

แจ็ค : ย้อนกลับไปปี 2558 ระบบถ่ายทอดสดทางยูทูบยังไม่มี แต่ทิศทางของออนไลน์มันกำลังมา ซึ่งถ้าเราจะไปทางวิทยุมันต้องใช้เงินมหาศาลมาก เพราะฉะนั้นออนไลน์ตอบโจทย์เรา เราก็เลยรู้ว่าถ้าสร้างเว็บไซต์ขึ้นมา 1 เว็บไซต์ เราสามารถที่จะจัดรายการออนไลน์ได้ ณ ตอนนั้น เราก็เลยทำโปรเจคนี้ก็คือเดอะ โกสท์ เรดิโอ ชื่อนี้เลย คลื่นสยองคนรุ่นใหม่

จัดตั้งเว็บไซต์ขึ้นมาชื่อว่าโฮมสเตชั่นเรดิโอ.คอม แล้วก็ใช้วิธีการโปรโมตคือเฟซบุ๊กของเรา เดี๋ยววันที่ 10 ตุลาคม 2558 เราจะกลับมาจัดรายการผีนะ ใครเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กผมอยากฟังก็เข้ามาฟังกัน ณ ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรจริง ๆ แค่คิดว่ามันต้องมีคนเข้ามาฟังเรา จนกระทั่ง 10 ตุลา 2558 เที่ยงคืน เรายิงสัญญาณออกทางเว็บไซต์ ปรากฏว่าเว็บไซต์มันสามารถดูสถิติได้ว่าคนเข้ามาจำนวนเท่าไหร่

17 คน คือคนที่เข้ามาดูเรา และมีคนโทรมาฝากเรื่องผีกับเรา บางคนจะมองว่า 17 คนมันโอเคหรอ สำหรับผมมันโอเคมากนะ การที่เราหายไป 2 ปี เราไม่มีตัวตนอยู่ในโลกพวกนี้เลย แล้ววันหนึ่งเรากลับมาจัดรายการโดยที่เป็นแพลตฟอร์มของเราเอง มีเพื่อนเข้ามาฟังเรา 17 คนเริ่มต้น และมีคนมาฝากเรื่องเล่า ผมจำได้เลย คุณปั๊ม โทรมาฝากเรื่อง แล้วเป็นการเล่าเรื่องเรื่องแรกได้ดีมาก

ปรากฏว่าอีกวันหนึ่ง มีกระแสจากในเฟซบุ๊ก เมื่อคืนผมฟังพี่อยู่ สนุกตื่นเต้นน่ากลัวดี กลับมาจัดอีกนะ คิดถึงเสียงพี่ เราก็ดำเนินรายการมาอย่างนี้มาทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์เที่ยงคืนถึงตีสาม ณ ตอนนั้นจาก 17 คนก็เพิ่มเป็น 20 คน 30 คน จนกระทั่งเฟซบุ๊กมันเปิดฟีเจอร์ในการไลฟ์สด เราก็ลองเปลี่ยนจากเว็บไซต์เป็นเฟซบุ๊ก ไลฟ์สด

คนเข้ามาดูน่าจะ 70 กว่าคน เรื่องเล่าก็ยิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีก ส่วนมากจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับค่ายทหาร ป่ายาง จากคนดูหลักสิบ เป็นหลักร้อย จากหลักร้อยมันก็อยู่อย่างนั้น แล้วก็มีการเอาไปพูดถึงในกระทู้พันทิป ว่าตอนนี้มีอีกหนึ่งรายการชื่อว่าเดอะ โกสท์ เรดิโอ ลองไปฟังกันดู พี่แจ็คจัดรายการ แต่ ณ ตอนนั้นกระแสลบกลับมาอีก

ไอแจ็คที่หัวร้อนน่ะหรอ ที่เคยจัดรายการแล้วชอบเหวี่ยงคนฟังน่ะหรอ มันเป็นกระแสลบที่เราอยากย้อนเวลากลับไป ณ วันนั้นว่า ไม่น่าเลย วันที่เราจัดรายการแล้วเราหลงในหัวโขนตัวเองตอนที่อยู่กับพี่ป๋อง หลงในชื่อเสียง กูคือแจ็ค สายสิญจน์ เรื่องนี้ไม่อยากฟังเลยอะ ไป ๆๆ จบ ๆๆ เราจะใช้น้ำเสียงในการพูดกับคนโทรมาเล่าได้แบบแย่มาก ณ ตอนนั้น คือห่วยแตกมาก รู้ตัวมากตลอด

The People : เราจัดการกับกระแสลบที่ตีกลับมาอย่างไร

แจ็ค : เราก็ปรับทัศนคติในการจัดรายการใหม่ ทำใหม่ เราจะไม่หัวร้อน ใช้เวลาอยู่เป็นปี ๆ นะกว่าคนจะยอมรับ กว่าคนจะบอกว่าพี่แจ็คกลับมาครั้งนี้ พี่แจ็คเป็นผู้ใหญ่มากเลย ไม่มีความหัวร้อน ไม่มีเสียงหงุดหงิดออกมาให้รู้สึกเลยแม้แต่นิดเดียว

The People : มีอุปสรรคที่พบเจอจากการใช้สื่อใหม่อีกไหม

แจ็ค : เฟซบุ๊กมันได้รับการตอบรับที่ดี คนเริ่มเข้ามาดูเยอะขึ้น เราไลฟ์อยู่อย่างนั้นสักประมาณสักปีหนึ่ง ปรากฏว่าเฟซบุ๊กบล็อค เพราะเฟซบุ๊กมันมีกฎกติกาคือ ห้ามไลฟ์สดเกิน 4 ชั่วโมง ถ้าเกิน 4 ชั่วโมงจะบล็อค คุณจะไม่สามารถไลฟ์สดได้อีกต่อไปเลย ซึ่งตอนนั้นเราไม่รู้ 

แต่โชคดีมาก ยูทูบกระแสการยิงสดในยูทูบไลฟ์กำลังมา ก็เลยคิดว่า ถ้าเฟซบุ๊กมันไม่ได้ ลองไปทำยูทูบดู ไม่รู้เหมือนกันว่าคนจากเฟซบุ๊กจะตามไปดูสักเท่าไหร่ ซึ่งฐานหลักของเราอยู่ในเฟซบุ๊ก

ปรากฏว่าไลฟ์ในยูทูบเสถียรกว่าในเฟซบุ๊ก แล้วคนก็เริ่มทยอยเข้าไปดูจากการที่เราโพสต์ในแฟนเพจของเรา แฟนเพจของเราตอนนั้นมีประมาณหลักพัน คนก็แห่เข้าไปดู ก็เป็นหลักร้อย ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ 

หลังจากนั้นเราก็ยืนยูทูบมาแบบยาว ๆ เลย หลักร้อย ห้าร้อย คนดูนะ ขึ้นเป็นหลักพัน ย้อนกลับไปสัก 4 ปี 5 ปี การที่คนเข้ามาดูไลฟ์สดในยูทูบหลักพันเนี่ยไม่ใช่ขี้ ๆ นะ ไม่ใช่ธรรมดา เราก็เลยมีกำลังใจในการจัดรายการ ทำรายการมาเรื่อย ๆ ค่อย ๆ ใส่ลูกเล่นนู่นนี่นั่นเข้าไป จนทุกวันนี้คนที่เข้ามาดูไลฟ์สดในรายการเดอะโกสท์ เรดิโอ ยืนพื้นเลยคือสองหมื่นห้าถึงสามหมื่นคนต่อการไลฟ์สดหนึ่งครั้ง

แจ็ค เดอะ โกสท์ : ชีวิตผีผลัก จากเด็กเสิร์ฟสู่ผู้เสิร์ฟเรื่องผีแห่งเดอะ โกสท์ เรดิโอ

The People : จุดประสงค์หลักที่สร้างเดอะ โกสท์ เรดิโอ ขึ้นมาคืออะไร

แจ็ค : ต้องบอกว่าตอนที่ทำเดอะโกสท์เรดิโอแรก ๆ เราไม่ได้คิดถึงขนาดจะเป็นคอมมูนิตีที่จะรวมคนชอบเรื่องลี้ลับ เราแค่อยากทำ และอยากให้คนที่เขาชอบฟังเรื่องผีมีทางเลือกในการมาฟังเรา 

จนกระทั่งวันหนึ่งเดอะโกสท์เรดิโอมันแข็งแรงขึ้น จากคนจัดรายการกับสายทางบ้าน ถ้าเป็นวิทยุสมัยก่อนจะเรียกว่าสายจากคุณผู้ฟังทางบ้าน พอมันมาอยู่ในยุคโซเชียล ยุคออนไลน์ คำนี้มันเปลี่ยน มันกลายเป็นอีกหนึ่งอาชีพคือ ‘นักเล่า’ มีคนขนานนามว่าคน ๆ นี้เป็นนักเล่า แรก ๆ ก็อาจจะเล่าประสบการณ์ของตัวเอง หลังจากนั้นก็จะไปได้ยินได้ฟังมาจากคนอื่น 

แน่นอนว่าการฟังเรื่องมา เรารู้มาตั้งแต่เด็กแล้ว ฟังมาจาก 1 มันก็จะกลายเป็น 2 จาก 2 ก็จะกลายเป็น 3 อยู่ที่คนเหล่านี้เขาจะไปปรุงแต่งมายังไง เขาจะไปทำให้เรื่องที่เขาจะโทรมาเล่ามันจะสนุกได้มากน้อยขนาดไหน เพราะฉะนั้นเขาก็จะไปประดิษฐ์คำต่าง ๆ ไปเสริมไปเติมอะไรขึ้นมาเพื่อให้เรื่องนั้นมันดูน่ากลัว แล้วเอามาถ่ายทอดให้พวกเราได้ฟังกัน ซึ่งการกระทำอย่างนี้ ผมมองว่ามันไม่ผิด มันคือการสร้างสีสัน มันคือการสร้างความสนุกให้กับคนที่ชอบฟังเรื่องผี เราอย่าไปมองว่า เรื่องมันจะเวิร์คหรือไม่เวิร์ค ฟังแล้วเอามันมากกว่า 

The People : อุปสรรคที่หนักที่สุดของเดอะ โกสท์ เรดิโอ

แจ็ค : สำหรับเดอะโกสท์เรดิโอ ณ ตอนนั้นคงจะเป็นเรื่องของเงิน มันมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เราต้องหาค่าเช่า เราต้องหาอุปกรณ์ มีค่าทีมงานที่เขาต้องกินข้าว เขาก็ต้องหาเงิน นั่นคืออุปสรรคที่สำคัญที่สุด วิธีการคิดของผมก็คือ ผมขายโฆษณา ผมไม่ขายแพง ผมขายถูก แต่ขอจำนวนเยอะๆ คุณมีสินค้าอะไร เป็นธุรกิจ sme ของที่บ้าน คุณมาลงกับเราสิ แรก ๆ ณ ตอนนั้น 3,000 - 5,000 ผมก็เอา แล้วคนก็มาลง แล้วมันก็มีการประชาสัมพันธ์ออกไป

ซึ่งต้องบอกว่าขอบคุณแฟน ๆ รายการอีกที่เขาน่ารัก อันไหนที่เขาพอจะสนับสนุนสปอนเซอร์เราได้เขาก็ไปสนับสนุน เขาก็ไปซื้อ เพราะฉะนั้นอุปสรรคนี้มันผ่านมาได้ ก็ลุ่ม ๆ ดอน ๆ เหมือนกัน แต่ก็ผ่านมันมาได้

The People : คิดอย่างไรเวลาที่คนบอกว่า เราหากินกับผี

แจ็ค : คำว่าหากินกับผีมันมีคนพูดมาตั้งนานแล้ว ผมก็เป็นคนยอมรับนะ ใช่ไงผมหากินกับผี หากินกับความเชื่อ ก็เราถนัดทางนี้ จะให้ผมไปเปิดบริษัทพรีเวดดิ้งมันก็ไม่ได้ถูกไหม เรารู้จักซึมซับกับเรื่องผีมาตั้งแต่เด็ก 

จนวันหนึ่งเข้ามาทำแบบเต็มตัว มันก็ต้องคิดต่อว่า เราจะทำยังไงให้ผีที่มันอยู่แค่เฉพาะในบ้านเรา ผีไทย ให้คนต่างประเทศเขารู้จัก ให้คนทั่วโลกเขารู้ว่าผีไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกนะ ซึ่งผีไทยถ้าเรารวบรวมจริงๆ โคตรเยอะ โคตรน่ากลัว สูสีกับผีญี่ปุ่น ผีญี่ปุ่นนี่เยอะมาก ผีไทยสปีชี่ก็ไม่น้อยเหมือนกัน

เพราะฉะนั้นเราก็มีการพัฒนาผีต่าง ๆ ซึ่งเร็ว ๆ นี้ เดี๋ยวจะมีผีตัวหนึ่งที่เรากำลังพัฒนาอยู่ ชื่อว่าบริตทานี่ (Brittaney) มันมาจากภาษาไทยคือ นางตานี นางตานีตัวนี้มันจะมาเป็นผู้ช่วยคน เป็นแบบระบบเอไอ ‘อันนี้อุบไว้ก่อน แต่เจ๋ง’ คือตัวนี้มันสามารถที่จะไปอยู่ในโทรศัพท์มือถือ สามารถที่จะไปเป็นพรายกระซิบเรา สมมติพรุ่งนี้มีประชุมเราตั้งเวลาไว้ ถึงเวลาปุ๊บจะมีเบสทินีตัวนี้ออกมาบอกว่าพรุ่งนี้มีประชุมนะ ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับผีไทย นอกจากเบสทินีแล้วก็จะมีกุมารทอง มีอะไรค่อย ๆ ทยอยออกมาเรื่อย ๆ ก็จับมือกับบริษัทเกมระดับประเทศเนี่ยแหละ ที่เขาจะมาพัฒนาให้

The People : เดอะ โกสท์ เรดิโอ วางแผนขยายแพลตฟอร์มอย่างไรบ้าง

แจ็ค : ตอนนี้ทีมงานเราแข็งแกร่งมาก ณ ปีนี้ เราวางไว้ว่าจะมีการขยายแพลตฟอร์มนอกจากเรื่องเล่าในยูทูบ เราจะไป Spotify แล้วก็จะทำเป็นภาคภาษาอังกฤษ ภาคภาษาจีน และก็จะมีในส่วนของการขยายแค่เรื่องเล่าตรงนี้ที่เราฟังกันอยู่ทำให้มันเป็นทั้งเรื่องของหนังสั้น แล้วก็ตัวของแอนิเมชัน ซึ่งตัวของแอนิเมชันใกล้แล้ว เพราะเราได้พาร์ทเนอร์เป็นคนที่เขาทำเกมผีระดับประเทศ ก็คือสมมติคุณโทรมาเล่าเรื่อง เราก็จะเอาเรื่องนี้มาสร้างเป็นแอนิเมชันที่สมจริงมากที่สุด และให้ดูฟรีในชาแนลของเรา อันนั้นคือการตอบแทนคนฟังที่เขาจะได้มีอะไรเสพมากยิ่งขึ้น

The People : อยู่ในวงการมา 20 กว่าปี เราเห็นแนวโน้มอะไรในวงการผีบ้าง 

แจ็ค : ตั้งแต่ผมเป็นเด็กจำความได้จนมาถึงทุกวันนี้อายุ 40 กว่า ความเชื่อเรื่องสิ่งลี้ลับมันไม่ได้ลดน้อยลงเลย มันมีแต่คงที่ เผลอ ๆ มันเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ เพิ่มขึ้นจากเด็กแต่ละเจนที่เข้าไปเสาะแสวงหาคำตอบ ไปรับความเชื่อจากทางตะวันตกเข้ามา เอามาผสมผสานกับความเชื่อแบบไทย ๆ ของเรา ทำให้เรื่องผีที่เรามองว่างมงายอยู่ในประเทศไทย จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ มันกว้างมาก เรื่องลี้ลับ เรื่องผีสางเนี่ยมันกว้างทั้งโลก อยู่ที่ว่าเราจะจับเอาของไทยและของต่างประเทศมาผนวกรวมกันให้มันกลมกล่อม ให้มันน่าติดตามได้มากน้อยแค่ไหน ดังนั้นความเชื่อเรื่องนี้ ต่อให้ไปอีกร้อยปีมันก็จะอยู่คู่กับเราอย่างนี้ไปตลอดชาติ

The People : ทำไมถึงสร้างเดอะ โกสท์ เฮาส์ ขึ้นมา

แจ็ค : (หัวเราะ) อันดับแรกก่อน ผมเป็นคนที่มีความฝัน มีความฝันอยู่สองอย่าง วันหนึ่งมันต้องมีให้ได้ 1 ร้านกาแฟ 2 คาร์แคร์ คาร์แคร์ตัดไปก่อน เพราะมันต้องใช้พื้นที่อะไรเยอะ จนวันหนึ่งเดอะโกสท์เรดิโอมันประสบความสำเร็จ เราก็เลยคิดว่าเราอยากสร้างคอมมูนิตี้เล็ก ๆ ให้กับแฟนรายการได้มานั่งฟังเรื่องผี ก็เลยคิดคอนเซปต์ขึ้นมาว่าอยากทำร้านกาแฟ เด็กเข้าได้ ผู้ใหญ่เข้าได้ ครอบครัวมาได้ ตอนแรกจะเอนเอียงไปทางร้านเหล้า แต่ครอบครัวมาไม่ได้แน่ๆ เลย ทำร้านกาแฟ

แจ็ค เดอะ โกสท์ : ชีวิตผีผลัก จากเด็กเสิร์ฟสู่ผู้เสิร์ฟเรื่องผีแห่งเดอะ โกสท์ เรดิโอ

The People : ช่วงนั้นโควิด-19 ระบาด เดอะ โกสท์ ได้รับผลกระทบหรือไม่

แจ็ค : ช่วงที่ทำร้านกาแฟเนี่ยมันเป็นช่วงโควิดระลอกแรก ร้านที่มันอยู่ใน RCA ย้ายออกกันแบบบึ้มๆๆๆ แล้วราคามันถูก เป็นช่วงที่จังหวะเดอะโกสท์เรดิโอโชคดีมาก โควิดมา เดอะโกสท์เรดิโอไม่ได้รับผลกระทบอะไร เราจัดรายการเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ เพราะว่าคนฟังเยอะขึ้น 

จนเรามีเงินจำนวนหนึ่ง เรามาทำร้านข้างล่างออฟฟิศเราดีกว่า ออฟฟิศเราอยู่ข้างบน ข้างล่างเขาย้ายออกไปพอดี ก็เลยให้เขาออกแบบ อยากทำร้านกาแฟแนวนี้นะ เอาสีโลโกเดอะโกสท์เรดิโอเลยนะ แดง ขาว ดำ เขาก็ให้อินทีเรียออกแบบมา แบบแรกที่ออกมาแวบแรกเลยผมบอก อันนี้ใช่ ทำเลย 

แต่สิ่งหนึ่ง ปัญหาอย่างหนึ่งที่มันเกิดขึ้น ณ ตอนนั้นคือ มึงรู้เรื่องกาแฟหรอวะ ไม่มีใครชงกาแฟเป็น เราก็เลยหาทางออกจะทำยังไง

เราใช้วิธีการหาพาร์ทเนอร์ เราประกาศออกไปเลย เรามีร้านให้ คุณแค่เอาสูตรกาแฟ เอาพนักงาน เอาคนเอาเครื่องมารวมกับเรา เดี๋ยวเราเป็นการตลาดขายได้แน่นอน มีแบรนด์กาแฟเจ้าแรกติดต่อมา ขออนุญาตไม่พูดเป็นที่ไหน เจ้าใหญ่ที่เราเห็นในห้างติดต่อมา แต่คุยไปคุยมาปรากฏว่า ทิศทางของเขากับทิศทางของเรามันยังไม่ประสานกัน เขามองสโคปใหญ่เกินไป เรามองว่ามันใหญ่เกินไป มันเกินตัวเรา

The People : จุดกำเนิดเดอะ โกสท์ เฮาส์ บาย แม่มดนักชง

แจ็ค : ตอนนั้นมีอีกเจ้าหนึ่ง เขาชื่อว่า จีจี้ แม่มดนักชง เราสะดุดชื่อก่อนเลยให้ทีมงานติดต่อ เช็คไปเช็คมาคือเป็นฉายาของเขา ซึ่งเขาเป็นแชมป์บาริสต้าประเทศไทย 4 สมัย ไปแข่งต่างประเทศมาได้แชมป์อีก 2 สมัยทั้งหมด 6 สมัย ฝรั่งก็เลยขนานนามให้เขาว่าเป็นแม่มดนักชงกาแฟ สามารถสร้างสรรค์รสชาติกาแฟได้ตามใจ อยากกินกาแฟแนวไหนเขารังสรรค์ได้หมด แล้วชื่อมันแมตช์กับเดอะ โกสท์ เฮาส์ เราก็เลยติดต่อเขา 

ก็นั่งคุยกันปรากฏว่า คุณจีจี้ไม่รู้จักรายการเดอะโกสท์เรดิโอ แต่แฟนเขารู้จัก แล้วแฟนเขาเป็นแฟนตัวยงของรายการ คุยกันไปคุยกันมาคลิก เขาบอกว่า เอางี้ เดี๋ยวจี้จะลองสร้างรสชาติกาแฟใหม่ ๆ ขึ้นมาให้ลองชิมก่อนว่าชอบไหม เขาก็หายไปเดือนหนึ่ง ตอนนี้รสชาติกาแฟเสร็จแล้วนะ เขาทำมาให้ใหม่หมดเลย ไม่ว่าจะเป็นอเมริกาโน รสชาติอะไรอื่น ๆ ใหม่หมด

เราก็เลยจับมือเซ็นสัญญา ได้พาร์ทเนอร์เป็นเดอะ โกสท์ เฮาส์ บาย แม่มดนักชงนี้ขึ้นมา แล้วตอนเปิดร้านนี้ ปรากฏว่าลูกค้าที่มาชิมกาแฟที่ร้านวันแรก ชมเรื่องรสชาติกาแฟ ผมรอดตายแล้ว เพราะผมห่วงเรื่องเดียวคือเรื่องของรสชาติ

แจ็ค เดอะ โกสท์ : ชีวิตผีผลัก จากเด็กเสิร์ฟสู่ผู้เสิร์ฟเรื่องผีแห่งเดอะ โกสท์ เรดิโอ

The People : อะไรคือซิกเนเจอร์ของเดอะ โกสท์ เฮาส์

แจ็ค : เยอะมาก คำว่าเดอะโกสท์ทุกอันคือซิกเนเจอร์ เช่น คอฟฟี เดอะโกสท์ โกโก้ เดอะโกสท์ และที่สำคัญคือขนม บราวนี่ เราทำเอง ขนมเค้กเราทำเอง ทุกสิ่งทุกอย่างหลาย ๆ อันที่อยู่ในนั้นเราทำเอง เพราะฉะนั้นทุกเมนูที่เราทำเองไม่ว่าจะเป็นกาแฟหรือว่าขนมรสชาติมันจะเฉพาะมาก

ดวงตาปิศาจ อย่างนี้นี่คือซิกเนเจอร์ ซึ่งมันก็คือเป็นฮันนีโทส แล้วก็มีไอศกรีมแปะด้วย ไอศกรีมมาเป็นลูกกลม ๆ แปะด้วยช็อกโกแลตลูกเล็ก ๆ มันก็จะกลายเป็นลูกตา แล้วก็สร้างสรรค์เส้นเลือดให้มันเหมือนลูกตาอะไรแบบนี้ มันสวยแต่รูปหรือเปล่า ชิมไปปรากฏว่าเหยมันอร่อย มันดี

ทั้งหมดเลย ณ ตอนนี้ เรามีทั้งหมด 35 เมนู เมนูกาแฟ โคตรเยอะ กินเองยังไม่หมดเลย

แจ็ค เดอะ โกสท์ : ชีวิตผีผลัก จากเด็กเสิร์ฟสู่ผู้เสิร์ฟเรื่องผีแห่งเดอะ โกสท์ เรดิโอ

The People : รู้สึกขอบคุณผีบ้างไหม

แจ็ค : ผมรู้สึกขอบคุณผีมาตั้งนานแล้ว ผมรู้สึกขอบคุณดวงวิญญาณทุกครั้งที่เลิกจัดรายการ แล้วเวลาขับรถกลับบ้านทางมันมืด ๆ ผมจะไม่ค่อยกลัวผี เพราะผมคิดเอาเอง เข้าข้างตัวเองว่า เขาไม่มาหลอกผมหรอก เขาเอ็นดูเรา ไม่งั้นเขาคงไม่ให้เรามีทุกวันนี้ แต่ผมไม่เคยไปขออะไรกับผีนะ ต้องบอกไว้ก่อน เดี๋ยวจะหาว่าพี่แจ็คไปบนอะไรกับผีรึเปล่า ไม่ เพราะผมคิดว่าเขาเหล่านี้พอเป็นผีหรือวิญญาณ เขาก็ทุกข์ทรมานมากพอแล้วนะ ผมเชื่อในใจส่วนตัวว่า เขาเหล่านี้ไม่สามารถที่จะมีพลังวิเศษในการดลบันดาลอะไรบางอย่างให้กับคนอย่างเราได้ เรามีหน้าที่ในการทำบุญให้เขา อุทิศส่วนกุศลให้เขานั่นคือการตอบแทนที่ดีที่สุด

The People : ชีวิตที่ผ่านมาผีสอนอะไรเราบ้าง

แจ็ค : สอนว่าอย่าหัวร้อน (หัวเราะ) คืออันดับแรกก่อน มันเป็นความรู้สึกตอนที่เราโตขึ้นว่า ตอนสมัยวัยรุ่นทำไมเราหัวร้อนจัง เราจัดรายการ เรามีพื้นที่ในการจัดรายการที่ดีมากๆ อยู่แล้ว ณ ตอนนั้น ทุกคนเริ่มรู้จักเรา แจ็ค สายสิญจน์ มันแบบ โห อย่างน้อยก็ลูกน้องพี่ป๋องอะ เดินไปไหนมาไหนก็ใหญ่โตกร่างได้ แต่เราเป็นคนที่ไม่ระวังตัวเอง หัวร้อน แล้วก็เป็นคนที่ติสต์จัด อินดี้จัด ไม่เอาใคร จนวันหนึ่งพอเราหลุดจากตรงนั้นมาเรารู้เลยว่า เออ วันที่มึงเคยทำเอาไว้ พอวันนึงมึงไม่มีอะไร ก็ไม่มีใครมาเอามึงเหมือนกัน

เพราะฉะนั้นเราควรอยู่ในสังคม ควรอยู่กับคนที่เรารู้สึกดีกับเขาดีกว่า อย่าไปทำอะไรที่มันดูเป็นการเห็นแก่ตัวมากเกินไป นั่นคือสิ่งที่ผีสอน แต่เขาไม่ได้มาสอนแบบโอโห มาเข้าฝันอะไรแบบนี้ ไม่นะ แค่เรารู้สึกเองมากกว่า
 

แจ็ค เดอะ โกสท์ : ชีวิตผีผลัก จากเด็กเสิร์ฟสู่ผู้เสิร์ฟเรื่องผีแห่งเดอะ โกสท์ เรดิโอ