13 พ.ค. 2563 | 11:45 น.
"ผมคิดว่าทางออกที่สำคัญที่สุดของประเทศไทยนะครับ เราต้องการภาวะผู้นำที่เข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ อย่างจริงจัง ต้องการเห็นผู้นำได้รับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน ในทุก ๆ มิติ ทั้งมิติสุขภาพ มิติทางด้านเกี่ยวกับเศรษฐกิจ มิติทางด้านสังคม โดยที่ไม่ไปตีความอะไรที่ทำให้มองปัญหาต่าง ๆ แยกส่วนหรือผิดเพี้ยนไปได้ ถ้ามีภาวะผู้นำอย่างนี้ก็จะนำไปสู่การตัดสินใจที่ถูกต้อง ฉับพลัน" ในวันที่โลกไม่เหมือนเดิมจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีหลายประเด็นที่คนในสังคม ทั้งสังคมไทยและสังคมโลก มีวาระที่ต้องเรียนรู้ร่วมกันเพื่อรับมือกับ new normal ของชีวิต สังคม และเศรษฐกิจ บทสัมภาษณ์ นายแพทย์ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กับประเด็นคำถามที่น่าสนใจ ว่าด้วยเรื่องราวของประวัติศาสตร์ย่อ 100 ปีของโรคระบาดจากไข้หวัดสเปนสู่โควิด-19, นวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ใช้ป้องกันโควิด-19 อย่างเช่น face shield ไปจนถึงการรับมือกับโลกที่เปลี่ยนไป ที่เรา "ต้องเตรียมพร้อม" เพื่อให้คนทุกชนชั้นในสังคมผ่านพ้นไปด้วยกัน The People: เทียบกับวิกฤตที่ผ่านมา โควิด-19 อยู่ในส่วนไหนของประวัติศาสตร์โลก สุรพงษ์: ถ้าใช้คำที่เคยมีการใช้กันบ่อย ๆ ผมว่าเป็น Mother of all fears มารดาความน่ากลัวทั้งปวง คือถ้าพูดในแง่ของโรคก็ต้องถือว่าเป็นโรคที่รุนแรง ถ้าหากในช่วงนี้ของประวัติศาสตร์ ถ้าเรามีขีดความสามารถหรือมีปัญหาคล้าย ๆ กับสมัยเมื่อ 102 ปีที่แล้ว ยุค ค.ศ.1918 ซึ่งตอนนั้นมีสงครามโลกด้วย ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตัวโรคยังไม่มากเท่ากับทุกวันนี้ ไม่แน่อาจจะระบาดหนักถึงกับตอนสมัยโน้นที่มีผู้ป่วย 500 ล้านคน เสียชีวิต 50 ล้านคน ในแง่ของเชิงโรคระบาด โควิด-19 ระบาดได้เร็ว ขณะเดียวกันเองเป็นการระบาดโดยที่คนแพร่เชื้อยังไม่มีอาการด้วยซ้ำไป อันนี้เป็นอันที่แตกต่างจากตัวเชื้อโรคอื่น ๆ เชื้อโรคอื่น ๆ ที่หากรุนแรงทำให้เสียชีวิตมาก ส่วนใหญ่จะระบาดได้ช้ากว่าอย่างเช่น MERS ซึ่งเสียชีวิตประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ระบาดได้ยากมาก ดังนั้นตัวโควิด-19 ทั้งระบาดได้เร็ว ระบาดตอนช่วงที่ไม่มีอาการ ขณะเดียวกันยังสามารถทำให้อัตราตายสูง ในวันนี้คร่าว ๆ ผมว่ามันอยู่ประมาณ 7 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปแล้ว อาจจะไปสูงกว่านั้นด้วยซ้ำไป อันนั้นคืออันแรก อันที่สอง พอมีปัญหาการระบาดของโควิด-19 ในยุคโลกาภิวัตน์ สิ่งที่ตามมาก็คือเกิดผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจของโลก คือยุค Great Depression (ค.ศ. 1929) ตอนนั้น ความเป็นโลกาภิวัตน์ยังไม่เยอะมากเท่ากับทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเดินทาง ที่จะเดินทางได้สะดวกมาก ชั่วระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมงก็สามารถจะข้ามทวีปได้ เรื่องการพึ่งพาเรื่องการค้าขายระหว่างประเทศอย่างมาก ตรงนี้พอเกิดปัญหาโควิด-19 ขึ้นมาปุ๊บ มันทำให้เกิดผลกระทบต่อเรื่องการทำธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการส่งออก เรื่องท่องเที่ยว ฉะนั้นประเทศไหนที่พึ่งพาธุรกิจระหว่างประเทศมาก ประเทศนั้นก็จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ณ วันนี้ผมคิดว่าอะไรที่เราเคยเจอมาก่อนหน้านี้ ณ วันนี้เราจะเจอหนักกว่าที่เคยเจอมาแล้ว The People: ความรุนแรงของโควิด-19 เมื่อเทียบกับโรคระบาดอื่น ๆ ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต? สุรพงษ์: คือถ้าเปรียบเทียบกับ HIV HIV เป็นการติดต่อที่เมื่อก่อนที่จะค้นพบก็อาจจะมึนงงว่าติดต่อได้ยังไง แต่พอตอนหลังพบว่าเป็นการติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือทางเลือด ฉะนั้นการป้องกันก็ไม่ยากแล้ว เช่น ถ้าทางเพศสัมพันธ์เราก็เน้นเรื่องการใช้ถุงยางอนามัย ทางเลือดอย่างเช่น เรื่องการให้เลือดหรือการฉีดยาเสพติดเข้าเส้นก็สามารถจะรณรงค์ว่า ถ้าหากจะมีการฉีด ก็จะต้องเปลี่ยนเข็มใหม่ ฉะนั้นการป้องกัน HIV วันนี้ผมว่าเราทำได้ดีพอสมควร แล้วรวมทั้ง HIV เองก็ไม่ได้ทำให้เกิดการเสียชีวิตทันที มันจะค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป จนกระทั่งทำให้ร่างกายของคนที่ติดเชื้อ HIV มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง แล้วถึงจะมีโรคแทรกซ้อนตามมา ถ้าเปรียบเทียบกับ MERS แล้ว MERS นี่รุนแรง อัตราการตาย 30 เปอร์เซ็นต์ แต่ว่าอัตราการแพร่เชื้อยากมาก เคยมีเคสที่เป็นกรณีศึกษาคือว่า คนที่เป็น MERS เดินทางขึ้นไปบนเครื่องบิน ในลำนั้นมีคนอยู่ประมาณ 200 กว่าคน ปรากฏว่าไม่มีใครติดเลยสักคนหนึ่ง จากกรณีของการที่มีผู้ติดเชื้อ MERS ขึ้นไปในเครื่องบิน นั่นแสดงให้เห็นว่าการติดเชื้อเนี่ยยาก ถ้าเปรียบเทียบกับ SARS ก็แบบเดียวกัน คือ SARS มีอัตราตายประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ แต่การติดเชื้อน้อยกว่าโควิด-19 เพราะว่าตอนช่วงที่เราเจอ SARS เมื่อปี 2003 คือเมื่อ 17 ปีที่แล้ว ประเทศไทยเองก็ระมัดระวัง มีการศึกษาติดตามผู้ที่เป็นผู้ป่วย SARS ผู้ป่วย SARS ขึ้นเครื่องบินเหมือนกัน ปรากฏว่าเราติดตามไป 14 วัน คนที่นั่งข้าง ๆ ผู้ป่วย SARS ไม่ติดเชื้อ นั่นคือว่าการติดเชื้อก็ยากกว่าโควิด-19 งั้นถ้าถามว่า ณ วันนี้เขาบอกว่าตัวโรคโควิด-19 เป็น SARS-CoV-2 ก็คือเป็นรุ่นที่ 2 ถ้าเทียบเป็นหนังก็คือเหมือน The Empire Strikes Back (Star Wars: Episode V, 1980) คือว่าแพ้ในรอบนั้นเมื่อปี 2003 มาครั้งนี้เขามาใหม่ เขาเก่งขึ้น เขาแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันอัตราการเสียชีวิตก็ไม่ได้ลดลงมากเท่าไหร่นัก