แจ็ค กรีลิช: กัปตันถุงเท้าสั้นหัวใจสิงห์ จากกีฬาไอริชสายบู๊ สู่ดาราลูกหนังดวงใหม่ของอังกฤษ

แจ็ค กรีลิช: กัปตันถุงเท้าสั้นหัวใจสิงห์ จากกีฬาไอริชสายบู๊ สู่ดาราลูกหนังดวงใหม่ของอังกฤษ
ในนัดหยุดโลกของยูโร 2020 ระหว่างอังกฤษกับเยอรมนี จบด้วยชัยชนะของอังกฤษ 2-0 ท่ามกลางเกมที่ตึงเครียดที่ยังไม่มีใครยิงประตูได้ จนในนาทีที่ 69 การเปลี่ยนตัวนักเตะคนหนึ่งทำให้เกมของอังกฤษค่อย ๆ เปลี่ยนไป จนได้ประตูขึ้นนำ 1-0 และในที่สุดเขามีส่วนในการส่งบอลให้แฮร์รี เคน เพื่อนร่วมทีมฝังเยอรมนีด้วยสกอร์ 2-0 ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือ แจ็ค กรีลิช ขวัญใจคนใหม่ของทีมชาติอังกฤษ แจ้งเกิดในนามทีมชาติได้เต็มตัวสำหรับแจ็ค กรีลิช กัปตันทีม ‘สิงห์ผยอง’ แอสตัน วิลล่า ผู้พาอังกฤษผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายศึกฟุตบอลยูโร 2020 ด้วยการเป็นฮีโร่กระชากบอลสุดเส้นหลังก่อนเปิดให้ราฮีม สเตอร์ลิ่ง โหม่งจ่อ ๆ เข้าไปเป็นประตูชัยให้ทีม ‘สามสิงห์’ (Three Lions) เฉือนชนะสาธารณรัฐเช็ก 1 - 0 ในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม และทำให้อังกฤษแซงเข้าป้ายในฐานะแชมป์กลุ่ม ดี ผลงานอันยอดเยี่ยมนี้เกิดขึ้นในการลงสนามเป็นตัวจริงนัดแรกของทัวร์นาเมนต์ และทำให้กัปตันแจ็คจากทีมสิงห์ผยอง กลายเป็นขวัญใจและดาราดวงใหม่ของแฟนบอลอังกฤษไปทันที ขณะเดียวกันก็มีกระแสข่าวว่า เขากำลังเป็นที่หมายตาของแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่พร้อมทุ่มเงินเป็นสถิติใหม่ 100 ล้านปอนด์ คว้าตัวมาร่วมทัพในฤดูกาล 2021/22 ด้วยลีลากล้าเล่นกล้าลุยจนได้ฉายา ‘นิว แกซซ่า’ ผนวกกับหน้าตาหล่อเหลาและสวมเสื้อทีมชาติหมายเลข 7 คล้ายเดวิด เบ็คแฮม ไม่ว่าจะนำเขาไปเปรียบเทียบกับใคร มิดฟิลด์ถุงเท้าสั้นเชื้อสายไอริชผู้นี้กำลังก้าวไปเป็นซูเปอร์สตาร์ดวงใหม่ และเรื่องราวชีวิตของเขาก็ยืนยันได้ว่าไม่เหมือนใคร แต่เป็นสไตล์แจ็ค กรีลิช ของตัวเอง   ครอบครัวหัวใจสิงห์ แจ็ค ปีเตอร์ กรีลิช (Jack Peter Grealish) คือ ชื่อเต็มของนักเตะซูเปอร์สตาร์อังกฤษคนใหม่ เขาเกิดวันที่ 10 กันยายน ค.ศ. 1995 ที่เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ ครอบครัวเป็นชนชั้นกลางเชื้อสายไอริช และเป็นแฟนบอลตัวยงของทีม ‘สิงห์ผยอง’ แอสตัน วิลล่า ความคลั่งไคล้ในทีมวิลล่าจากเมืองเบอร์มิงแฮมของครอบครัวกรีลิช สามารถย้อนกลับไปได้ไกลว่า 100 ปี เนื่องจากเทียด (พ่อของทวด) ของเขานามว่า บิลลี การ์ราตี เคยเป็นผู้เล่นทีมสิงห์ผยอง ชุดแชมป์เอฟเอคัพปี 1905 และเคยลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษมา 1 นัด กรีลิชมีพี่น้องทั้งหมด 4 คน เขาเป็นพี่ชายคนโต และมีน้องสาวอีก 2 คน ส่วนน้องชายคนเล็กเสียชีวิตตั้งแต่วัยแบเบาะ ทำให้เขากลายเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวและได้รับการสนับสนุนด้านกีฬาอย่างเต็มที่ เนื่องจากเควิน บิดาของเขารักการเล่นกีฬาและพาครอบครัวเข้าสนามฟุตบอลเพื่อเชียร์ทีมแอสตัน วิลล่าเป็นประจำ โดยนักเตะคนโปรดของแจ็คในวัยเด็ก คือ กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ อดีตดาวยิงของวิลล่าและทีมชาติอังกฤษ   เลือดไอริชสายบู๊ ด้วยการบ่มเพาะความคลั่งไคล้ในเกมกีฬาของครอบครัว ทำให้กรีลิชได้มีโอกาสเข้าไปเป็นนักเตะเยาวชนของโรงเรียนลูกหนังแอสตัน วิลล่า ตั้งแต่อายุเพียง 6 ขวบ จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ ฉายแววอัจฉริยะเรื่อยมาจนมีชื่อติดทีมชุดใหญ่ตั้งแต่วัย 16 ปี  “พอล แกสคอยน์ คือนักเตะเยาวชนที่เก่งที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอ และแจ็ค (กรีลิช) ก็ใกล้เคียงจุดนั้น” ไบรอัน โจนส์ อดีตโค้ชโรงเรียนลูกหนังแอสตัน วิลล่า เปรียบเทียบกรีลิชกับ ‘แกซซ่า’ มิดฟิลด์ซูเปอร์สตาร์ทีมชาติอังกฤษในยุค 90s เขาบอกว่า กรีลิชมักแบกนำ้หนักคู่ต่อสู้ด้วยการลงเล่นข้ามรุ่นในทีมที่มีผู้เล่นอายุมากกว่าเขา 2 ปีขึ้นไป แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับว่าที่กัปตันแจ็ค จุดเด่นของแจ็ค กรีลิช คือการกล้าเล่น กล้าครองบอล และเลี้ยงตะลุยฝ่าแนวรับคู่ต่อสู้เพื่อเรียกฟาวล์ นอกจากนี้ยังสามารถยิงประตูและจ่ายให้เพื่อนทำสกอร์ (แอสซิสต์) ได้โดดเด่น โดยลีลาขาบู๊ของเขามีพื้นฐานมาจากเกลิค ฟุตบอล (Gaelic football) กีฬาประจำชาติของชาวไอริช ซึ่งเป็นส่วนผสมของฟุตบอลกับรักบี้ “เขาถามผมว่าทำไมแจ็คจึงเก่งเรื่องรับมือกับการปะทะอะไรพวกนั้น มันมาจากเกลิค ฟุตบอล มันสร้างความแข็งแกร่งให้ลำตัวช่วงบนได้จริง คู่ต่อสู้จะกระเด็นออกไปเมื่อมาปะทะ มันน่าจะเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงแข็งแกร่งในวันนี้” เควิน กรีลิช พ่อของกัปตันแจ็คเล่าถึงกีฬาสุดโปรดของลูกชายในช่วงวัยรุ่น โดยแจ็ค กรีลิช เริ่มเล่นกีฬาประจำชาติของไอร์แลนด์ชนิดนี้ที่โรงเรียนตั้งแต่ 10 ขวบ และเลิกเล่นไปตอนอายุ 16 ปี เนื่องจากหันมาเอาดีกับฟุตบอล “มันเป็นกีฬาป่าเถื่อนหากเทียบกับซอคเกอร์ แจ็คใช้เท้าได้ดีอย่างที่รู้กัน แต่ถ้าคุณสามารถใช้มือหยิบลูกบอลขึ้นมาเล่นได้ เขาจะกอดบอลวิ่งหลอกล่อผ่านไปได้ทุกคน” เควินเผยถึงอีกความสามารถในการเล่นกีฬาของลูกชาย   ถุงเท้าสั้นกับสตั๊ดขาด ด้วยสายเลือดนักสู้แบบชาวไอริชนี่เองทำให้กรีลิชสามารถก้าวจากนักเตะเยาวชนกลายเป็นกัปตันทีมและหัวใจในความสำเร็จของแอสตัน วิลล่า เขาพาทีมสิงห์ผยองเลื่อนชั้นกลับขึ้นมาพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จในปี 2019 และกลายเป็นดาราดังของทีม ซึ่งมีลีลาและการแต่งตัวไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะการสวมถุงเท้าแค่ครึ่งแข้ง และใส่สนับแข้งไซส์เล็กกว่านักเตะคนอื่นทั่วไป กัปตันแจ็คเผยถึงที่มาของเอกลักษณ์การแต่งตัวแบบนี้ว่าไม่ใช่การเลียนแบบจอร์จ เบสต์ ตำนานนักเตะของทีม ‘ปีศาจแดง’ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่เป็นความชอบและความถนัดส่วนตัว อีกทั้งยังเป็นความเชื่อเรื่องโชคลาง เนื่องจากเขามักทำผลงานได้ดีเพราะการแต่งตัวในลักษณะนี้ “แน่นอน ถุงเท้าควรต้องดึงขึ้นมาเหนือน่อง แต่มีปีหนึ่งตอนผมอยู่ที่นี่ (แอสตัน วิลล่า) ถุงเท้ามันซักแล้วหด มันดึงให้สูงขึ้นมาไม่ได้ และฤดูกาลนั้นผมดันเล่นดี มันเลยกลายเป็นความเชื่อโชคลางที่ผมทำมาตลอด” อีกเหตุการณ์ซึ่งถือเป็นเครื่องยืนยันความเชื่อโชคลางของกรีลิช คือ การสวมรองเท้าสตั๊ดคู่เก่าซึ่งมีสภาพขาดจนแทบไม่เชื่อว่าเป็นรองเท้าของนักฟุตบอลอาชีพค่าตัวแพงในการลงเล่นพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2019 หลังจากที่เขาหายเจ็บกลับมาช่วยทีมต้นสังกัด ซึ่งเพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นลีกสูงสุด “ผมหายเจ็บกลับมาและรองเท้ามันก็อยู่ในสภาพที่เห็น แต่ผมทำได้ 2 - 3 ประตู และอีก 2 - 3 แอสซิสต์ เลยคิดว่ามันเป็นสตั๊ดนำโชค ผมจึงต้องเก็บมันเอาไว้” แม้อาจฟังดูเป็นเรื่องงมงาย แต่การเชื่อโชคลางเป็นสิ่งที่นักกีฬาระดับโลกหลายคนก็ทำเพื่อเรียกความมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็น ‘พญาเสือ’ ไทเกอร์ วูดส์ ที่มักสวมเสื้อสีแดงลงแข่งวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นรอบสุดท้ายของศึกกอล์ฟพีจีเอทัวร์ทุกรายการ ขณะที่ไมเคิล จอร์แดน อดีตนักบาสซูเปอร์สตาร์ทีมชิคาโก้ บูลส์ ก็สวมกางเกงสมัยเล่นให้ทีมมหาวิทยาลัยไว้ด้านในเพื่อเอาฤกษ์เอาชัยทุกครั้งที่ลงสนาม จนกลายเป็นแฟชั่นกางเกงโอเวอร์ไซส์ และพาทีมคว้าแชมป์เอ็นบีเอได้ถึง 6 สมัย ด้วยเหตุนี้ หากความเชื่อเรื่องโชคลางของแจ็ค กรีลิช ไม่ใช่การทำผิดกติกา สิ่งนั้นก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่เสียหายอะไร   เรื่องอื้อฉาวและการกลับใจ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้แจ็ค กรีลิช เกือบเสียหายและไม่มีวันนี้ คือ การตัดสินใจลงเล่นให้กับทีม ‘ยักษ์เขียว’ ไอร์แลนด์ เขาลงเล่นให้ทีมชาติไอร์แลนด์ตั้งแต่รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี (ยู-17) ก่อนจะเปลี่ยนใจเลือกย้ายมาเล่นให้อังกฤษในชุดยู-21 และติดทีมชาติชุดใหญ่ได้ในที่สุด นิสัยแบบชาวไอริช ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องดื่มหนักและจริงจังกับทุกสิ่งที่ทำทั้งหน้าที่การงาน และการพักผ่อนสังสรรค์อย่างสุดเหวี่ยง ก็ทำให้กรีลิชต้องตกเป็นข่าวอื้อฉาว และเกือบหมดอนาคตในทีมชาติไปเช่นกัน เขาถูกสื่อเผยแพร่ภาพขณะสูดดม ‘แก๊สหัวเราะ’ จากลูกโป่งถึง 2 ครั้งในเดือนเมษายน 2015 และกันยายน 2016 นอกจากนี้ตอนอายุ 19 ปี กรีลิชยังเคยนอนเมาแอ๋อยู่บนพื้นถนนที่สเปน พร้อมซองบุหรี่ตกกระจายอยู่ข้างตัว โดยภาพนี้หลุดออกมาตามหน้าสื่อต่าง ๆ จนถูกวิจารณ์อย่างหนัก เดือนมีนาคม 2020 กรีลิชตกเป็นข่าวอีกครั้งด้วยการฝ่าฝืนกฎล็อกดาวน์ป้องกันโควิด-19 ออกไปปาร์ตี้ยันเช้า และขับรถเฉี่ยวชนรถยนต์ของคนอื่นที่จอดไว้ข้างทางจนได้รับความเสียหาย ข่าวฉาวเหล่านี้นอกจากจะทำให้เขาเคยโดนลงโทษทั้งปรับและแบน ยังทำให้แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษต้องชะลอการเรียกตัวติดทีมชาติอีกด้วย อย่างไรก็ตาม กรีลิชเริ่มค่อย ๆ เปลี่ยนพฤติกรรมและมีวุฒิภาวะมากขึ้นตามตัวเลขอายุของเขา ขณะเดียวกัน การได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมวิลล่าก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้เริ่มหันมามีความรับผิดชอบมากขึ้น เหตุการณ์ที่ชี้ให้เห็นถึงความเป็นผู้ใหญ่และมีความยับยั้งชั่งใจมากขึ้น คือ การลงเล่นในเกมดาร์บี้แมตช์นัดที่สองกับเบอร์มิงแฮม ซิตี้ ทีมคู่ปรับร่วมเมืองในปี 2019 ซึ่งเป็นฤดูกาลสุดท้ายในลีกแชมเปี้ยนส์ชิป ก่อนเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุด กรีลิชถูกแฟนบอลฝ่ายตรงข้ามวิ่งลงมาในสนามและชกจากด้านหลังจนล้มลง แต่เขาไม่ได้ลุกขึ้นตอบโต้ และปล่อยให้เพื่อน ๆ กับเจ้าหน้าที่ช่วยกันจับตัวชายคนดังกล่าวออกไป แต่สิ่งที่เขาทำตามมาคือการตอบโต้โดยไม่ใช้ความรุนแรงด้วยการระเบิดฟอร์มในสนาม และเป็นผู้ทำประตูชัยเพียงประตูเดียวในนัดนั้นให้วิลล่าบุกไปยัดเยียดความปราชัยให้กับทีมรักของคนที่ทำร้ายเขาได้ในที่สุด “เขาเคยก่อเรื่อง 2 - 3 ครั้งซึ่งผมคิดว่าเขารู้สึกเสียใจ แต่นับจากนั้นมาเขาก็โตเป็นผู้ใหญ่ ตอนนี้ได้เป็นกัปตันทีมวิลล่า และความรับผิดชอบนั้นทำให้เขาได้เข้าสู่โลกของการทำดี” โจนส์กล่าวถึงกรีลิชที่เขาเคยฟูมฟักมาตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะเยาวชน   จุดเด่นและจุดด้อย นับจากปี 2012 ที่เริ่มเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพกับแอสตัน วิลล่า จนถึงสิ้นสุดฤดูกาล 2020/21 กรีลิชลงเล่นให้ทีมสิงห์ผยองทุกรายการไปทั้งหมด 213 นัด และทำไป 32 ประตู กับอีก 43 แอสซิสต์ แม้ฤดูกาล 2020/21 วิลล่าจะจบที่อันดับ 11 ของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก แต่ฟอร์มการเล่นของกัปตันวัย 25 ปีผู้นี้ถือว่ามีพัฒนาการโดดเด่น เขากลายเป็นหัวใจของทีมด้วยทักษะการครองบอลยอดเยี่ยม สามารถเรียกฟาวล์จากคู่แข่งได้มากถึง 110 ครั้งตลอดฤดูกาล นับเป็นสถิติสูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของลีก แม้จะพลาดลงสนามไปถึง 1 ใน 3 ของซีซั่นเนื่องจากอาการบาดเจ็บ นอกจากนี้ กรีลิชยังสามารถทำแอสซิสต์ และสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนพังประตูดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ของลีก รองจากเควิน เดอ บรอยน์ ของแมนฯ ซิตี้ เพียงคนเดียวเท่านั้น ด้วยผลงานดังกล่าวจึงเป็นเรื่องปฏิเสธไม่ได้ที่แอสตัน วิลล่า จะจับเขาเซ็นสัญญาอยู่กับสโมสรยาวไปถึงปี 2025 พร้อมทุ่มงบอีกมากมายดึงนักเตะฝีเท้าดีมาเสริมทัพเพื่อเหนี่ยวรั้งกรีลิชไว้ในถิ่นวิลล่า พาร์ค โดยให้เขาเป็นจอมทัพแกนหลักศูนย์กลางของทีม แม้จะมีข่าวตกเป็นเป้าของแมนฯ ซิตี้ ที่พร้อมทุ่มเงินถึง 100 ล้านปอนด์ ดึงตัวไปร่วมทัพหลังจบศึกยูโร 2020 ก็ตาม ไม่ว่าอนาคตข้างหน้าของ ‘กัปตันแจ็ค’ ผู้นี้จะเป็นอย่างไร แต่ที่แน่นอนคือเขาได้เรียนรู้จากประสบการณ์และความผิดพลาดในอดีต จนสามารถก้าวมาเป็นนักเตะแถวหน้าของวงการลูกหนังอังกฤษได้สำเร็จ กรีลิชยอมรับว่า หนึ่งในจุดอ่อนของเขาที่ผ่านมาคือความดื้อรั้น “ผมแสดงออกมาครั้งหนึ่งในซีซั่นนี้ (2020/21) ตอนเจอกับเวสต์แฮม พวกเขาใช้แบ็คขวา 2 คนตามประกบผม และผู้จัดการทีมบอกผมว่า ‘ทำไมไม่ย้ายไปเจาะอีกฝั่งหรือเข้าไปเล่นด้านในแทน’ “ผมตอบไปว่า ‘ไม่ เพราะรู้สึกอยากเอาชนะพวกเขาเหล่านั้น’ แต่หลังจากนั้น (พอย้ายไปเล่นอีกฝั่ง) ผมก็ได้แอสซิสต์  “บางทีผมควรคิดถึงสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทีมและไม่ทำตัวดื้อรั้นจนเกินไป” แจ็ค กรีลิช กัปตันถุงเท้าสั้นของทีมแอสตัน วิลล่า กล่าวถึงบทเรียนชีวิตที่ผ่านมาก่อนจะก้าวเป็นซูเปอร์สตาร์ดวงใหม่ของทีมชาติอังกฤษในสไตล์ของตนเองแบบในปัจจุบัน   ข้อมูลอ้างอิง: https://www.bbc.com/sport/football/57610746 https://www.skysports.com/football/news/11661/12341756/jack-grealish-aston-villa-open-contract-talks-with-england-star-amid-interest-from-manchester-city https://www.teamtalk.com/news/masterstroke-jack-grealish-agents-villa-exit-man-city-transfer https://www.goal.com/en/news/why-jack-grealish-wears-his-socks-low-england-stars-unusual/1er3eaxjw0mfd1mu4yxg4r9fq1 https://www.hammers.news/news/jack-grealish-says-he-learned-a-lot-from-facing-toughest-test-against-west-ham-last-season-as-aston-villa-star-sets-up-england-winner/ https://www.dailymail.co.uk/sport/sportsnews/article-8167499/Jack-Grealish-controversies-surrounding-career-Manchester-Uniteds-60m-target.html