เจสัน มราซ เคยทิ้งวงการเพลงหนีไปทำฟาร์มอะโวคาโด

       เจสัน มราซ นักร้อง นักแต่งเพลงชื่อดังประสบความสำเร็จอย่างมากในอุตสาหกรรมดนตรีช่วงปี 2008-2012 โดยเฉพาะเพลงฮิตอย่าง “I’m Yours" ที่ทำให้ชื่อเสียงของมราซก้องไกลไปทั่วโลก อัลบั้ม ‘Waiting For My Rocket To Come’ (ผลงานชุดแรก) และ ‘We Sing. We Dance. We Steal Things’ (ผลงานชุดที่สาม) ได้รับความนิยมอย่างมากจนมียอดขายระดับแพลทินัมและยังทำให้เขาได้รางวัลแกรมมีกลับไปนอนกอดอีกด้วย แต่ความโด่งดังนั้นไม่ใช่สิ่งที่มราซต้องการเสียทีเดียว หลังจากปล่อยผลงานชุดที่ห้า ’Yes!’ (2014) ออกมา มราซตัดสินใจหันหลังให้กับวงการเพลง และหายหน้าหายตาจากวงการเพลงไปกว่าสี่ปี ในตอนนั้นหลายคนคิดว่านักร้องเสียงดีคนนี้จะเลิกร้องเพลงเสียแล้ว แต่แล้วในปี 2018 ชายคนนี้ก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับเพลงใหม่ล่าสุด "Have It All" ผลงานจากอัลบั้มชุดที่หกของเขา ’Know' แต่หลายคนก็ยังคงสงสัยว่าตลอดระยะเวลากว่าสี่ปีมราซหายไปไหนมา? คำตอบก็คือเขาออกจากวงการเพลงเพื่อไปทำสวนอะโวคาโดนั่นเอง        ย้อนกลับไปเมื่อปี 2004 มราซตัดสินใจจะลงหลักปักฐานที่ซานดิเอโก และได้ค้นพบบ้านหลังหนึ่งขนาดห้าเอเคอร์ครึ่งที่มาพร้อมไร่อะโวคาโดขนาดใหญ่ แน่นอนมราซที่เป็นคนรักอะโวคาโดอยู่แล้วไม่รอช้าที่จะซื้อพื้นที่ตรงนี้เพื่อเนรมิตให้เป็นวิมานแห่งความสุขของเขา “มันคือสถานที่เพื่อให้คุณแยกตัวออกจากโลกและชีวิตบ้า ๆ” มราซให้สัมภาษณ์ บ้านของมราซเป็นบ้านชั้นเดียวทอดยาวโดยมีวิวด้านหลังเป็นมหาสมุทรแปซิฟิก ตัวบ้านตลอดหลังจะเต็มไปด้วยซุ้มไม้พุ่มเลื้อยต่าง ๆ ทั้งเสาวรส และองุ่น ซึ่งเป็นบริเวณที่เขามักจะชอบมาแต่งเพลง และนอกเหนือจากอะโวคาโดแล้วมราซยังปลูกผลไม้อีกหลายชนิดทั้ง ฝรั่ง มะม่วง ทับทิม และเมเยอร์ เลม่อน ภายในสวนยังมีการเลี้ยงไก่เพื่อหวังเก็บไข่และนำเอาอุจจาระของมันมาเป็นปุ๋ยอีกด้วย มราซดูเป็นคนที่รักธรรมชาติใช้ชีวิตเรียบง่ายและพอเพียง แต่คุณเชื่อหรือไม่? มราซคนปัจจุบันไม่ได้มีความใกล้เคียงกับคนเก่าเมื่อสิบกว่าปีเลยเขาเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ส่วนหนึ่งก็คือการที่เขาเป็นมังสวิรัติ        ก่อนจะมาเป็นนักร้องดังมราซเคยทำงานเป็นพนักงานไปรษณีย์ร่วมถึงภารโรงในโรงเรียนมาก่อน ในตอนนั้นไลฟ์สไตล์ของเขาไม่ได้แตกต่างจากคนทั่วไปมากนัก ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นสิงห์อมควันที่ทั้งดื่มหนักและยังชอบกินอาหารฟาสต์ฟู๊ดมาก ๆ อีกด้วย แต่หลังจากที่เข้าสู่วงการเพลงเต็มตัวมราซก็ได้รู้แจ้งเห็นจริงว่า ถ้าขืนยังใช้ชีวิตแบบนี้เขาจะต่างอะไรกับขี้ยาคนหนึ่ง? “ในชีวิตของผมที่ผ่านมามันเหมือนกับการโต้คลื่น ผมผ่านสิ่งเหล่านั้นมาเยอะ และวันหนึ่งผมก็รู้สึกว่าการสูบบุหรี่เป็นเรื่องไร้สาระ ผมต้องตัดสิ่งเหล่านี้ออกไปและหลังจากนั้นผมก็รู้สึกตัวเองมีพลังจะทำอะไรมากขึ้น ผมเริ่มกลับมาวิ่ง และเริ่มออกกำลังกายมากขึ้น” มราซพูดถึงจุดเปลี่ยนที่ทำให้หันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น         ในปี 2008 หลังจากที่เพลง “I’m Yours” กำลังไต่ขึ้นชาร์ทวันต่อวัน หนึ่งในนักดนตรีของมราซถูกหมอวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานชนิดหนึ่ง โดยหมอคนดังกล่าวแนะนำให้คนทั้งวงหันมากินผักมากขึ้นซึ่งนั่นกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้มราซกระโดดเข้ามาเป็นมังสวิรัติเต็มตัว “เราตัดสินใจพาเชฟไปทัวร์กับพวกเราด้วยตลอดสามสิบวันและทำอาหารสำหรับมังสวิรัติ ทั้งหมดไม่ใช่แค่เพื่อให้เห็นความเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่แค่น้ำหนักลดลงแต่ทั้งหมดคือเรื่องของสุขภาพและพลังงาน ซึ่งหลังจากนั้นเราก็ไม่เห็นร่องรอยของโรคเบาหวานอีกเลย” แรกเริ่มเดิมทีมราซไม่ได้วางแผนจะเป็นชาวสวนหรือหวังทำอะโวคาโดเพื่อธุรกิจแต่อย่างไร เขาชอบที่จะเก็บสิ่งที่ปลูกมารับประทานเสมอนั่นคือทั้งหมดที่เขาต้องการ แต่ต่อมามราซได้เล็งเห็นว่าสิ่งนี้นอกจากจะเป็นความสุขแล้วมันยังสามารถสร้างรายได้ให้กับเขาได้เช่นกัน        ในปี 2015 มราซและครอบครัวจัดตั้งฟาร์มจริงจังภายใต้ชื่อว่า “Mraz Family Farms” และมีการขยายฐานการผลิตมากขึ้นจนสามารถส่งออกอะโวคาโดได้ทั่วโลก อีกทั้งฟาร์มของมราซยังเป็นฟาร์มที่ขายอะโวคาโด้ให้กับแบรนด์ร้านอาหารเม็กซิกันชื่อดังอย่าง ชิโปเล่ อีกด้วย โดยมียอดขายกว่า 30,000 ปอนด์ ต่อปี แม้ดนตรีจะเป็นสิ่งที่เขารักแต่ในเวลาเดียวกันความโด่งดังก็กลายเป็นตัวบั่นทอนความรักในดนตรีของเขาจนต้องหันหลังให้กับชื่อเสียงทั้งหมด แต่การทำสวนทำให้มราซเรียนรู้ที่จะอยู่กับตัวเองมากขึ้นและสุดท้ายเขาได้พบความสุขในการเล่นดนตรีอีกครั้งเพราะมัน

“ถ้าคุณไม่มีอะไรเลยนอกจากความรักในอะโวคาโดของคุณ คุณเพียงนำมันมาทำเป็นกัวคาโมเล และจากนั้นทั้งหมดที่คุณต้องการก็คือหาใครสักคนแล้วแชร์สิ่งนี้กับเขา”

  ที่มา : https://www.sandiegouniontribune.com/business/restaurants/sdut-mraz-avocados-chipotle-guacamole-2014aug15-story.html http://www.eatingwell.com/article/284844/jason-mraz-the-accidental-avocado-farmer/