จอน จี ฮยอน (จวนจีฮุน) : 18 ปี อยากบอกให้เธอได้ฟังคิดถึงเธอจัง “ยัยตัวร้าย”

จอน จี ฮยอน (จวนจีฮุน) : 18 ปี อยากบอกให้เธอได้ฟังคิดถึงเธอจัง “ยัยตัวร้าย”

จอน จี ฮยอน (จวนจีฮุน) : 18 ปี อยากบอกให้เธอได้ฟังคิดถึงเธอจัง “ยัยตัวร้าย”

ย้อนกลับไปในยุค 1990 ถึงต้นยุคมิลเลนเนียมวงการบันเทิงเอเชียที่มีอิทธิพลกับสังคมไทยมากที่สุดในยุคนั้นยังเป็นยุคของ J-Pop และแฟชั่นแนวฮาราจูกุ สิ่งบันเทิงจากเกาหลีนั้นดูจะเป็นกระแสรองและยังไม่เป็นที่นิยมในเมืองไทยเหมือนทุกวันนี้ ครั้งหนึ่ง ผู้เขียนมีโอกาสพูดคุยกับ ทรงศักดิ์ เปรมสุข อดีตผู้บริหารไอทีวีที่นำซีรีส์จากเกาหลีเข้ามาฉายเป็นเจ้าแรก ๆ อย่าง Winter Sonata หรือ เพลงรักในสายลมหนาว ที่แจ้งเกิดพระเอกโอปป้าใส่แว่นที่แสนอบอุ่น “เบ ยองจุน” และทำให้เกาะนามิเป็นที่นิยม กล่าวถึงเหตุผลที่เลือกซีรีส์จากเกาหลีเข้ามาฉายในไทยส่วนหนึ่งก็เพราะว่า “ซีรีส์เกาหลีนั้นมีราคาลิขสิทธิ์ที่ถูกกว่าญี่ปุ่น” แล้วกระแสความนิยมวัฒนธรรมเกาหลีในไทยเริ่มเมื่อไหร่? ถ้าอย่างเป็นเพลงช่วงบุกเบิกก็จะเป็น “Shinhwa” (1998) หรืออย่างแกรมมีเองก็เคยจับมือกับกลุ่มเกิร์ลกรุ๊ป Baby VOX (1999) ในการเปิดตลาดในไทย แต่ก็ยังถือว่าเป็นวงจำกัด ภาพยนตร์เกาหลีใต้ยุคนั้นก็มีเข้ามาฉายในไทยบ้างอย่าง Shiri (ชีริ เด็ดหัวใจยอดจารชน) ต่อมารัฐบาลเกาหลีใต้ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่เป็นลูกไล่ของญี่ปุ่นมาตลอด ให้พลิกกลับมาเป็นผู้นำให้ได้ อยากจะสร้างกระแส “ฮั่นริว”หรือความคลั่งไคล้เกาหลี จนกระทั่งการปรากฏตัวของภาพยนตร์โรแมนติกคอเมดีเรื่องหนึ่งที่ทำให้ความบันเทิงเกาหลีนั้นเริ่ม “แมส” ในบ้านเรา เรื่องนั้นมีชื่อว่า My Sassy Girl My Sassy Girl ออกฉายเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2001 หรือเมื่อ 18 ปีที่แล้ว สร้างปรากฏการณ์ในประเทศไทยจากกระแสปากต่อปาก ที่เล่าเรื่องของนักศึกษาหนุ่มซึ่งมีชื่อว่า คย็อนอู (รับบทโดย ชา แท-ฮย็อน) มาพบกับสาวลึกลับ (ในเรื่องไม่กล่าวถึงชื่อตัวละครนี้)ในรถไฟใต้ดินในสภาพเมาแอ๋ แล้วด้วยความซื่อ ๆ เนิร์ด ๆ เขาเลยเข้าไปช่วยเหลือเธอ จากนั้นเธอคนนี้ก็มาเปลี่ยนชีวิตที่แสนน่าเบื่อของคย็อนอูไปตลอดกาล ด้วยความห่าม เถื่อน อารมณ์แปรปรวน แต่ก็แสนจะมีเสน่ห์เย้ายวน ก่อนที่ตอนท้ายเรื่องจะเฉลยที่มาว่าเพราะเหตุใดเธอถึงมีสภาพที่เป็นอยู่ในเรื่องนั้น องค์ประกอบในภาพยนตร์ดังกล่าวค่อนข้างสมบูรณ์ ทั้งความตลกและโรแมนติก เพลงเพราะ ๆ อย่าง I Believe ที่ร้องโดย ชิน ซึง ฮยุน ซีนที่แฟน ๆ จดจำเช่น ช็อตที่นางเอกเล่นเปียโนเพลง Canon D และสั่งให้พระเอกเอาดอกไม้ไปให้ ที่หลังจากนั้นเพลงดังกล่าวก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของงานแต่งงานสำหรับใครหลาย ๆ คน หรือฉาก “กฏความรัก 10 ข้อ” ก็กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เพลง “จากคนรักเก่า” ของ อ๊อฟ ปองศักดิ์ อีกด้วย ทันทีที่ภาพยนตร์ออกฉายในชื่อไทยว่า “ยัยตัวร้ายกับนายเจี๋ยมเจี้ยม” ประกอบกับการพากย์ของทีมพากย์พันธมิตรที่ใส่สีตีไข่จนภาพยนตร์มีความสนุกสนาน ก็เริ่มมีคนหาข้อมูลว่านางเอกเจ้าของผิวขาวดั่งหยวกกล้วย ตัดสลับกับผมสีดำขลับ และปากสีแดงแบบเอเชียนลุกคนนี้คือใคร ภาพของเธอก็ไปปรากฎตามโปสเตอร์ กล่องเหล็กที่นิยมนำมาทำเป็นที่เก็บเหรียญและกล่องดินสอในยุคนั้น รวมไปถึงวอลเปเปอร์ของร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่เต็มไปหมด “จอน จี ฮยอน” หรือที่คนไทยขณะนั้นเรียกว่า “จวนจีฮุน” (ในบทความนี้ขอเรียกว่า จวนจีฮุน ตามความคุ้นเคยของยุคสมัย) สถาปนากลายเป็นยัยตัวร้ายที่ทุกคนต่างหลงรัก จริง ๆ ก่อนหน้านี้ จวนจีฮุนเคยมีผลงานที่เข้าฉายในเมืองไทยมาก่อนอย่างภาพยนตร์โรแมนติกรักข้ามเวลาที่พระเอกและนางเอกสื่อสารกันผ่านตู้จดหมายในบ้านริมทะเลสาบ “Il Mare ลิขิตรักข้ามเวลา” ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จพอประมาณในประเทศไทย และถูกนำไปรีเมกเป็นภาพยนตร์ฮอลลีวูดในชื่อ The Lake House ปี 2006 ที่นำแสดงโดย คู่ขวัญจาก “Speed เร็วกว่านรก” คีอานู รีฟส์ และ แซนดร้า บูลล็อก แต่ My Sassy Girl ทำให้เธอเป็นที่รู้จักในไทยในวงกว้าง ถึงกับสถาปนาหนังที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า “ยัยตัวร้าย”(คล้ายกับเฉินหลงที่ต้องมากับคำว่า “ใหญ่-ฟัด”) ไม่ว่าจะเป็นหนังสยองขวัญอย่าง “The Uninvited ยัยตัวร้ายกับโต๊ะผี” ที่เดินทางมาโปรโมทที่ไทยได้รับแรงตอบรับจากแฟน ๆ เป็นอย่างดีมาก หรือหนังแอ็คชันแบบ “ Daisy ล่าหัวใจยัยตัวร้าย” เป็นต้น จวนจีฮุน มีชื่อจริงตอนเกิดว่า “วัง จี ฮยอน” เกิดที่กรุงโซล เธอเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยความบังเอิญเมื่อมีบรรณาธิการนิตยสารไปพบเธอในวัย 16 ปี แล้วชักชวนให้เข้ามาถ่ายแบบ โดยผลงานแรกคือการเป็นนางแบบลงนิตยสารแฟชั่น École Magazine ระหว่างนั้นเธอก็เข้าศึกษาด้านศิลปะการแสดงเพราะต้องการเอาดีในวงการที่มหาวิทยาลัยทงกุก หลังจากผลงานการเป็นนางแบบของเธอในนิตยสารออกเผยแพร่ในปี 1997 ความนิยมก็เริ่มไต่ระดับขึ้นไปเรื่อย ๆ ไปแสดงโฆษณาสินค้า และเป็นแขกรับเชิญตามรายการโทรทัศน์ ก่อนได้โอกาสครั้งสำคัญในการแสดงนำภาพยนตร์ Il mare ที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาลให้เข้าสู่งานแสดงเต็มตัว ช่วงปี 2001-2007 ถือว่าเป็นยุคทองของจวนจีฮุน เพราะเธอมีผลงานภาพยนตร์ต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเพราะการประสบความสำเร็จของ My Sassy Girl ซึ่งก็มีผลงานที่ได้รับคำชมสลับกับเสียงวิจารณ์บ้าง อย่างปี 2004 จวนจีฮุนได้กลับมาร่วมงานกับ “กวัก แจยง” ผู้กำกับที่ส่งเธอให้ดังจาก My Sassy Girl และขณะนั้นกำลังมีชื่อเสียงจากภาพยนตร์ “The Classic คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต” เมื่อสองคนกลับมาผนึกกำลังสร้าง “Windstruck ยัยตัวร้ายกับนายเซ่อซ่า” ที่จวนจีฮุนประกบกับ จาง ฮยอก ในภาพยนตร์โรแมนติกแฟนตาซีที่เธอรับบทเป็นตำรวจหญิงที่ไล่จับคนร้ายผิดคน ดันไปจับเอาพระเอกของเรื่อง หลังจากนั้นความวุ่นวายก็เกิดขึ้น ซึ่งในเรื่องมีหลายองค์ประกอบที่เชื่อมโยงกับ My Sassy Girl โดยเฉพาะการปรากฏตัวของ “นายเจี๋ยมเจี้ยม” ชา แท-ฮย็อน ตอนท้ายเรื่องด้วย ซึ่งเรื่องนี้ได้รับกระแสตอบรับที่ดีในประเทศญี่ปุ่น เป้าหมายต่อไปของจวนจีฮุนคือการมุ่งสู่ฮอลลีวูด ซึ่งเธอใช้ชื่อในวงการว่า “เจียนนา ชยอน” โดยในปี 2009 เธอมีผลงาน “Blood:The Last Vampire ยัยตัวร้าย สายพันธุ์อมตะ” ที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนญี่ปุ่นโดยรับบทเป็น “ซายะ โอโตะโนะชิ” สาวสวยวัย 16 แต่ภายใต้ความเยาว์วัย เธอคือลูกครึ่งแวมไพร์ที่มีชีวิตทนทุกข์ทรมานมานานกว่า 400 ปี คอยออกตามล่าสังหารเหล่าแวมไพร์นอกรีตมานับศตวรรษ ก่อนถ่ายทำเธอต้องเข้าฝึกการใช้อาวุธอยู่ 3 เดือน แต่ผลตอบรับในภาพยนตร์เรียกได้ว่าล้มเหลวไม่เป็นท่า แต่กระนั้นเธอก็ยังได้รับโอกาสเป็นนักแสดงหญิงชาวเกาหลีคนแรกที่ได้ลงนิตยสาร Vogue ฉบับอเมริกา เธอเบนเข็มกลับมารับงานแสดงในเกาหลีและแจ้งเกิดอีกครั้งกับ “The Thieves 10 ดาวโจรปล้นโคตรเพชร” ภาพยนตร์จารกรรมทุนสร้างมหาศาลในเกาหลีใต้ที่ออกฉายในปี 2012 ปีเดียวกันนั้นเธอได้เข้าพิธีสมรสกับ ชเว จุน-ฮย็อก นักการเงินชื่อดังและทายาทผู้ถือหุ้น Alpha Asset Management ที่ทรงอิทธิพลในเกาหลี งานแต่งงานของเธอได้ลงนิตยสาร ELLE ทั้งฉบับเกาหลีใต้, จีน, ไต้หวัน และสิงคโปร์ ปัจจุบันเธอกลายเป็นคุณแม่ลูกสองกับครอบครัวที่แสนอบอุ่น และยังมีผลงานต่อเนื่องโดยเฉพาะซีรีส์ “You Who Came from the Stars ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว” ที่โด่งดังในประเทศไทยอีกด้วย แม้ว่าในปัจจุบันวงการบันเทิงเกาหลีใต้จะมีอิทธิพลในประเทศไทยมากกว่าญี่ปุ่น แต่ถ้ามองย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นตั้งไข่ในบ้านเรา คงไม่มีใครลืม “ยัยตัวร้าย” คนนี้ได้ อย่างที่วง Potato เคยแต่งเพลง “Sassy Girl” ที่ได้แรงบันดาลใจจากหนังเรื่องดังกล่าวตลอด 18 ปีที่เธอสร้างความทรงจำดี ๆ ให้เรา   ช่วยกลับมาทำให้ใจฉันเป็นแผล ช่วยกลับมาทำให้ใจ ฉันร้าวพอประมาณ ช่วยกลับมาทำให้ใจฉันเจ็บช้ำ อยากบอกให้เธอได้ฟังคิดถึงเธอจัง…ยัยตัวร้าย   เรื่อง: พิเชฐ ยิ่งเกียรติคุณ