Post on 21/01/2021
จิลล์ ไบเดน: เด็กขบถ-นางแบบ-คุณครู สู่สตรีเบอร์ 1 ยุคใหม่ของอเมริกา

เรื่องราวของ จิลล์ ไบเดน (Jill Biden) ภริยาของ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐอเมริกา ผู้ยืนเคียงข้างสามีในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2021
“เธอทำให้ผมกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง” โจ ไบเดน เขียนลงในหนังสือบันทึกเรื่องราวชีวิต Promises to Keep ที่ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 2007 “เธอทำให้ผมเริ่มกลับมาคิดถึงครอบครัวที่ทุกคนอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง”
ก่อนทั้งคู่จะพบกัน ชีวิตครอบครัวของโจ ไบเดน แตกสลายจนทำให้เกือบถอดใจหันหลังให้อาชีพการเมืองที่กำลังพุ่งแรง เมื่อภรรยาคนแรกและลูกสาวของเขาประสบอุบัติเหตุทางถนนเสียชีวิตอย่างกะทันหันเพียงไม่กี่วันหลังชนะการเลือกตั้งได้เป็นสมาชิกวุฒิสภาสมัยแรก
โจและจิลล์ ไบเดน ออกเดตกันครั้งแรกในปี 1975 หรือ 3 ปี หลังโจกลายเป็นพ่อหม้ายลูกสอง ต้องคอยเลี้ยงดูลูกชาย 2 คน (โบ, ฮันเตอร์) ที่รอดชีวิตมาอย่างหวุดหวิดจากอุบัติเหตุครั้งนั้นเพียงลำพัง
หลงรักนางแบบ
โจตกหลุมรักจิลล์ครั้งแรกจากการเห็นภาพเธอบนป้ายโฆษณาที่สนามบิน โดยเวลานั้น จิลล์รับงานพาร์ตไทม์เป็นนางแบบให้กับเอเจนซีโฆษณาท้องถิ่นระหว่างเรียนปริญญาตรี และแฟรงค์ น้องชายของโจก็เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับเธอ จึงช่วยหาเบอร์ให้พี่ชายโทรฯ ไปขอนัดเดตดูตัว
แม้จิลล์จะอายุน้อยกว่าโจ ไบเดน 9 ปี แต่วัยก็ไม่ใช่อุปสรรค เพราะจิลล์ไม่ใช่ผู้หญิงไร้เดียงสา เธอเป็นสาวเก่งกล้าที่เคยหย่าร้าง และผ่านประสบการณ์ความรักผิดหวังมาแล้วเช่นกัน
ตอนอายุ 18 ปี จิลล์เคยแต่งงานกับอดีตนักอเมริกันฟุตบอลมหาวิทยาลัย ชื่อ บิล สตีเวนสัน ทั้งคู่ทำธุรกิจเปิดบาร์ข้างมหาวิทยาลัยร่วมกันจนประสบความสำเร็จ แต่สุดท้ายก็ต้องหย่าร้างหลังใช้ชีวิตด้วยกัน 5 ปี เพราะมีเส้นทางเดินต่างกัน
ในการออกเดตครั้งแรก โจ ไบเดน พาจิลล์ไปดูหนังเรื่อง A Man and a Woman ภาพยนตร์คลาสสิกของฝรั่งเศสที่เล่าเรื่องราวความรักอันสลับซับซ้อนของพ่อหม้าย และแม่หม้ายลูกติดซึ่งคล้ายชีวิตของทั้งคู่
ขอแต่งงาน 5 ครั้ง
จิลล์คบหาดูใจกับโจนาน 2 ปี และปฏิเสธคำขอแต่งงานไปถึง 4 ครั้ง โดยให้เหตุผลว่า เธอต้องการความมั่นใจก่อนตัดสินใจวิวาห์ครั้งใหม่ เนื่องจากในวัย 25 ปี เธอเพิ่งเริ่มทำงานประจำ และไม่อยากให้ลูกชายทั้งสองของโจต้องสูญเสียแม่ไปอีกครั้ง
“แน่นอนในเวลานั้น ฉันหลงรักเด็กทั้งสองคน และรู้สึกจริง ๆ ว่า ชีวิตแต่งงานครั้งนี้จะต้องไม่ล้มเหลว” จิลล์บอกกับนิตยสาร Vogue “เพราะพวกเขาเคยสูญเสียแม่มาแล้ว และฉันไม่อาจทำให้เขาเสียแม่ไปอีกคน ฉันเลยต้องการความมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์”
อย่างไรก็ตาม จิลล์ไม่อาจทัดทานความรักที่โจและลูกชายทั้งสองของเขามีให้ สุดท้ายจึงตอบตกลงไปในคำขอครั้งที่ 5 และเข้าสู่ประตูวิวาห์กันในปี 1977 ก่อนจะมีพยานรักเป็นลูกสาว (แอชลีย์) ด้วยกันอีก 1 คน
แม้จิลล์เคยให้สัมภาษณ์สื่อมาตลอดว่า เธอไม่สนใจการเมือง และเขียนไว้ในหนังสือบันทึกเรื่องราวชีวิต Where the Light Enters ระบุว่า “คำว่า ‘ภรรยานักการเมือง’ ไม่ใช่ธรรมชาติของฉัน”
เป็นทั้งภรรยา-บอดี้การ์ด
แต่ถึงกระนั้น เธอก็ยังคอยอยู่เคียงข้างโจ ไบเดน เสมอในยามที่เขาต้องออกตระเวนหาเสียง แถมบางครั้งยังทำหน้าที่บอดี้การ์ดส่วนตัวในยามจำเป็น คอยปกป้องสามีจากอันตรายที่เข้ามาแบบไม่คาดฝัน
หลักฐานความรักและความกล้าหาญนี้เป็นที่ประจักษ์ ระหว่างการหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนมีนาคม 2020 เมื่อมีผู้ประท้วงพยายามบุกขึ้นไปประชิดตัวโจ ไบเดน ขณะกล่าวปราศรัยบนเวที แต่จิลล์ที่ยืนอยู่ด้านข้าง เอาตัวมาขวางและปัดป้องผู้ประท้วงออกไปได้ทัน ก่อนผู้บุกรุกรายนั้นจะเข้าถึงตัวสามีของเธอ
เมื่อถูกสื่อสัมภาษณ์ถึงปฏิกิริยาอันกล้าหาญนั้น จิลล์มักตอบว่า มันคือสัญชาตญาณของเด็กผู้หญิงที่เติบโตมาจากเมืองฟิลาเดลเฟีย

หญิงแกร่งหัวขบถจากฟิลาเดลเฟีย
จิลล์ ไบเดน มีชื่อเดิม จิลล์ เทรซี เจคอบส์ เกิดวันที่ 3 มิถุนายน 1951 ที่เมืองแฮมมอนตัน รัฐนิวเจอร์ซี แต่ไปเติบโตแถบชานเมืองฟิลาเดลเฟีย ในรัฐเพนซิลวาเนีย ของสหรัฐฯ
เธอเป็นพี่คนโตของครอบครัวชนชั้นกลางที่มีลูกสาวทั้งหมด 5 คน บิดาเป็นนายธนาคารเชื้อสายอิตาลี ส่วนมารดาเป็นแม่บ้านเชื้อสายผู้อพยพชาวอังกฤษ
จิลล์เปิดใจถึงชีวิตในวัยเด็กว่า เธอเป็นเด็กหัวขบถ และแก่นเซี้ยว
“ฉันน่าจะจัดเป็นพวกขบถ ฉันชอบแกล้งหยอกล้อคนอื่น และมักโดดเรียนไปนั่งร้านแซนด์วิชตรงหัวมุมถนน ทำเรื่องไร้สาระต่าง ๆ นานา”
วีรกรรมสุดแสบยังรวมถึงการย่องออกจากบ้านกลางดึก เพื่อปีนรั้วแอบเข้าไปใช้สระว่ายน้ำ เพราะครอบครัวไม่มีเงินพอจ่ายค่าสมาชิก และเธอยังเคยชกหน้าเด็กผู้ชายข้างบ้านที่มาพูดจาข่มขู่คุกคามน้องสาวอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม จิลล์บอกว่า แม้เธอจะเฟี้ยวเพียงใด แต่ครอบครัวก็ยังให้ความรักความอบอุ่น และให้การสนับสนุนโดยตลอด
การเติบโตมาในฟิลาเดลเฟีย ทำให้เธอเรียนรู้เรื่องความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น รักอิสระ และใจสู้ เนื่องจากเมืองนี้เป็นดินแดนแห่งตำนานต้นกำเนิดการต่อสู้เพื่อความเสมอภาค และการประกาศอิสรภาพของอเมริกา
เด็กเสิร์ฟและคุณครู
สิ่งนี้สะท้อนในตัวจิลล์ ไบเดนเป็นอย่างดี โดยตั้งแต่อายุ 15 ปี เธอเริ่มออกจากบ้านมาทำงานพิเศษเพื่อยืนด้วยลำแข้งตนเอง อาชีพแรกที่ทำคือพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารทะเลช่วงปิดภาคเรียน
“ช่วงวัยรุ่น ฉันรู้ดีว่าฉันต้องการหาเงินเอง มีอัตลักษณ์เป็นของตนเอง และมีอาชีพของตนเอง” จิลล์เล่าเหตุผลที่ต้องทำงานพาร์ตไทม์ตั้งแต่มัธยมฯ ก่อนจะหารายได้เสริมอื่น ๆ ระหว่างเข้ามหาวิทยาลัย ทั้งงานนางแบบ รับจ้างทั่วไป และเปิดร้านอาหาร
อย่างไรก็ตาม งานที่เธอรักและเป็นอาชีพในฝันคือการสอนหนังสือ
จิลล์ ไบเดน เรียนจบปริญญาตรีด้านภาษาอังกฤษ และจบปริญญาโท 2 ใบ ในสาขาการอ่าน และภาษาอังกฤษ ก่อนเรียนต่อจนจบปริญญาเอก ในคณะศึกษาศาสตร์ สาขาภาวะการเป็นผู้นำการศึกษา จากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐเดลาแวร์
เธอเริ่มทำงานเป็นครูสอนเด็กในระดับมัธยมศึกษาตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรี ก่อนจะย้ายมาเป็นอาจารย์ประจำวิทยาลัยชุมชนในละแวกกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ระหว่างที่ โจ ไบเดน เข้ารับตำแหน่งรองประธานาธิบดีในยุคของบารัก โอบามา (2009-2017)

ไม่เลิกเป็นครูแม้ขึ้นสู่สตรีหมายเลข 1
ระหว่างทำหน้าที่ภริยารองประธานาธิบดี เธอเป็นสตรีหมายเลข 2 ของอเมริกาคนแรกที่ไม่ยอมหยุดทำงานประจำ และยังคงยืนยันจะทำอย่างนั้นต่อไปในตำแหน่งสตรีหมายเลข 1 เมื่อโจ ไบเดน ขึ้นครองอำนาจสูงสุดในทำเนียบขาว
อดีตสตรีหมายเลข 2 ของอเมริกาเล่าว่า เธอพยายามทำตัวไม่ให้ใครจำได้ระหว่างออกไปสอนหนังสือที่วิทยาลัยชุมชนนอร์เทิร์น เวอร์จิเนีย และนักศึกษาก็มักเรียกเธอว่า ‘ด็อกเตอร์บี’ แทนที่จะเรียกนามสกุลเต็มว่า ครูไบเดน
ส่วน Secret Service หรือหน่วยอารักขาผู้นำที่ตามไป ก็ต้องปลอมตัวแต่งกายให้คล้ายนักศึกษา และถ้าใครสงสัยว่า เธอคือภริยารองประธานาธิบดีหรือไม่ เธอจะตอบติดตลกไปว่า โจ ไบเดน เป็นแค่ญาติห่าง ๆ เท่านั้น
“จิลล์คือแม่ เธอเป็นมารดาทหารผ่านศึก (โบ) และเป็นนักการศึกษา เธออุทิศชีวิตให้กับการศึกษา แต่การสอนหนังสือไม่ใช่แค่สิ่งที่เธอทำ มันคือตัวตนของเธอ นี่คือวันอันยิ่งใหญ่สำหรับนักการศึกษาทั้งหลายในอเมริกา ท่านกำลังมีตัวแทนของตนเองในทำเนียบขาว และจิลล์จะเป็นสุภาพสตรีหมายเลข 1 ที่ยิ่งใหญ่” โจ ไบเดน กล่าวในสุนทรพจน์ประกาศชัยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2020
“ฉันแค่ต้องการทำงานที่ฉันรัก” จิลล์เปิดใจถึงการตัดสินใจไม่หยุดทำงานประจำอาชีพครู
“ฉันรู้ว่าหากปล่อยให้เวลาล่วงเลยไป ฉันจะถูกดูดเข้าไปในชีวิตของโจ แต่ฉันสามารถมีงานของตัวเอง และทำงานด้านอื่นควบคู่กันไป จริง ๆ แล้วฉันสามารถทำทุกอย่างได้พร้อมกัน” จิลล์อธิบายเหตุผลถึงการไม่ทำตามธรรมเนียมปฏิบัติของภริยาผู้นำทำเนียบขาวทั่วไป
หากฮิลลารี คลินตัน คือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของอดีตประธานาธิบดี บิล คลินตัน และมิเชล กับบารัก โอบามา คือคู่รักทรงอิทธิพลทางการเมืองของอเมริกายุคปัจจุบัน
จิลล์ ไบเดน ที่ทั้งเก่งและกล้า แถมผ่านประสบการณ์ชีวิตมามากมาย ก็น่าจะเป็นอีกคนที่พูดได้ว่า อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของโจ ไบเดน ที่ผ่านมา และจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังประธานาธิบดีอเมริกาในช่วงเวลาสำคัญต่อไป
แต่จะเป็นคู่คิด-คู่ชีวิตของผู้นำในแบบหญิงยุคใหม่ ที่ไม่ใช่เดินตามสามี แต่จะออกไปใช้ชีวิตของตนเอง มีความเป็นตัวของตัวเอง และทำตามความฝันของตนเองควบคู่กันไป
ข้อมูลอ้างอิง:
https://www.oprahmag.com/entertainment/a26883119/joe-biden-wife-jill/
https://people.com/politics/jill-biden-will-continue-to-teach-if-she-becomes-first-lady/