จัสติน ทิมเบอร์เลก: คำขอโทษที่ล่าช้ากับคำบอกว่า “We have moved on”

จัสติน ทิมเบอร์เลก: คำขอโทษที่ล่าช้ากับคำบอกว่า “We have moved on”
จัสติน ทิมเบอร์เลก (Justin Timberlake) นักร้องแนวป็อปและนักแสดงดังสัญชาติอเมริกัน เจ้าของบทเพลงฮิตเต้นสนุกอย่าง ‘Can’t Stop the Feeling’ (2016), เพลงที่ถูกนำขึ้นมาเป็นกระแสอีกครั้งในติ๊กต็อกอย่าง ‘Sexy Back’ (2006) และเพลงที่ทำให้เกิดประเด็นดราม่า เพราะนางเอกมิวสิกวิดีโอเพลง ‘Cry Me A River’ (2002) หน้าเหมือนบริตนีย์ สเปียร์ส (Britney Spears) นักร้องระดับตำนานควบตำแหน่งแฟนเก่าของจัสติน จัสติน ทิมเบอร์เลก เริ่มเข้าวงการบันเทิงด้วยการเป็นหนึ่งในสมาชิกมิกกี้ เมาส์ คลับ รายการการ์ตูนสำหรับเด็กนี้เป็นที่ที่ทำให้เขาได้รู้จักกับสาวที่เป็นไอคอนของยุค Y2K อย่างบริตนีย์ สเปียร์ส ทั้งคู่คบกันเป็นเวลาหลายปี และเป็นอีกคู่รักในวงการบันเทิงที่ถูกจับตามองเป็นอย่างมากในสมัยนั้น ก่อนที่จะเลิกรากันไปในปี 2002 2 เดือนต่อมา จัสตินได้ปล่อยเพลง Cry Me A River เพลงเศร้าที่มีเนื้อหากล่าวถึงความเจ็บช้ำจากการถูกแฟนนอกใจ ในมิวสิกวิดีโอยังปรากฏภาพนางเอกที่หน้าตาคล้ายราชินีเพลงป็อป ผู้คนที่เคยติดตามชีวิตรัก ๆ เลิก ๆ ของคู่นี้จึงสรุปเรื่องกันเองว่าสาเหตุที่ทั้งคู่เลิกกัน เกิดมาจากบริตนีย์นอกใจจัสติน ทำให้เธอต้องจมอยู่กับการตราหน้าว่า ‘นอกใจแฟน’   “ฉันตกใจมากจนพูดไม่ออก แต่เขาก็ฉลาดมาก เพราะนั่นเป็นวิธีขายเพลงตัวเองได้เจ๋งสุด ๆ ไปเลย”  บริตนีย์สัมภาษณ์กับ Rolling Stone ถึงมิวสิกวิดีโอเพลง Cry Me A River ว่าเธอรู้สึกเหมือนถูกหักหลังจากแฟนเก่าอย่างจัสตินที่ใช้เธอเป็นเครื่องมือในการเปิดตัวเพลงของตน   We Are Sorry Britney นอกจากเรื่องที่จัสตินทำเพลงที่ใครฟังก็รู้ว่ามันพูดถึงเธอ จัสตินยังเคยให้สัมภาษณ์ในรายการวิทยุของนิวยอร์ก ในปี 2002 ว่าเขา ‘เคยมีเซ็กซ์กับบริตนีย์แล้ว’ เพื่อแลกกับข้อตกลงที่ว่า ดีเจจะเปิดเพลง ‘Like I Love You’ 30 ครั้งต่อสัปดาห์หากจัสตินยอมตอบว่า ใช่ จนเกิดกระแสสังคมประณามมาที่บริตนีย์ (Slut Shame) โดยที่จัสตินไม่ได้สนใจเลยว่าบริตนีย์จะรู้สึกอย่างไร เพียงแค่เขาอยากเปิดตัวในฐานะศิลปินเดี่ยวหลังจากแยกตัวจากวงบอยแบนด์เท่านั้น ช่วงปีที่ผ่านมาเกิดกระแส #FreeBritney ซึ่งนับได้ว่าเป็นเหมือนมรสุมชีวิตของนักร้องสาวและแฟนคลับของเธอทุกคนที่ได้รับรู้ถึงความโหดร้ายที่เธอต้องเผชิญหน้ามากว่า 10 ปี ชีวิตของบริตนีย์ถูกควบคุมโดยพ่อที่บังคับให้เธอทำงานอย่างหนักและได้รับค่าตอบแทนแบบไม่เป็นธรรม พายุที่ถาโถมเข้าหาเธอในช่วงปี 2007 เป็นเหตุให้ศาลตัดสินว่าเธอต้องมีผู้พิทักษ์ทางการเงิน เนื่องจากปัญหาทางด้านจิตใจ สาเหตุมาจากการฟ้องร้องเรื่องสิทธิ์ดูแลลูกกับสามีเก่า และการเสียญาติผู้เป็นที่รักไป นอกจากนั้น แฟนคลับส่วนมากยังพุ่งประเด็นมาที่จัสติน ทิมเบอร์เลก แฟนเก่าที่เคยคบหากันมาระยะหนึ่งว่าเขาอาจจะเป็นส่วนหนึ่งในพายุลูกใหญ่นั้นก็ได้    Super Bowl 2004 งานแข่งขันอเมริกันฟุตบอลระดับโลกอย่าง ‘Super Bowl’ จะมีการแสดงระหว่างช่วงพักครึ่งของการแข่งขันที่บางคนอาจคุ้นหูคุ้นตากันดีอย่าง ‘Super Bowl Half Time Show’ ที่รวบรวมซูเปอร์สตาร์และวงดนตรีมาแสดงอย่างตื่นตาตื่นใจ แต่ปีที่ใครหลายคนคงจดจำได้ดี และเป็นอุบัติเหตุที่ลืมไม่ลงของใครบางคนอย่างเหตุการณ์ ‘Wardrobe Malfunction’ ได้เกิดขึ้นใน Super Bowl Half Time Show ครั้งที่ 38 เมื่อปี 2004 ระหว่างการแสดงคู่ของนักร้องระดับตำนาน ‘เจเน็ต แจ็กสัน’ (Janet Jackson) กับจัสติน ทิมเบอร์เลก   Wardrobe Malfunction  ระหว่างการแสดงเพลง ‘Rock Your Body’ เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันท่ามกลางผู้คนที่รับชมอยู่กว่า 150 ล้านคนทั่วโลก ขณะที่การแสดงใกล้จบ จัสตินเอื้อมมือไปดึงเสื้อของเจเน็ตให้หลุดลงจนเห็นหน้าอกด้านขวา ท่ามกลางความตกใจของเจเน็ตเองและผู้คนที่กำลังรับชมอยู่ทุกคน จัสตินยังคงนิ่งและไม่แม้แต่จะช่วยบังตัวเจเน็ตแม้แต่น้อย จนเกิดการตั้งข้อสงสัยว่าจัสตินทำแบบนั้นไปเพื่อเรียกกระแสหรือเปล่า? หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว เจเน็ต แจ็กสัน ถูกถอดถอนออกจากงานแสดงต่าง ๆ กระทั่งงานประกาศรางวัลแกรมมีครั้งที่ 46 แต่จัสตินยังคงได้เข้าร่วมและแสดงในงานแกรมมีครั้งนั้น กระแสด้านลบทั้งหมดโจมตีมาที่เจเน็ต แต่จัสตินที่เป็นต้นเหตุกลับใช้ชีวิตได้อย่างปกติ  อย่างไรก็ตาม จัสติน ทิมเบอร์เลก ได้ขอโทษผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวของเขาต่อทั้งบริตนีย์และเจเน็ต หลังจากสารคดี ‘The New York Times Presents Framing Britney Spears’ (2021) ออกอากาศ และมีการกล่าวถึงปัญหาชีวิตของบริตนีย์ที่เกิดจากทั้งสื่อและคนรอบตัว แฟน ๆ ของเธอจึงเรียกร้องให้คนที่เคยทำผิดต่อนักร้องสาวออกมาขอโทษ  “ผมได้รับข้อความ การแท็ก และคอมเมนต์ว่าอยากให้ผมออกมาตอบเรื่องที่เกิดขึ้นในสมัยก่อน ผมขอโทษที่ในช่วงเวลาหนึ่ง การกระทำหรือคำพูดของผมอาจจะก่อปัญหาให้ใคร ผมอยากขอโทษต่อทั้งบริตนีย์และเจเน็ต เพราะเธอทั้งสองคนเป็นผู้หญิงที่ผมแคร์และเคารพมาก”    We Have Moved On ในสารคดี ‘Janet Jackson’ (2022) มีการกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน Super Bowl 2004 ว่าจัสตินเคยเชิญเธอไปร่วมงานแสดง Super Bowl Half Time Show อีกครั้งในปี 2018 แต่เจเน็ตเองไม่อยากไปเผชิญหน้ากับความทรงจำอันเลวร้ายของเธอที่มันเคยเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม เจเน็ตยืนยันว่าเธอยังคงเป็นเพื่อนที่ดีกับจัสติน และพวกเขาทั้งสองคนไม่ติดใจอะไรกับอุบัติเหตุครั้งนั้นแล้ว  ด้วยเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากการกระทำของจัสติน ทิมเบอร์เลกในอดีตนั้นปลุกกระแสสตรีนิยมให้ลุกฮือเพราะความไม่เท่าเทียมทางเพศที่เกิดขึ้น ที่สังคมพร้อมจะตราหน้าผู้หญิงเสมอแม้ว่าเธอจะไม่ได้ทำผิดอะไร แต่กลับเพิกเฉยต่อผู้ชายที่เป็นต้นเหตุของเรื่อง นอกจากนั้นยังมีการชูประเด็นที่ถกเถียงกันอยู่ในปัจจุบันอย่างเรื่อง ‘หัวนม’ กับข้อสงสัยที่ว่า ‘ทำไมผู้ชายถึงถอดเสื้อโชว์บนเวทีได้ แต่ผู้หญิงไม่สามารถแม้แต่จะโนบรา’   เรื่อง: พุธิตา วัยศิริโรจน์ ภาพ: (Photo by Dave Hogan/Getty Images) (Photo by Frank Micelotta/Getty Images) ที่มา: https://www.gmanetwork.com/entertainment/celebritylife/news/74246/wearesorrybritney-why-celebrities-are-apologizing-to-britney-spears/story https://www.mamamia.com.au/what-did-justin-timberlake-do/ https://www.usmagazine.com/celebrity-news/pictures/britney-spears-justin-timberlake-a-timeline-of-their-ups-and-downs/2006-2-30/  https://www.nme.com/news/music/janet-jackson-advised-justin-timberlake-to-not-comment-on-super-bowl-incident-3149896  https://pitchfork.com/news/janet-jackson-advised-justin-timberlake-to-stay-silent-about-super-bowl-incident/