คาเมนไรเดอร์ ดีเคด: ผู้ถูกสาปแช่งทั้งสิบทิศ มันเป็นความผิดของดีเคด

คาเมนไรเดอร์ ดีเคด: ผู้ถูกสาปแช่งทั้งสิบทิศ มันเป็นความผิดของดีเคด

คาเมนไรเดอร์ ดีเคด Kamen Rider ผู้ถูกสาปแช่งทั้งสิบทิศ “มันเป็นความผิดของดีเคด”

“โลกนี้แหลกสลายลง เป็นเพราะแก ดีเคด” “แกมันเป็นปีศาจ” “แกมันคือผู้ทำลายล้าง” หากเป็นพวกเราจะรู้สึกยังไงกันบ้าง เมื่อทุกหนแห่งที่เราเดินทางไปเยือน มีคนพร้อมรุมทำร้ายเรา และปรามาสใส่หน้าเราอย่างนี้ ทุกคน ทุกที่ อยู่เรื่อยไป โดยไม่มีเหตุผลใด ๆ รองรับ แค่ยืนหายใจเฉย ๆ ก็ผิดแล้ว คำว่า “ผู้ถูกสาปแช่งทั้งสิบทิศ” จริง ๆ แล้วนักอ่านจำนวนมากทราบดีว่าหมายถึง “ตั๋งโต๊ะ” ในเรื่องสามก๊ก แต่ผู้เขียนใช้คำนี้สำหรับ คาเมนไรเดอร์ ดีเคด (Kamen Rider Decade) เพราะเห็นว่าเป็นตัวละครที่ถูกสาปแช่งจากทุกดินแดนที่เขาเดินทางไปเยือน ครั้งก่อนได้เคยเขียนเรื่อง Kamen Rider คนแรกในปี ค. ศ. 1971 ไปแล้ว ที่ทำให้เกิดคำพูดที่ว่า “สู้ต่อไป ทะเคะชิ” คราวนี้จึงจะพูดถึงไรเดอร์ผู้ถูกสาปแช่งทั้งสิบทิศคนนี้ที่ออกอากาศในปี ค. ศ. 2009 บ้าง ตามที่หลายท่านทราบว่าญี่ปุ่นมีการแบ่งศักราชต่าง ๆ ตามรัชสมัยของสมเด็จพระจักรพรรดิแต่ละพระองค์ดังนี้ ยุคโชวะ (昭和時代) คือรัชสมัยของสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโระฮิโตะ คือ ค. ศ. 1926-1989 (ปีโชวะที่ 1-64) ยุคเฮเซ (平成時代) คือรัชสมัยของสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ คือ ค. ศ. 1989-2019 (ปีเฮเซที่ 1-31) ยุคเรวะ (令和時代) คือรัชสมัยของสมเด็จพระจักรพรรดินะรุฮิโตะ คือ ค. ศ. 2019-ปัจจุบัน (ปีเรวะที่ 1-ปัจจุบัน) จึงมีการเรียกไรเดอร์ทุกคนตั้งแต่ปี 1971 (คาเมนไรเดอร์ หมายเลข 1 และ 2) จนถึงสิ้นสุดปี 1988 (คาเมนไรเดอร์ แบล็ค อาร์เอ็กซ์) แบบรวม ๆ ว่า โชวะไรเดอร์ (昭和ライダー) หลังจากนั้นไม่มีการสร้างภาพยนตร์ไรเดอร์ออกอากาศทางโทรทัศน์เป็นเวลานานมาก จนกระทั่งปี 2000 เริ่มมีโครงการจะสร้างภาพยนตร์ชุดไรเดอร์อีกครั้ง จึงเรียกเป็น เฮเซไรเดอร์ (平成ライダー) ทีนี้เมื่อเฮเซไรเดอร์ออกอากาศไปทุกปี ปีละ 1 คน จนครบ 9 คนแล้ว ในปี 2009 จะมีการสร้างเฮเซไรเดอร์คนที่ 10 จึงมีโครงการพิเศษคือจะสร้างไรเดอร์ที่ระลึกครบรอบ 1 ทศวรรษของเฮเซไรเดอร์ จึงได้เป็น คาเมนไรเดอร์ ดีเคด คนนี้ โดยที่ดีเคดจะต่างจากไรเดอร์ทุกคนอย่างมากคือ “เป็นพระเอกที่เป็นผู้ร้าย” นั่นเอง และสามารถขโมยพลังจากรุ่นพี่ไรเดอร์ทุกตัวในประวัติศาสตร์มาใช้เป็นพลังของตัวเองได้ด้วย เปิดเรื่องที่นางเอก ฮิคะริ นัตสึมิ (光夏海) ฝันเห็นเหตุการณ์ที่ไรเดอร์ทุกคนในประวัติศาสตร์รุมโจมตีไรเดอร์ลึกลับคนหนึ่ง แต่ท้ายที่สุดไรเดอร์ทุกคนถูกทำลายหมด นัตสึมิเรียกไรเดอร์ที่เหลือคนสุดท้ายนั่นว่า “ดีเคด” และตื่นขึ้น ระหว่างนั้นมีชายหนุ่มชื่อ คะโดะยะ สึคะสะ (門矢士) ที่เป็นคนความจำเสื่อม มาเป็นตากล้องรับจ้างฝีมือห่วยให้ร้านถ่ายรูปของนัตสึมิ แบบกินนอนอยู่ที่ร้านด้วย แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ประหลาด โลกบิดเบี้ยวเป็นมิติแปลก ๆ และมีปีศาจจากไรเดอร์ภาคก่อน ๆ โผล่มาผสมปนเปกันไปหมด และตระเวนทำลายบ้านเมืองไปทั่ว นัตสึมิไปพบเข็มขัดแปลงร่างและกล่องใส่การ์ดโดยบังเอิญ และเจ้าหนุ่มสึคะสะกลับสามารถใช้เข็มขัดแปลงร่างเป็นคาเมนไรเดอร์ ดีเคด และจั่วการ์ดมาใช้ต่อสู้กับปีศาจได้อย่างลงตัวไปหมดราวกับเป็นนักสู้อาชีพ แม้ว่าเจ้าสึคะสะเองจะจำอะไรไม่ได้เลย จากนั้นทั้งสึคะสะและนัตสึมิจึงได้รับข้อมูลจากตัวละครลึกลับอีกตัวคือ คุเระไน วะตะรุ (紅渡) ว่าให้ดีเคดเดินทางไปยังโลกคู่ขนานต่าง ๆ ที่แต่ละโลกจะมีไรเดอร์ดูแลอยู่ และให้ดีเคดทำลายไรเดอร์ทุกตัวของทุกโลกลง แล้วจะยับยั้งหายนะครั้งนี้ได้ ทุกโลกคู่ขนานที่ดีเคดเดินทางไปเยือน จะถูกปรามาสว่าดีเคดคือผู้ทำลายหรือเป็นปีศาจร้าย และถูกรุมกระทืบเสมอ แต่สึคะสะก็ช่วยแก้ปริศนาในแต่ละโลกได้ และกลายเป็นเพื่อนกับไรเดอร์ของทุกโลกได้ แต่ถึงอย่างนั้น ทุก ๆ ครั้งที่ปฏิบัติภารกิจสำเร็จและกลายเป็นเพื่อนกับไรเดอร์ในแต่ละโลก ก็จะมีชายแก่ลึกลับชื่อ นะรุทะกิ (鳴滝) ปรากฏตัวพร้อมกับรำพึงว่า “โลกใบนี้ก็ถูกแกทำลายลงอีกแล้ว มันเป็นความผิดของแก ดีเคด” อยู่เสมอ ซีรีย์เรื่องนี้ไม่แคร์คนดูว่าต้องการเหตุผลใด ๆ รองรับ และไม่แคร์ว่าจะมีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของเนื้อเรื่องที่ตรงไหน เพราะเน้นไปที่ประสบการณ์การท่องโลกคู่ขนานของตัวละคร และเน้นขายของเล่นของไรเดอร์ภาคเก่า ๆ เป็นหลัก ดังนั้น แม้จะดูจนจบเรื่อง และตามไปดูภาคเฉลยต่อในเวอร์ชันภาพยนตร์ คนดูก็ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนอยู่ดี แค่พอจะเดาเรื่องได้เท่านั้นว่า การที่สึคะสะถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกพร้อมพลังลึกลับที่เดินทางข้ามโลกคู่ขนานได้ ทำให้โลกของไรเดอร์ทั้งหมดบังเกิดมีโลกคู่ขนานของแต่ละโลกขึ้นมา สึคะสะจึงต้องเดินทางทำลายไรเดอร์ในโลกคู่ขนานทั้งหมดทิ้งเสียก่อน เพื่อรีเซ็ตพหุจักรวาลใหม่ แต่การที่สึคะสะตระเวนช่วยไรเดอร์ในโลกคู่ขนานแทนที่จะทำลาย ทำให้พหุจักรวาลป่วนไปหมด เพราะทำให้โลกไรเดอร์ต้นฉบับกับโลกคู่ขนานยุบตัวรวมกันจนบิดเบี้ยวไปหมด ในที่สุดในเวอร์ชั่นโรงภาพยนตร์ สึคะสะจึงหลีกเลี่ยงชะตากรรมของตัวเองไม่ได้ ต้องตระเวนทำลายไรเดอร์ทุกคนในประวัติศาสตร์ตั้งแต่โซวะไรเดอร์ไปจนเฮเซไรเดอร์ทุกคน เพื่อรีเซ็ตจักรวาลใหม่อยู่ดี เรื่องนี้แม้จะมีเนื้อเรื่องแสนงง แต่ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูงในการขายของเล่น และในการสร้างคาแรคเตอร์ของพระเอก ให้สุดกวน สุดเกรียน สุดจะผู้ร้าย โดนสาปแช่งจากทุกโลกในพหุจักรวาล ฮีก็หาได้แคร์ไม่ ยังเก่งถึงขั้นที่ทำลายไรเดอร์ได้หมดทุกตัวในพหุจักรวาลได้สำเร็จด้วย แถมยังสร้าง meme อมตะในโลก pop culture ได้ตลอดไป แฟน ๆ ทั้งในญี่ปุ่น ในไทย หรือแม้แต่ในโลกตะวันตก ก็เล่นมุก “มันเป็นความผิดของดีเคด” กันทั่วโลก ตลอดสิบกว่าปีมานี้ meme นี้ก็ไม่เคยเสื่อมคลายลงไป ไม่ว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายอะไรขึ้นกับชีวิตเรา, หรือสังคมที่เราอยู่อาศัย, หรือเกิดเรื่องเลวร้ายบนโลกใบนี้ เราก็จะโทษทันทีว่า “มันเป็นความผิดของดีเคด (おのれディケイド!)” ขนาดตอนครบรอบ 2 ทศวรรษของเฮเซไรเดอร์ มีการออกอากาศ Kamen Rider ZI-O (仮面ライダージオウ) ในปี 2018 แต่มีคาเมนไรเดอร์ ดีเคด โผล่มาแจมด้วยตั้งแต่ตอนที่ 13 แล้วด้วยพลังแอ็คติ้ง และความเกรียนแตกของดีเคด ผู้ชมก็รู้สึกราวกับว่าดีเคดยึดซีรีย์ ZI-O ไปแล้วเปลี่ยนชื่อเป็น Kamen Rider Decade Part 2 กันไปแล้วด้วยซ้ำ และนี่ก็เช่นกัน “มันเป็นความผิดของดีเคด” แน่ ๆ Kamen Rider Decade เป็นซีรีย์ที่เน้นความบันเทิงเป็นหลัก เล่นมุก “มันเป็นความผิดของดีเคด” กันแบบสนุก ๆ ได้ แต่อย่าลืมว่า ต้องพึงระวังตัวเองกันด้วยนะว่า ชีวิตจริงอย่าซี้ซั้วเอามุกแบบนี้มาใช้ อย่าซี้ซั้วโทษคนอื่นแบบโบ้ยมั่ว ๆ เช่น เรียนหนังสือไม่รู้เรื่องก็โทษว่า “มันเป็นความผิดของอาจารย์”, ทำงานแล้วไม่ราบรื่นก็โทษว่า “มันเป็นความผิดของหัวหน้างาน”, หรือ ไม่พยายามทำอะไรในชีวิตให้ดีก็ไปโทษว่า “มันเป็นความผิดของโชคชะตา” เพราะชีวิตจริงไม่ใช่โลกคู่ขนานของไรเดอร์ เราไม่มีดีเคดไว้ให้โบ้ยความผิดความชั่วร้ายทั้งปวงไปที่เขา อย่างในขณะที่ผู้เขียนกำลังเขียนต้นฉบับนี้ ก็มีบริษัท, องค์กร, หน่วยงานต่าง ๆ ที่ทำงานไม่เต็มความสามารถ โทรตามเท่าไรก็ไม่มีคนรับเรื่อง และเขาเหล่านั้นก็พร้อมใจกันโทษทันทีว่า “มันเป็นความผิดของโควิด (おのれコヴィッド)” ราวกับพวกเขาเป็นตัวละครในเรื่อง Kamen Rider Decade เลยล่ะ