“เตะเหตุผลทิ้งไป แล้วใช้สว่านของนายทะลวงให้ถึงสวรรค์!” ลูกพี่คะมินะ แห่ง “อภินิหารหุ่นทะลวงสวรรค์”

“เตะเหตุผลทิ้งไป แล้วใช้สว่านของนายทะลวงให้ถึงสวรรค์!” ลูกพี่คะมินะ แห่ง “อภินิหารหุ่นทะลวงสวรรค์”

คะมินะ แห่ง “อภินิหารหุ่นทะลวงสวรรค์” (Tengen Toppa Gurren Lagann) มีเนื้อเรื่องที่น่าสนใจ กล่าวถึงโลกมนุษย์ในอนาคตที่คนต้องขุดรูอยู่ใต้ดินอย่างหวาดกลัว และมีแผ่นดินไหวไม่ทราบที่มาในหมู่บ้านใต้ดินเป็นระยะ

*spoiler alert: มีการเปิดเผยเนื้อหาภายในเรื่อง   ในที่สุด ‘สว่านทะลวงสวรรค์’ ก็ทะลวง Netflix สำเร็จ!! ทำให้แฟน ๆ ที่เคยได้รับชมแบบเรียลไทม์เมื่อปี 2007 ต่างก็ตั้งตารอเสพความฮึกเหิมไร้ขีดจำกัดของเรื่องนี้กันอีกครั้ง แน่นอนว่าเรากำลังพูดถึงเรื่อง Tengen Toppa Gurren Lagann (天元突破グレンラガン) หรือในชื่อไทยแปลไว้ได้ไพเราะว่า ‘อภินิหารหุ่นทะลวงสวรรค์’ เรื่องนี้ประเด็นหลักจะเกี่ยวกับ ‘เกลียว’ และ ‘ความเป็นไปได้ทั้งปวงของสรรพสิ่ง’ อยู่ตลอดทั้งเรื่อง เริ่มจากชื่อเรื่องกันก่อน แบ่งเป็นคำศัพท์ 4 คำมารวมร่างกันเป็นชื่อเรื่อง เท็งเง็น (天元) หมายถึง รากเหง้าของทุกสรรพสิ่ง, ในเกมหมากล้อมหมายถึงจุดกึ่งกลางของกระดานที่ในภาษาจีนเรียกว่า ‘จุดเทียนหยวน’ หรือในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า ‘จุดเท็งเง็น’ ซึ่งแปลว่า ‘จุดกำเนิดสวรรค์’ ท็อปปะ (突破) หมายถึง การทะลุทะลวง กุเร็น (紅蓮) หมายถึง ดอกบัวสีแดง ในเรื่องนี้หมายถึงชื่อแก๊งของตัวละครเอกทั้ง 2 คน แต่พอเป็นชื่อเรื่องจึงใช้เป็นอักษรคะตะกะนะแทนอักษรคันจิเพื่อแสดงชื่อเฉพาะว่าเป็นชื่อหุ่นของพระเอก ลากัน (螺巌) ไม่มีคำศัพท์นี้ในภาษาญี่ปุ่น แต่เรื่องนี้เอาอักษร 2 คำมาต่อกัน อักษรแรกคือ ‘ละ (螺)’ หมายถึง เกลียว ส่วน ‘กัน (巌)’ หมายถึง หินผาที่หนักแน่นแข็งแกร่ง พอรวมกันเป็น ‘ละกัน (螺巌)’ จึงหมายถึงสายใยที่แข็งแกร่ง แต่ในชื่อเรื่องใช้เป็นอักษรคะตะกะนะแทนอักษรคันจิเพื่อแสดงชื่อเฉพาะว่าเป็นชื่อหุ่นของพระเอก เมื่อรวมกันทั้ง 4 คำ แปลตรงตัวคือ หุ่นกุเร็นลากันที่ทะลวงจุดกำเนิดแห่งสวรรค์ แต่แปลตามอักษรแต่ละตัวคือ สายใยแห่งแก๊งกุเร็นอันเข็มแข็งที่จะทะลวงทุกสรรพสิ่ง จึงน่านับถือผู้แปลชื่อไทยว่าแปลได้งดงามและเก็บใจความครบถ้วนจริง ๆ   เรื่องนี้เริ่มเรื่องคล้ายกับ Attack on Titan มากทีเดียว คือกล่าวถึงโลกมนุษย์ในอนาคตอันไกลแสนไกลที่มนุษย์ทุกคนต้องขุดรูอยู่ใต้ดินอย่างหวาดกลัว และมีแผ่นดินไหวไม่ทราบที่มาเกิดขึ้นในหมู่บ้านใต้ดินเป็นระยะจนมีคนจำนวนมากบาดเจ็บล้มตายเป็นประจำ มีหมู่บ้านใต้ดินหมู่บ้านต่าง ๆ ที่ปกติจะไม่มีการติดต่อไปมาหาสู่กัน มนุษย์ใช้ชีวิตแต่ละวันอยู่กับความหวาดกลัวและสิ้นหวังอยู่ในรูใต้ดิน ใครที่แสดงความสนใจจะลองขึ้นมาบนพื้นโลกก็จะถูกลงโทษอย่างหนัก ถูกอดอาหาร ถูกจับไปขังคุก บางหมู่บ้านก็สร้างศาสนาขึ้นมาหลอกลูกบ้านว่าบนพื้นโลกเป็นสรวงสวรรค์ที่มนุษย์ปุถุชนไม่มีสิทธิ์ขึ้นไป และคอยคัดเลือกคนในหมู่บ้านเพื่อ 'ส่งขึ้นสวรรค์ (ที่จริงคือส่งขึ้นไปให้ตายบนพื้นโลกเพื่อลดประชากรเพราะอาหารไม่พอ)’ เป็นสภาพที่โหดร้ายจนเกินบรรยาย ตัวละครเอก 2 ตัวคือ คะมินะ และ ชิม่อน เป็น 2 คนที่มีขั้วตรงข้ามอย่างยิ่ง คะมินะ (อักษร ‘คะมิ上’ หมายถึงข้างบน เพื่อแสดงความหมายแฝงถึงความเป็นลูกพี่) บุคลิกเป็นลูกพี่ ห้าวหาญ สนใจในเรื่องอนาคตจนถึงขั้นไร้เหตุผล หัวก้าวหน้าและปฏิวัติ ทำอะไรด้วยความเชื่อในความเป็นไปได้ใหม่ ๆ และเชื่อว่า ‘เบื้องบน’ ของหมู่บ้านนั้นมีอิสระเสรีและฟ้ากว้างอยู่  ในขณะที่ ชิม่อน (อักษร ‘ชิโมะ下’ หมายถึง ข้างล่าง เพื่อแสดงความหมายแฝงถึงความเป็นรุ่นน้อง) บุคลิกขี้ขลาด ขี้แพ้ ระดับที่แย่ยิ่งกว่าโนบิตะในเรื่องโดราเอมอนเสียอีก ชิม่อนเป็นแค่คนขุดรูประจำหมู่บ้านที่คอยขุดรูขยายพื้นที่ให้หมู่บ้านใต้ดินไปเรื่อย ๆ เป็นที่รังเกียจของสาว ๆ เพราะชิม่อนทั้งตัวเตี้ย ไม่หล่อ ตัวเหม็นและเปรอะดินอยู่ตลอดเวลา แต่ผู้ใหญ่บ้านจะโปรดปรานชิม่อนเพราะเขาใช้สว่านเก่ง และขุดดินได้เร็วกว่าใครในหมู่บ้าน มีเพียงคะมินะเท่านั้นที่เชื่อมั่นในตัวชิม่อนอย่างมากว่าสักวันหนึ่งชิม่อนจะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ และคอยให้กำลังใจชิม่อนว่า   “ฟังนะชิม่อน สว่านของนายไม่ใช่ของผู้ใหญ่บ้านหรอก  มันเป็นของนายต่างหาก สว่านของนายน่ะ เป็นสว่านที่จะทะลวงถึงสวรรค์!!”   และแล้ววันสำคัญที่พลิกชะตาชีวิตของทั้ง 2 คน และพลิกชะตาชีวิตของทั้งจักรวาลก็มาถึง… ชิม่อนขุดพบ ‘สว่านจิ๋ว (กุญแจขับหุ่นยนต์)’ และ ‘ใบหน้ายักษ์ (หุ่นยนต์)’ ในหมู่บ้าน ในเวลาใกล้ ๆ กันนั้นก็เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในหมู่บ้านจนพื้นดินหลังคาถล่มลงมา และมีหุ่นยักษ์ลงมาอาละวาดที่ใต้ดิน พร้อมกับสาวสวยที่ชื่อโยโกะตกลงมาในหมู่บ้าน โยโกะเข้าต่อสู้กับหุ่นยักษ์อย่างห้าวหาญ ชิม่อนกลัวหัวหด แต่ได้กำลังใจจากลูกพี่คะมินะ ทำให้ชิม่อนเอาชนะหุ่นยักษ์ได้ หลังจากคะมินะตั้งชื่อหุ่นที่มีใบหน้ายักษ์ว่า ‘ลากัน’ แล้วทั้ง 3 คนก็ขึ้นมาผจญภัยบนพื้นโลก… เพื่อที่จะพบความโหดร้ายยิ่งกว่า เพราะบนพื้นโลกมีแต่ ‘สัตว์อสูร (獣人)’ ที่เป็นสิ่งมีชีวิตกึ่งมนุษย์กึ่งเดรัจฉาน คอยตามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่ สัตว์อสูรเหล่านี้ยังมีหุ่นยักษ์ที่เรียกว่า ‘กันเม็ง (顔面)’ ซึ่งเป็นหุ่นยักษ์ที่มีใบหน้าติดอยู่ที่ลำตัว ทำให้สัตว์อสูรเหล่านี้ยิ่งร้ายกาจ คะมินะและชิม่อนจึงตระหนักว่าที่มนุษย์ต้องมุดรูกันมาตลอดชั่วกัลปาวสาน ก็เป็นเพราะสัตว์อสูรเหล่านี้นี่เองที่คอยรุกรานมนุษย์อยู่ตลอด ทั้งคะมินะและชิม่อนสู้กับสัตว์อสูรจนยึดกันเม็งของพวกมันมาได้อีกตัวหนึ่ง คะมินะจึงตั้งชื่อหุ่นว่า ‘กุเร็น’  หลังจากการต่อสู้อย่างหนักหนา ด้วยพลังแห่งความเชื่ออย่างบ้าคลั่งไร้เหตุผลของตัวเอง คะมินะจับหุ่นลากันไปต่อบนไหล่ของหุ่นกุเร็นเพราะเชื่อว่าจะสามารถประกอบร่างกันได้ และก็เกิดปาฏิหาริย์จริง ๆ หุ่นทั้ง 2 กลายร่างเป็นหุ่นชนิดใหม่ที่แข็งแกร่งอย่างหาใดเทียมได้ ก่อนที่จะมีตัวละครที่เป็นนักวิทยาศาสตร์อธิบายให้ฟังว่า ระบบของหุ่นลากันนั้นทำงานด้วย ‘กำลังใจของสิ่งมีชีวิต’ เป็นพลังงานขับเคลื่อน ยิ่งมีลูกบ้าเท่าไรจะยิ่งสร้างปาฏิหาริย์ได้มากเท่านั้น และลากันยังมีความสามารถที่จะรวมร่างหรือประกอบร่างกับสิ่งใด ๆ ก็ได้เช่นกันตราบใดที่คนขับลากันมีพลังใจที่จะทำสิ่งนั้น ทุกสิ่งก็จะเป็นไปได้   “เตะเหตุผลทิ้งไปซะ จงอย่าเชื่อมั่นในตัวเองสิ ชิม่อน จงเชื่อมั่นในตัวฉันที่เชื่อมั่นในตัวนายเว้ย”   คะมินะให้กำลังใจชิม่อนในลักษณะนี้เสมอ เขาเชื่อในตัวชิม่อนอย่างไม่มีเหตุผล เชื่ออย่างไม่เคลือบแคลงสงสัย เชื่อจากก้นบึ้งของหัวใจว่าสักวันหนึ่ง ชิม่อนจะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ ทั้งคู่ต่อสู้อย่างหนักจนเอาชนะ Spiral King ซึ่งเป็นบอสใหญ่ของฝั่งสัตว์อสูรได้สำเร็จ พร้อมกับคะมินะที่สละชีพในภารกิจนี้ คะมินะมีบทเพียง 8 ตอนแรกจากทั้งหมด 27 ตอน แต่กลับเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลที่สุดตลอดทั้งเรื่องก็ว่าได้ หลังจากนี้เป็นต้นไปการเติบโตทั้งหมดของชิม่อนล้วนอยู่ใต้อิทธิพลของความบ้าพลังแบบคะมินะ ชิม่อนค้นพบความจริงอันโหดร้ายกว่าเดิมว่าที่จริงแล้ว Spiral King เป็นพันธมิตรของมนุษย์ ส่วนศัตรูที่แท้จริงคือเผ่าพันธุ์สิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่ชื่อเผ่า Anti-Spiral โดย Anti-Spiral นี้มีความสามารถระดับเดียวกับพระเจ้าแห่งจักรวาล พวกเขาเชื่อว่าพลังของสิ่งมีชีวิตตระกูล Spiral (ความหมายแฝงคือ หมายถึงสิ่งมีชีวิตที่มี DNA เป็นคู่พันกันเหมือนเกลียว) ทุกเผ่าพันธุ์นั้นนำไปสู่วิวัฒนาการที่มากเกินไปและจะทำลายล้างจักรวาลในที่สุด พวก Anti-Spiral จึงตามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์สิ่งมีชีวิตตระกูล Spiral ทุกชีวิตทั้งมนุษย์และสัตว์อสูร รวมทั้งเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ที่มี DNA เป็นองค์ประกอบของร่างกาย Anti-Spiral จึงสั่งการให้ Spiral King คอยจับตาดูมนุษย์บนโลกไว้ อย่าให้ประชากรบนโลกมีมากเกิน 1 ล้านคน ถ้าเกิน 1 ล้านให้ลงมือล้างโลกให้หมด แต่เมื่อคะมินะและชิม่อนไปกำจัด Spiral King ลงแล้ว ก็เท่ากับประกาศศึกกับ Anti-Spiral และนำไปสู่มหาสงครามระหว่างหลายจักรวาล สเกลของเรื่องจะเวอร์ขึ้นและเวอร์ขึ้นไปเรื่อย ๆ อย่างไม่น่าเชื่อว่า เริ่มเรื่องจากโลกใต้ดินอยู่ในรู จะพาเนื้อเรื่องไปไกลได้ถึงขนาดนี้ (โม้ยิ่งกว่า Dragon Ball อีกนะ จะบอกให้) เนื้อเรื่องในช่วงหลังจะเป็นการปะทะกันระหว่าง 2 แนวคิด คือแนวคิดแบบอนุรักษ์นิยมสุดโต่งของ Anti-Spiral ที่ต้องการหยุดการวิวัฒนาการของทุกสรรพสิ่งในสากลจักรวาลไว้ทั้งหมด ห้ามใครวิวัฒนาการอีกเลย ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าล้างเผ่ามันให้หมดทุกเผ่าพันธุ์ กับ อีกแนวคิดคือหัวก้าวหน้าสุดโต่งอย่างพวกของคะมินะและชิม่อน ในฉากสุดท้ายที่เป็นต่อสู้ระหว่าง ‘หุ่นโคตรอภิมหายักษ์’ ของทั้ง 2 ฝ่าย ฝั่งพระเอกที่ควบคุมหุ่นยนต์ยักษ์นั้นไม่ได้มีแค่เผ่าพันธุ์มนุษย์ เพราะแม้แต่สัตว์อสูรและลูกหมูก็ยังช่วยขับหุ่นยักษ์เช่นกัน พวกเขาเป็นตัวแทนสิ่งมีชีวิตที่มี DNA ของทั้งจักรวาลในการสู้กับเจตจำนงที่ต้องการให้ทุกอย่างหยุดหยุดวิวัฒนาการนั่นเอง  เรื่องนี้ตลอดทั้งเรื่องจึงกล่าวถึงแต่ เกลียว, สว่าน, DNA, การเจาะทะลวง, การหมุน, สายใยของคนที่จากไปแล้วและคนที่ยังมีชีวิตอยู่ที่ผูกพันกันเป็นเกลียว ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยหากวันนั้น คะมินะไม่เชื่อในเจตจำนงเสรีของสิ่งมีชีวิตว่าการวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตนั้นทุกอย่างสามารถเป็นไปได้   แล้วท่านผู้อ่านล่ะ คิดว่ามนุษย์ควรจะหยุดการพัฒนาทั้งหมดไว้เพียงเท่านี้ หรือควรจะวิวัฒนาการต่อไปอย่าหยุดยั้งดี?