เคนชิโร่ หมัดดาวเหนือ: “แกน่ะตายไปแล้ว” การมอบความตายในยุคทรชนเรืองอำนาจ

เคนชิโร่ หมัดดาวเหนือ: “แกน่ะตายไปแล้ว” การมอบความตายในยุคทรชนเรืองอำนาจ

เคนชิโร่ หมัดดาวเหนือ: “แกน่ะตายไปแล้ว” การมอบความตายในยุคทรชนเรืองอำนาจ

เด็กยุค 80-90 นอกจากจะมีท่าไม้ตายพลังคลื่นเต่า หรือหมัดเพกาซัส ของเซ็นต์เซย่า แล้ว ท่าหมัดดาวเหนือของเคนชิโร่ที่ต้องต่อยเตะรัว ๆ พร้อมเสียงร้องว่า อัตต้า ต้า ต้า ต้า เป็นเสียงแห่งความทรงจำที่ลืมไม่ลงเสียจริง “แกน่ะตายไปแล้ว! (お前はもう死んでいる)” สิ้นเสียงของเคนชิโร่ไปไม่เกิน 3 วินาที เหล่าทรชนก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดแสนสาหัส เมื่ออวัยวะภายในของตัวเองกำลังทะลักออกจากร่าง ทั้งสมอง, ลูกตา, หัวใจ, ปอด, ลำไส้, เส้นเอ็นและกล้ามเนื้อแขนขา ถูกแรงระเบิดลึกลับจากในร่างทะลวงออกมา จนทั่วร่างเหลือเพียงเศษเนื้อจมกองเลือด นี่คือวาระสุดท้ายที่เหมาะสมกับคนชั่วช้าอย่างพวกมัน… แน่นอนว่าเรากำลังพูดถึงเรื่อง “หมัดดาวเหนือ (北斗の拳)” เรื่องนี้ตีพิมพ์รายสัปดาห์ในนิตยสารการ์ตูนรายสัปดาห์ Weekly Shōnen Jump (週刊少年ジャンプ) ของญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี ค. ศ. 1983-1988 และมีการพิมพ์รวมเล่มเป็นเรื่องของตัวเองทั้งหมด 27 เล่มด้วยกัน นอกจากนี้ก็มี Anime และมี Side Story อีกหลายภาคด้วยกัน เนื้อเรื่องกล่าวถึงโลกในยุคหลังสงครามนิวเคลียร์ โดยไม่ได้กล่าวว่าเป็นสงครามโลกครั้งที่เท่าไร แต่ในเวอร์ชั่นแรกสุด สมมุติว่าเป็นปี ค. ศ. 199X ที่นานาประเทศทำสงครามนิวเคลียร์กันจนโลกทั้งใบแทบแหลกสลาย ระบบระเบียบทั้งหมดพังพินาศ สิ้นสุดความเป็นรัฐชาติของแต่ละประเทศ กลายเป็นสังคม Dystopia ผู้เข้มแข็งเท่านั้นที่อยู่รอด กลุ่มคนที่มีวิทยายุทธ หรือมีกองกำลังติดอาวุธ ต่างก็ตั้งตัวเป็นใหญ่ ออกปล้นชิงอาหาร, ข่มขืน, ฆ่า ผู้อ่อนแอกว่า ด้วยความทารุณ ทมิฬหินชาติ หากดูฉากหลังคุ้น ๆ ใช่แล้ว, หมัดดาวเหนือได้รับแรงบันดาลใจของโลกอนาคตที่ล่มสลายมาจากภาพยนตร์เรื่อง Mad Max หนังออสเตรเลียเวอร์ชันปี 1979 นั่นเอง เคนชิโร่ พระเอกของเรื่อง คือผู้สืบทอดวิทยายุทธลึกลับจากประเทศจีน ที่ชื่อว่า “หมัดเทพเจ้าดาวเหนือ” หรือ “หมัดอุดรเทวะ” (北斗神拳) ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความตาย ในญี่ปุ่นนั้นดาวเหนือมี 7 ดวง หมายถึงกลุ่มดาวหมีเล็ก (Ursa Minor) นั่นเอง (คนละความหมายกับดาวเหนือของไทย) เคนชิโร่เองก็มีแผลเป็นทั้งหมด 7 แห่งบนแผงหน้าอก ซึ่งเป็น 7 แห่งที่มีลำดับเรียงกันเหมือนดาวเหนือทั้ง 7 ทุกประการ หมัดดาวเหนือของเคนชิโร่มีลักษณะพิเศษคือการเค้นพลังแฝงทั้งหมดที่ร่างกายมนุษย์มี ระเบิดเข้าไปที่จุดชีพจรสำคัญของร่างกายศัตรู และเค้นให้อวัยวะภายในของศัตรูระเบิดออกมาสู่ภายนอก เป็นหมัดแห่งความตาย ทั้งเรื่องนี้ศัตรู 99.99% ของเคนชิโร่ล้วนตายอนาถทั้งหมด ระดับที่ว่าถ้าเป็นยุคนี้คงติดเรตความรุนแรงให้กับเรื่องนี้ไม่หวาดไม่ไหว คนที่ถูกเขาจัดการมีน้อยคนที่รอดและต้องพิการไปตลอดชีวิต เคนชิโร่มีคนรักชื่อ ยูเรีย และเคยมีมิตรสหายชื่อ ชิน ซึ่งเป็นผู้สืบทอดเพลงหมัดศักดิ์สิทธิ์ดาวใต้ (南斗聖拳) ซึ่งมีลักษณะตรงข้ามกับดาวเหนือ คือหมัดดาวใต้จะเน้นทำลายจากภายนอก เชือดเฉือนร่างของศัตรูออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ชินแอบหลงรักยูเรีย ในที่สุดจึงต่อสู้และเอาชนะเคนชิโร่ ทำร้ายเคนชิโร่โดยการจี้จุดทั้ง 7 แห่งบนแผงหน้าอกของเคนชิโร่ เพื่อบังคับให้ยูเรียยอมตามไปอยู่กับตัวเอง ยูเรียยอมตามไปอยู่กับชินเพื่อรักษาชีวิตของเคนชิโร่ไว้ ตั้งแต่วันนั้นเคนชิโร่จึงออกตามหายูเรีย และตระเวนช่วยเหลือชาวบ้านที่อ่อนแอผู้ถูกข่มเหงจากเหล่าเดนมนุษย์ทั้งหลาย เคนชิโร่ตระเวนฆ่า ฆ่า และฆ่า เหล่าคนชั่วตลอดทั้งเรื่อง เป็นพระเอกที่ฆ่าคนอย่างเลือดเย็นเหี้ยมโหดที่สุดในประวัติศาสตร์การ์ตูนก็ว่าได้  นอกจากการสร้างโลก Dystopia แบบเรื่อง Mad Max แล้ว เรื่องหมัดดาวเหนือยังได้รับแรงบันดาลใจจากอีกหลายเรื่อง วิทยายุทธจีนในเรื่องของเคนชิโร่นั้นได้รับอิทธิพลจากเพลงมวยของ บรูซ ลี (มีฉากเคนชิโร่ใช้กระบองสองท่อนด้วย) ส่วนใบหน้าของเคนชิโร่นั้นละม้ายคล้ายใบหน้าของ ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน พระเอกเรื่องแรมโบ้ แต่ร่างกายเคนชิโร่สามารถเดินลมปราณหมัดเทพเจ้าดาวเหนือเพื่อเบ่งให้กล้ามโตขึ้นไปอีกจนคล้ายกับร่างกายของ อาร์โนลด์ ชวาเซเนกเกอร์ “คนเหล็ก” สมัยท็อปฟอร์ม อีกด้วย เรียกว่าถ้าเรื่อง Dragon Ball คือยำใหญ่ของ Popular Culture จากหลายวัฒนธรรม เรื่องหมัดดาวเหนือก็คือยำใหญ่ของหนังแอ็กชันสุดโหดหลาย ๆ เรื่องนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีผู้วิเคราะห์ว่า ผู้เขียนนั้นใช้จินตนาการถึงใบหน้าของแพะในการสร้างคาแรคเตอร์ตัวละครฝ่ายดี, ใบหน้าของหมูในการสร้างใบหน้าผู้ร้ายที่ร่างอ้วนใหญ่, ใบหน้าของหมาป่าในการสร้างใบหน้าผู้ร้ายที่เท่ ๆ หน่อย เป็นต้น แต่อย่าเข้าใจผิดว่าเคนชิโร่เป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิตแต่อย่างใด เคนชิโร่ออกจะเป็นคนอ่อนไหวมาก ร้องไห้บ่อย รักเดียวใจเดียว เป็นผู้ชายที่แสนซื่อแสนบริสุทธิ์ที่สุดในเรื่อง มีคู่หูคือ เรย์ หมัดวิหคน้ำดาวใต้ จนไม่น่าเชื่อว่าคนที่จิตใจบริสุทธิ์ขนาดนี้จะสามารถเอาชีวิตรอดในโลกอันมืดมนในเรื่องได้ เพียงแต่ผู้ร้ายในเรื่องนี้ก็ชั่วร้ายแบบเลวชาติระดับนรกส่งมาเกิดกันทุกคน ฆ่าผู้หญิง ฆ่าคนแก่ ฆ่าแม้แต่เด็กทารก ฉุดผู้หญิงไปข่มขืนแบบรุมโทรมแล้วส่งไปเป็นนางบำเรอในซ่องโจรจนกว่าจะขาดใจตาย ฯลฯ เรียกว่าคนอ่านกลับจะลุ้นให้เคนชิโร่เป็น “ศาลเตี้ย” ฆ่าล้างบางพวกมันให้หมดเลยดีกว่า เรื่องนี้จัดเป็นวรรณกรรมระดับตำนานของญี่ปุ่นได้อีกเรื่องหนึ่ง มีเพลงประกอบสุดเร้าใจอย่าง “ไอ โอะ โทะริโมะโดะเซะ” (ที่ร้องว่า You wa Shock! ♪) หรือเพลงแสนเศร้าอย่าง “Dry Your Tears” หรือเพลง “Yuria…Towani” อีกทั้งมีเนื้อเรื่องแนวหนังจีนกำลังภายในอย่างการต่อสู้ห้ำหั่นกันของศิษย์พี่ศิษย์น้องในสำนัก การสร้างโลกที่แสนหดหู่เลวร้ายมากจนกระทั่งคนอ่านลุ้นให้เคนชิโร่ฆ่าผู้ร้ายให้หมดทุกคนในเรื่อง หลังจากอ่านเสร็จ หมึกจะเลอะมือคนอ่านดำปี๋ ราวกับเลือดของศัตรูในเรื่องนั้นเปื้อนมือผู้อ่านทุกเล่มเลย แต่น่าประหลาดที่ภายใต้ความเลือดสาด รุนแรง หดหู่ นั้น หมัดดาวเหนือกลับเป็นเรื่องที่เต็มไปด้วยความหวัง, แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์, กำลังใจที่จะใช้ชีวิตต่อไปในฐานะ “เป็นคนดีของสังคมโลก” และเป็นต้นฉบับของการ์ตูนสาย K ที่เน้นความบ้าพลังอีกด้วย  หากมองข้ามความรุนแรงเลือดสาดโหดร้ายในเรื่อง ในมุมหนึ่งหมัดดาวเหนือเป็นเรื่องที่ตั้งคำถามให้เยาวชนได้ตระหนักถึง “การเป็นคนดี” ในสภาพแวดล้อมที่โหดร้าย ในเรื่องจะไม่สามารถทำตัวเป็น “คนธรรมดา” ได้เลย เพราะสภาพแวดล้อมบีบคั้นว่าต้องเลือกระหว่างเป็นคนเลวสุดเลวไปเลย หรือเป็นคนดีแสนดีที่ถูกรังแก เท่านั้น ท่านผู้อ่านล่ะ หากมีประสบการณ์เลวร้ายสุดหยั่ง และกฎหมายหรือศีลธรรรมใด ๆ ก็ช่วยเราไม่ได้อีกแล้ว ทุกท่านจะตัดสินใจเป็นคนดีหรือคนเลว? แต่อย่าลืมว่า ถ้าตัดสินใจเป็นคนเลวแล้วล่ะก็ วาระสุดท้ายอันเจ็บปวดทรมานกำลังรอท่านอยู่…ด้วยเพลงหมัดของเทพเจ้าแห่งความตายที่จะทำให้ท่านรู้สึกถึงนรกบนดิน! “แกน่ะตายไปแล้ว!”