โคบี ไบรอันต์: ตำนานบาสเกตบอลแห่งเลเกอร์ส อสรพิษที่โลกรัก

โคบี ไบรอันต์: ตำนานบาสเกตบอลแห่งเลเกอร์ส อสรพิษที่โลกรัก
สำหรับ โคบี ไบรอันต์ 26 มกราคม 2020 นั่นน่าจะเป็นเช้าธรรมดา ๆ ของวันอาทิตย์วันหนึ่ง เขากับลูกสาววัย 13 ปี -เจียนนา- กับเพื่อนร่วมทางรวมนักบินอีกเจ็ดชีวิต ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตรงไปยัง Mamba Sports Academy สโมสรกีฬาที่ไบรอันต์สร้างไว้เมื่อปี 2018 ที่แคลิฟอร์เนีย อีกแค่สี่สิบนาทีต่อมา เฮลิคอปเตอร์ลำนั้นประสบอุบัติเหตุรุนแรงระหว่างบินผ่านเขตคาลาบาซัส, แคลิฟอร์เนีย ไบรอันต์และลูกสาวเดินทางไปไม่ถึงสโมสรกีฬา เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมทางบนเครื่องบินลำนั้น ทั้งคู่เสียชีวิต ไม่มีใครคาดคิดว่านั่นจะเป็นวันอาทิตย์สุดท้ายของเขาและของทุกคน เหตุผลสำคัญที่ทำให้อุบัติเหตุครั้งนี้เป็นที่สะเทือนใจจนมันกินพื้นที่หน้าสื่อไม่เว้นชั่วโมงตลอดทั้งวันนั่นเพราะ มันเป็นการจากไปอย่างกะทันหันจนยากจะเชื่อว่ามันเกิดขึ้นแล้วและจบไปแล้วอย่างเศร้าสร้อย และอีกประการสำคัญ มันเป็นเพราะคนที่จากไปคือโคบี ไบรอันต์คนนั้น ชายที่เป็นตำนานของวงการบาสเกตบอลลีก NBA, เจ้าของแชมป์ห้าสมัยและตำแหน่งผู้เล่นทรงคุณค่าที่แฟนบาสเกตบอลรักหมดหัวใจ และเป็นคนเดียวกับที่ทำแต้มไปทั้งสิ้น 81 แต้มในเกมเดียวจนไม่เป็นที่รักของอีกหลายคนนัก เป็นคนรักหนังที่ดั้นด้นทำแอนิเมชันขนาดสั้นจนคว้ารางวัลออสการ์ เป็นแฟนตัวยงของฟุตบอลทีมเอซี มิลานและ ฟิลาเดเฟีย อีเกิลส์ของอเมริกันฟุตบอล เป็นพ่อของลูกสาวอีกสี่คน และเป็นนักกีฬาที่เกษียณตัวเองซึ่งด้รับการปรบมือกระหึ่มทั่วทั้งเมืองทั้งจากฝั่งคนรักและคนที่ไม่รัก โคบี ไบรอันต์ ไม่ใช่นักกีฬาที่หลายคนจะรู้สึกเป็นมิตรด้วยได้นัก แน่แท้ว่านอกสนามนั้นเขาเป็นชายร่างสูงผู้รุ่มรวยอารมณ์ขัน และกลายเป็นแขกรับเชิญคนโปรดของรายการโทรทัศน์ใหญ่ยักษ์อยู่เนือง ๆ แต่ก็เป็นที่รู้กันว่า ในสนามกับระยะเวลาสี่ควอเตอร์ เขาคือคนที่ตะโกนใส่ทั้งฝั่งตรงข้าม, ฝั่งเดียวกันและกรรมการ ถ้าหากว่าผลลัพธ์ออกมาไม่เป็นดังใจ หากว่าเราแบ่งยุคของบาสเกตบอลในสหรัฐฯ ตามผู้เล่น เราคงแบ่งแยกย่อยออกเป็นหลายคลื่นลมของยุคสมัย ไล่มาตั้งแต่วิลต์ แชมเบอเลน, บิลล์ รัสเซลล์ มาสู่ห้วงเวลาของ คารีม อับดุล-จับบาร์, แลร์รี เบิร์ด ผลัดใบมาจนถึงยุคที่แมจิก จอห์นสัน, ไมเคิล จอร์แดน กลายเป็นผู้เล่นอันดับหนึ่งของลีก นั่นเป็นช่วงรอยต่อที่ โคบี ไบรอันต์ เด็กหนุ่มวัย 18 ปีจากฟิลาเดลเฟียดราฟต์เข้าลีก ทิ้งจดหมายเชื้อเชิญจากมหาวิทยาลัยและเดินหน้าตรงเข้าสู่สนามการเป็นนักกีฬาอาชีพ พร้อมจะเดิมพันอนาคตกับลีกกีฬาที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดลีกหนึ่งของโลก และไม่รู้ตัวเลยว่าเขาจะเป็นหนึ่งในคลื่นลูกถัดไปของลีกในอีกสิบปีนับจากวันนั้น เช่นเดียวกับเด็กอเมริกันอีกหลายคน ไบรอันต์เติบโตมาในแวดล้อมของการดูบาสเกตบอล และยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อพ่อของเขาเป็นนักกีฬาที่ลงเล่นให้ทีมในลีกอิตาลี เขาจึงเป็นเจ้าหนูตัวจิ๋วที่หมกมุ่นกับบาสเกตบอลมาตั้งแต่สามขวบ เติบโตขึ้นเป็นนักกีฬาตัวเก่งของโรงเรียนและโดดเด่นสุดขีดจนถูกทาบทามเข้ามหาวิทยาลัยด้วยโควตานักกีฬา แต่เขาบอกปัดไปในท้ายที่สุดเพื่อจะได้เซ็นสัญญาลงเล่นให้ทีมชาร์ล็อตต์ ฮอร์เน็ตส์ก่อนจะถูกเปลี่ยนตัวแทบจะในทันทีไปยังบ้านหลังสุดท้ายของเขาอย่างทีมแอลเอ เลเกอร์ส "ผมอยากรู้ว่าการเป็นนักบาสเกตบอลที่ดีที่สุดในโลกมันเป็นยังไง และถ้าจะได้รู้ ผมก็ต้องได้รู้ด้วยวิธีที่ดีที่สุด เด็กคนอื่น ๆ อาจไปโรงเรียนเพื่อไปเป็นหมอหรือเป็นทนาย มันเป็นแหล่งเรียนรู้ของพวกเขา และแหล่งเรียนรู้ที่ดีที่สุดของผมก็อยู่ที่นี่แล้ว" โคบี ไบรอันต์: ตำนานบาสเกตบอลแห่งเลเกอร์ส อสรพิษที่โลกรัก "ผมโตมากับการดูแมจิก ดูไมเคิล ได้เห็นพวกเขาทำสิ่งที่น่าเหลือเชื่อตั้งมากตั้งมาย จนผมเอาแต่ถามตัวเองว่าจะทำแบบนั้นได้บ้างไหมนะ มาลองดูกันสักตั้งดีกว่า" ไบรอันต์บอก ความทะเยอทะยานในระดับทะลุปรอทของไบรอันนั้นเป็นที่ประจักษ์นับตั้งแต่สมัยที่เขาเรียนมัธยม เขามักปรากฏตัวที่ยิมตั้งแต่ตีห้าและกลับออกไปทำกิจวัตรอื่น ๆ (เช่น เข้าเรียนซึ่งดูเหมือนเขาจะถือเป็นงานรอง) อีกทีก็เมื่อสามชั่วโมงให้หลัง กระทั่งเมื่อเขาลงเล่นในลีก NBA เต็มตัว ฝันแรกของเด็กหนุ่มก็ถูกบดขยี้ด้วยนักกีฬาอาชีพที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังกว่าเขา ไบรอันต์จึงอุทิศเวลาที่เหลือจากการพักผ่อนและกินทั้งหมดของวันไปกับการฝึกซ้อม ว่ากันว่าเขาจะซ้อมโยนลูกลงห่วงทุกวัน วันละ 400 ครั้งเป็นอย่างต่ำเสมอ "ถ้าบอกว่าผมเป็นพวกทุ่มเทจนเกินไป ก็ถือเป็นคำขอบคุณแล้วกัน เพราะมันหมายความว่าผมทำงานอย่างหนักและรีดเค้นทุกหยดเลือดเท่าที่มีเพื่องานนั่นแหละ" เขาว่า หากแต่ด้านหนึ่ง ความมุ่งมั่นทุ่มเทของไบรอันต์ก็ไม่ได้รับอ้อมกอดที่อบอุ่นทั้งจากฝั่งคนดูหรือแม้แต่เพื่อนร่วมทีมนัก เขาคือนักกีฬาที่ได้รับสมญานามแสบคันจากสื่อมวลชนว่า 'นักบาสชายเดี่ยว' ที่ยั่วล้อลักษณะการครองบอลแบบไม่ยอมปล่อยให้หลุดไปถึงมือทั้งฝั่งตรงข้ามและฝั่งตัวเอง จนเมื่อปี 2006 เกมส์ระหว่างเลเกอร์สกับโตรอนโต แรปเตอร์ส เขากดทำแต้มไปคนเดียวทั้งสิ้น 81 แต้มอันเป็นผลมาจากการหวงบอลก็ส่วนหนึ่ง บวกรวมกับท่าทีเอาเป็นเอาตายกับเพื่อนร่วมทีม (เคยมีฟุตเตจที่เขาตะโกนออกคำสั่งกับ เพา กาซอล เซนเตอร์ทีมเดียวกันจนหลายคนบอกว่า ไบรอันต์กำลังทำตัวเหมือนเจ้านายเข้าไปทุกวันแล้ว) จนได้รับฉายาว่า 'อสรพิษดำ' (Black mamba) ทำให้เขาไม่ใช่นักกีฬาที่ให้ความรู้สึกเป็นมิตรกับหลายคนนัก แต่ถามว่าเขาแยแสไหม... ก็อาจจะมีบ้าง แต่ก็ไม่ได้มากขนาดที่ทำให้เขาลดท่าทีดุดันนั้นลง "การเป็นผู้นำมันแสนโดดเดี่ยว ผมไม่ได้หวั่นเกรงสิ่งที่ต้องเจอเวลาพาทุกคนไปสู่เป้าหมายที่เราต้องไป คนมักเข้าใจผิด ๆ ว่าการคว้าชัยชนะหรือประสบความสำเร็จนั้นเกิดขึ้นได้จากการร่วมแรงร่วมใจ ร้องเพลงคัมบายา (เพลงสรรเสริญของชาวคริสต์ในแอฟริกา) แล้วตบหลังตบบ่าให้กำลังใจกันเวลาเราพลาด ไม่เลย ไม่จริงเลยสักนิด ถ้าคุณต้องเป็นหัวหน้าคน คุณเอาแต่ตามใจใครไม่ได้หรอก คุณต้องรับผิดชอบคนทุกคน ต่อให้นั่นจะนำมาซึ่งความรู้สึกที่ไม่งดงามนักก็ตาม" เขาบอกเรียบ ๆ "ถ้าคุณอยากเป็นเลิศในอะไรสักด้าน คุณก็ต้องตัดสินใจลงมือทำบางอย่าง เราล้วนเป็นเลิศในด้านการงานของตัวเองได้ทั้งนั้น เพียงแต่มันต้องลงมือทำ ผมหมายความว่า มันมีสิ่งที่คุณต้องเสียสละไประหว่างทางทั้งนั้น เวลาที่คุณให้กับครอบครัว การออกไปเที่ยวกับเพื่อน การเป็นมิตรสหายที่ดีของพวกเขา เป็นลูกที่ดี หลานที่ดี อะไรก็ตาม มันล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ต้องแลกมาทั้งนั้น" "สมองผมมันทำความเข้าใจความล้มเหลวไม่ได้ เข้าใจไม่ได้ เพราะลองถ้าผมได้นั่งลงบอกตัวเองว่า 'แกมันไอ้ขี้แพ้' ผมว่านั่นแหละที่เลวร้ายที่สุดแล้ว เลวร้ายยิ่งกว่าความตายเสียอีก" เขาทุ่มเททุกหยาดเหงื่อก็แค่เพื่อชนะ หลายครั้งที่หลังจากเขาพาทีมคว้าแชมป์ได้ ไบรอันต์ไม่ได้ตอบอะไรผู้สื่อข่าวนักว่าเขารู้สึกอย่างไร ครั้งหนึ่ง เขาบอกแค่ว่ามันงุนงงพอสมควร "เหมือนผมถามตัวเองอยู่ว่า แล้วจากนี้มันยังไงต่อล่ะ" เขาหัวเราะ ไบรอันต์สิ้นสุดอาชีพนักกีฬาของตัวเองในปี 2016 เมื่อเขาในวัย 39 ปีจำต้องยอมรับว่าร่างกายของเขาไม่อาจปะทะกับคลื่นลูกใหม่อีกหลายชีวิตที่กำลังก้าวเข้ามาในอีกด้วยรูปแบบเดียวกับเขาเมื่อยี่สิบปีก่อนได้ เขายังคงเป็นนักกีฬาที่ดุดัน เอาเป็นเอาตาย และทำแต้มได้สูงลิ่วเสมอ หากแต่ก็แลกมากับสภาพบาดเจ็บที่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานนับเดือน จนกลายเป็นภาพบาดตาแฟน ๆ เมื่อต้องทนเห็นเขานั่งข้างสนามกับน้ำแข็งประคบอาการฟกช้ำหลังลงเล่นได้เพียงสองควอเตอร์ การทนเห็นไบรอันต์ในสภาพร่างกายถดถอยนั้นน่าเจ็บปวด หากแต่การต้องมารับรู้ว่าเขาจากไปอย่างไม่มีวันกลับนั้นทารุณยิ่งกว่า การจากไปของไบรอันต์ในเช้าวันอาทิตย์กลายเป็นข่าวใหญ่ที่กินพื้นที่ข่าวทุกสำนัก สนามสเตเปิลส์เซ็นเตอร์ -สังเวียนตลอดชีวิตของไบรอันต์- ขึ้นป้ายแสดงความเสียใจต่อการจากไปของเขา แม้แต่การประกาศรางวัลแกรมมีของฝั่งอุตสาหกรรมดนตรี ยังกล่าวคำไว้อาลัยต่อการสูญเสียครั้งนี้ผ่านถ้อยแถลงและบทเพลงจากนักร้องอาชีพ ไม่ว่าคุณจะรักหรือเกลียดเขา ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าโคบี ไบรอันต์ คือชายที่เป็นหนึ่งในคลื่นลูกใหญ่ที่สุดลูกหนึ่งของวงการบาสเกตบอล และเป็นแรงผลักดันของหลายต่อหลายคนเสมอมาไม่ว่าคุณจะเติบโตในวงการกีฬา ดนตรี ภาพยนตร์หรือแม้แต่งานเขียนเองก็ตามที