ลูลูช วี บริทาเนีย แห่ง Code Geass: ผู้สร้างโลกที่อ่อนโยนด้วยการนองเลือด

ลูลูช วี บริทาเนีย แห่ง Code Geass: ผู้สร้างโลกที่อ่อนโยนด้วยการนองเลือด

ลูลูช วี บริทาเนีย แห่งเรื่อง Code Geass ว่าด้วยประวัติศาสตร์โลกแบบ What if ที่แย้งกับประวัติศาสตร์ในโลกแห่งความจริง คือตัวละครที่ถูกมองว่า เป็นผู้สร้างโลกที่อ่อนโยนด้วยการนองเลือด

(ระวังมีสปอยล์!!) “ลูลูช วี บริทาเนีย ขอบัญชาให้พวกแกจงตายซะ!” (ルルーシュ・ヴィ・ブリタニアが命じる。貴様達は死ね) เป็นคำพูดที่เราจะได้ยินกันหลายครั้งจากเรื่อง Code Geass ซึ่งเมื่อใครก็ตามที่ได้สบตากับลูลูช (ตัวเอกของเรื่อง) และได้รับคำสั่งนี้ ก็จะต้องลงเอยด้วยการฆ่าตัวตาย โดยไม่สามารถใช้เจตจำนงของตัวเองขัดขืนคำสั่งได้ เพราะนี่คือพลังของตัวเอกในเรื่องนี้นั่นเอง แต่ทว่า เรื่องนี้ไม่ได้มีจุดโฟกัสเป็นเรื่องของพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติอะไรเลย หากแต่เน้นไปที่สงครามและสัมพันธภาพระหว่างตัวละครในเรื่อง ที่ทำให้คนดูต้องลุ้น, หัวเราะ, ร้องไห้ และซาบซึ้งไปกับชะตากรรมของหลาย ๆ ตัวละครในเรื่อง พร้อมทั้งเสพติดกับปมขัดแย้งของความเชื่อมโยงในเนื้อเรื่อง นี่คือ ‘เสน่ห์’ ที่ใครเผลอกดเข้ามาดูเป็นต้อง ‘หลง’ จนถอนตัวไม่ขึ้น เรื่อง Code Geass นี้ไม่ได้มีต้นฉบับเป็น Manga มาก่อน เพราะเป็นเรื่องที่สร้างเพื่อเป็น Anime แต่ต้น แล้วถึงจะเริ่มมีเป็น Manga, Game, Side Story ออกมาทีหลัง มีชื่อเรื่องเต็ม ๆ อย่างเป็นทางการคือ Code Geass: Lelouch of the Rebellion (โค้ด กีอัส: การปฏิวัติของลูลูช) ภาคหลักมีทั้งหมด 2 ภาคคือ ภาค 1 และ ภาค R2 โดยเนื้อเรื่องกล่าวถึงประวัติศาสตร์โลกแบบ What if ที่แย้งกับประวัติศาสตร์โลกในโลกแห่งความจริง คือประเทศส่วนใหญ่ในโลกยังคงปกครองด้วยระบอบกษัตริย์หรือจักรพรรดิอยู่ (รายละเอียดของประวัติศาสตร์โลกฉบับ Code Geass ต้องไปหาอ่านเพิ่มเติมเพราะมียาวมาก) โลกแบ่งเป็น 3 ขั้วมหาอำนาจคือ จักรวรรดิบริทาเนียอันศักดิ์สิทธิ์ (The Holy Britanian Empire), สหพันธ์จีน (The Chinese Federation), และ สหภาพยุโรป (The Europa United) ดังนั้น ศักราชในเรื่องจะไม่ใช่คริสต์ศักราชที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า ‘เซ-เระ-คิ’ (西暦) แต่จะเป็น ‘โค-เระ-คิ’ (皇暦) ที่แปลว่า ปีจักรวรรดิ แทน เริ่มเรื่อง Code Geass คือเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ปีจักรวรรดิที่ 2010 จักรวรรดิบริทาเนียอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นมหาอำนาจใหญ่สุดของโลก (อยู่บนแผนที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะในโลกของ Code Geass นั้นไม่มีประเทศสหรัฐอเมริกา แต่เป็นจักรวรรดิบริทาเนียแทน) ได้ใช้กำลังทหารและเทคโนโลยีที่เหนือกว่า บุกเข้ายึดครองประเทศญี่ปุ่น และรบชนะอย่างเด็ดขาด ทำให้ประเทศญี่ปุ่นเสียเอกราชและกลายเป็นอาณานิคมหนึ่งของจักรวรรดิ ชื่อประเทศญี่ปุ่นจึงถูกแทนด้วยคำว่า ‘Area 11’ และชาวญี่ปุ่นถูกเรียกทับเสียงว่าพวก ‘อีเลเว่น’ แทน ชาวอีเลเว่นถูกกดขี่ขูดรีดอย่างหนัก พวกเขาไม่มีสิทธิที่จะโต้แย้งต่ออำนาจที่จักรวรรดิบริทาเนียพยายามกดให้พวกเขาต้องยอมจำนนต่อความผิดบาปที่ไม่ได้ก่อ ผ่านการทารุณสารพัดวิธี ในลักษณะของ discrimination อย่างรุนแรง ตามแบบฉบับของการล่าเมืองขึ้นตะวันตกในประวัติศาสตร์จริง ในขณะที่ชาวบริทาเนียเข้ามากลายเป็นชนชั้นสูงเสพสุขอยู่ใน Area 11 ลูลูช แลมเพอรูจ เป็นเพียงนักเรียนชาวบริทาเนียที่ใช้ชีวิตอยู่ใน Area 11 คนหนึ่ง แต่ในตอนจบของ Ep. 1 ก็เฉลยว่าจริง ๆ แล้วเขาคือ องค์ชายลูลูช วี บริทาเนีย รัชทายาทลำดับที่ 17 ของจักรวรรดิบริทาเนีย ที่เป็นลูกชัง เพราะแม่ของตัวเองถูกกลุ่มคนลึกลับฆ่าตาย และน้องสาวของลูลูชได้รับบาดเจ็บและกระทบกระเทือนจากจิตใจอย่างแรงจนขาพิการและตาบอด แต่เสด็จพ่อไม่เคยใส่ใจจะสืบหาความจริงนี้ เท่านั้นยังไม่พอ ทั้ง 2 พี่น้องถูกขับออกจากราชวงศ์และต้องย้ายประเทศมาอาศัยอยู่ที่ Area 11 ดังนั้น ลูลูชจึงมีความแค้นทั้งต่อเสด็จพ่อ ราชวงศ์ และต่อจักรวรรดิบริทาเนีย เขาเฝ้ารอวันที่ตัวเองจะสั่งสมอำนาจก่อปฏิวัติเพื่อทำลายล้างจักรวรรดิบริทาเนียให้สิ้นซาก เหมือนชะตาฟ้าลิขิต ลูลูชได้พบกับสาวน้อยลึกลับนางหนึ่ง เธอได้มอบพลังลึกลับที่เรียกว่า ‘กีอัส’ (Geass) ให้กับลูลูช เป็นพลังที่สามารถ ‘สั่งให้ใครทำอะไรก็ได้’ แบบแย้งเจตจำนงของเจ้าตัวโดยสิ้นเชิง เมื่อได้รับคำสั่งแล้วจะต้องปฏิบัติตาม 100% แม้จะสั่งให้ฆ่าตัวตายก็ต้องปฏิบัติตามอย่างไร้ทางเลือก ปมความสนุกทั้งหมดของเรื่องจึงเริ่มขึ้นเมื่อลูลูชตัดสินใจใช้พลังจากกีอัสเพื่อก่อปฏิวัติล้มล้างจักรวรรดิบริทาเนีย โดยที่ลูลูชก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าอะไรที่หนักหนาสาหัสมากมายรอเขาอยู่ราวกับเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนที่ได้รับพลังอันน่าสะพรึงกลัวนี้มา การก่อปฏิวัติของลูลูชปะทะกับจักรวรรดิบริทาเนียทำให้เกิดการนองเลือดเป็นวงกว้างและพัฒนาไปสู่สงครามระดับโลกอีกหลายสงครามในเรื่อง อย่างไรก็ตาม ลูลูชไม่ได้มีแต่มุมของความแค้นเท่านั้น แต่ยังมีมุมที่อ่อนโยนอีกด้วย หลายต่อหลายครั้งในเรื่องที่เราจะเห็นท่าทีวางก้าม วางฟอร์ม แต่จริง ๆ ลูลูชก็เป็นคนใจดีมากต่อมิตรสหายรอบตัว ลูลูชจึงไม่ได้มีเพียงความแค้น แต่เขายังมีความหวังอย่างแรงกล้าที่จะสร้างโลกใหม่ที่อ่อนโยนสำหรับผู้อ่อนแอ อย่างเช่นน้องสาวของตัวเอง รวมทั้งผู้อ่อนแอทั้งหลายในโลกให้ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แน่นอนว่าต้องไม่ใช่โลกใน Code Geass ที่เต็มไปด้วยสงครามระหว่างประเทศและการฆ่าฟันกัน ดังจะเห็นได้จากมีบางครั้งที่ลูลูชตัดสินใจช่วยชาวบริทาเนียเช่นกัน เพราะจุดยืนคือช่วยผู้อ่อนแอและลงโทษผู้เข้มแข็งที่ใช้อำนาจในทางมิชอบ ซึ่งนับเป็นปมขัดแย้งที่น่าสนใจมากที่ชายผู้อ่อนโยนผู้มีความปรารถนาเดียวเท่านั้น คือหวังเพียงให้ผู้อ่อนแอได้มีพื้นที่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข กลับเป็นชายคนเดียวกันที่มอบความเจ็บปวดและความตายให้คนจำนวนมากในระดับสงครามโลก ความอ่อนโยนอย่างมากของลูลูชที่อยู่ในตัวพร้อม ๆ กับอุดมการณ์อันแรงกล้าที่จะทำลายล้างบริทาเนียจึงทำให้ลูลูชต้องประสบวิบากกรรมมากมายทั้งกายและใจไปตลอดจนจบเรื่องนี้ ทำให้กลายเป็นตัวละครที่คนดูทั้งรักทั้งชิงชังและร่วมลุ้นเอาใจช่วยไปพร้อมกัน จุดที่น่าสนใจอีกจุดคือ แม้ว่าลูลูชจะถูกเนรเทศมาอาศัยอยู่ที่ Area 11 แต่ก็มีฐานะการเงินที่ดีมาก จัดว่าเป็นกลุ่มชนชั้นนำ มีบ้านหรู มีคนรับใช้ ได้เรียนโรงเรียนชนชั้นนำ มีสถานภาพทางสังคมสูงพอตัว แต่ลูลูชก็เลือกที่จะไม่เพิกเฉยต่อปัญหาต่าง ๆ ของเพื่อนร่วมโลก ไม่แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นปัญหาการใช้อำนาจเถื่อน, ปัญหาการแบ่งแยกชาติพันธุ์, ปัญหาความอดอยาก และปัญหาการข่มเหงรังแกผู้อ่อนแอ แต่ถึงกระนั้น ถ้าลูลูชไม่ได้รับพลังกีอัสมา ชีวิตของลูลูชก็คงจบลงแค่ความคับแค้นใจแต่ไม่สามารถลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้ ซึ่งลูลูชตระหนักดีในเรื่องนี้ ว่าถึงที่สุดแล้วแม้ว่ามนุษย์จะมีความปรารถนาดีหรือมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าเพียงใด มนุษย์ก็ไม่อาจทำอุดมการณ์ให้เป็นจริงได้ถ้าไร้ซึ่งพลังอำนาจเหนือผู้อื่น ลูลูชจึงตระหนักดีกว่าใครถึงพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัว และตระหนักถึงสิ่งที่ลูลูชต้องสูญเสียไปมากมายเพราะการตัดสินใจใช้พลังนั้น จึงเป็นคำพูดในตอนจบที่มีความหมายลึกซึ้งสุดจะหยั่งคือ “นี่ สุซะคุ (ลูลูชกล่าวกับเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิต) นายคิดว่า ‘ความหวัง’ ของคนเรานั้นเหมือนกับกีอัสมั้ย?” (なあ、スザク、願いとはギアスに似ていないか) “พอคนเราทำอะไรด้วยกำลังของตัวเองแล้วไม่สำเร็จ เราจะไขว่คว้าหาสิ่งนั้นจากผู้อื่น ฉันเองก็ขอเดิมพันกับกีอัสที่อยู่ในรูปแบบของ ‘ความหวัง’ ของมนุษยชาติ เพื่ออนาคตของโลกใบนี้…”  (自分の力だけでは叶わない事を誰かに求める。俺は人々の願いという名のギアスにかける。世界の明日のために・・・) และตัดภาพไปที่คำพูดติดปากของลูลูชคือ “คนที่เตรียมใจพร้อมจะถูกฆ่าเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์ฆ่าคนอื่น” (撃っていいのは撃たれる覚悟がある奴だけだ。) และเฉลยสู่บทสรุปที่เป็นวีรกรรมของลูลูชที่ ‘ยิ่งใหญ่แบบที่สุด’ ในโลกอนิเมะที่ไม่เคยมีเรื่องไหนจบแบบนี้มาก่อน เป็นการปิดท้ายเรื่องนี้ชนิดที่ต่อให้เวลาผ่านไปอีกกี่สิบปี คนดูทุกคนก็ไม่มีทางลืมตอนจบของทั้ง 2 ภาคอย่างแน่นอน Code Geass เป็น Anime ที่เต็มไปด้วยพล็อตดี ๆ มากมาย ทั้งแนวหุ่นยนต์ต่อสู้, หักเหลี่ยมเฉือนคม, วางยุทธศาสตร์การรบ, การใช้กำลังทหารและวิทยาศาสตร์ในทางที่ผิด, การเจรจาเพื่อต่อรองผลประโยชน์, จิตวิทยา, แนวโมเอะ, แนววัยรุ่นรัก ๆ ใคร่ ๆ, แนวสัมพันธภาพอันซับซ้อน, แม้แต่ตัวละครที่เราเกลียดแสนเกลียดเราก็ยังหลั่งน้ำตาให้กับชะตากรรมที่ตัวละครนั้นได้รับในภายหลัง เรียกได้ว่ารวมสารพัดพล็อตอะไรไว้ครบทุกรสในเรื่องเดียว แต่พล็อตรวบยอดจริง ๆ คือแนว SF & Dark Fantasy เมื่อเห็นคำว่า Dark ก็คงยากที่จะสรุปว่าเรื่องจบแบบ Happy Ending ไปได้ โดยเฉพาะเมื่อใครได้ดูตอนที่ 22 - 25 ที่เป็นช่วงจบของภาคแรกที่ทำให้สติแตกแทบคลั่งตายเพื่อรอดูภาค R2 และเมื่อดูตอนจบตอนสุดท้ายของภาค R2 ที่ห้ามสปอยล์กันและกันอย่างเด็ดขาด ชนิดว่าเลิกคบกับเพื่อนกันไปเลยถ้าใครสปอยล์เรื่องนี้!! ก็ทำให้คนดูจำนวนมากทั่วโลกต้องหลั่งน้ำตาให้กับมหากาพย์เรื่องเยี่ยมเรื่องนี้ เป็นอีกเรื่องที่แนะนำอย่างแรงกล้าให้หามาดู สำหรับผู้เขียนเองขอจัดเรื่องนี้ไว้ใน 1 ใน 10 เรื่องเยี่ยมตลอดกาลของ Anime ญี่ปุ่นเลยก็แล้วกัน