Lil Peep: ‘ผู้เป็นทุกอย่างของทุกคน’ จนวันสุดท้าย และความตายในวัย 21

Lil Peep: ‘ผู้เป็นทุกอย่างของทุกคน’ จนวันสุดท้าย และความตายในวัย 21
“วันนี้เป็นวันที่ดี วันที่ดีไม่ได้มีทุกวัน แต่วันนี้เป็นแบบนั้น ผมรู้สึกดีมาก”  คือถ้อยคำที่ ‘ลิล พีพ’ (Lil Peep) แร็ปเปอร์สายอีโมที่หลายคนยกให้เป็น ‘เคิร์ต โคเบน แห่งยุคปัจจุบัน’ พูดในวันสุดท้ายของชีวิตเขา ก่อนที่เจ้าตัวจะถูกพบในสภาพไร้ลมหายใจ และจากโลกใบนี้ไปด้วยวัยเพียง 21 ปี 15 พฤศจิกายน 2017 ‘ลิล พีพ’ เสียชีวิตบนรถบัสระหว่างทัวร์คอนเสิร์ตที่เมืองทูซอน รัฐแอริโซนา ด้วยอาการโอเวอร์โดสจากการเสพยาซาแน็กซ์ร่วมกับเฟนทานิล โดยตลอดชีวิตที่ยังเยาว์และแสนสั้นของเขา พีพต้องเผชิญหน้ากับโรคซึมเศร้า ไบโพลาร์ ความป่วยไข้ทางอารมณ์อื่น ๆ และรับภาระหนักอึ้งในการเป็น ‘ทุกอย่างของทุกคน’ - ถ้อยคำนี้บรรจุในโพสต์อินสตาแกรมท้าย ๆ ของพีพ เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2017 และกลายเป็นชื่อสารคดีชีวิตของเขาที่เข้าฉายในปี 2019 อย่าง ‘Everybody’s Everything’ โพสต์นั้นมีข้อความฉบับเต็มระบุว่า “ผมแค่อยากเป็นทุกอย่างของทุกคน ผมต้องการ (สิ่งต่าง ๆ) จากคนอื่นมากเกินไป ขณะเดียวกันผมก็ไม่ต้องการอะไรจากพวกเขาเลย ตอนที่คุณรู้สึกว่าผมไม่ต้องการให้ใครมาช่วย เป็นเวลาเดียวกับที่ผมต้องการความช่วยเหลือ - แต่ก็ไม่ต้องหรอกถ้าผมยังมียาให้ใช้ แต่ยาก็ช่วยได้แค่ชั่วคราว “สักวันหนึ่ง…บางทีผมอาจไม่ตายไวนักก็ได้ และผมก็คงมีความสุข? แต่ความสุขคืออะไร ในเมื่อผมมักจะได้พบมันเพียงแค่ครั้งละสิบวินาทีสั้น ๆ และมันก็จากไป ผมเหนื่อยเหลือเกิน”   ทุกอย่างของครอบครัว ก่อนหน้าที่โลกจะรู้จักชายคนนี้ในฐานะแร็ปเปอร์ ‘ลิล พีพ’ เคยเป็นเด็กชายตัวจ้อย เกิดที่อัลเลนทาวน์ รัฐเพนซิลเวเนีย ‘กุสตาฟ อาไลจาร์ อาร์’ (Gustav Elijah Åhr) หรือ ‘กัส’ เกิดในครอบครัวที่ฐานะค่อนข้างดี ‘คาร์ล โยฮัน อาร์’ (Karl Johan Åhr) พ่อของกัสเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ส่วน ‘ลิซ่า โวแมค’ (Liza Womack) ผู้เป็นแม่เป็นครู กัสมีพี่ชายหนึ่งคน และย้ายบ้านในวัยเด็กหนึ่งครั้ง จากอัลเลนทาวน์ไปลองไอส์แลนด์ นิวยอร์ก ตั้งแต่ยังเล็ก คนรอบตัว ไม่ว่าจะพ่อ แม่ ญาติ หรือเพื่อน ๆ รับรู้ได้ว่ากัสมีบางอย่างที่พิเศษ เขามีความสนใจที่ต่างออกไปจากเพื่อนร่วมรุ่น เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นและพรสวรรค์ ทว่าความแตกต่างเหล่านั้นก็ทำให้เขาค่อนข้างขี้อายและเก็บตัว ครอบครัวของกัสอบอุ่นชั่วคราว และร้าวฉานอย่างถาวรเมื่อกัสจับได้ว่าพ่อของตัวเองแอบมีความสัมพันธ์กับคนอื่นลับหลังแม่ ลิซ่า โวแมคเล่าผ่านภาพยนตร์สารคดี ‘Everybody’s Everything’ ว่าเด็กชายในวัยสิบสี่เป็นคนมาบอกเธอเองว่าเธอกำลังถูกสามีนอกใจ ลิซ่าหย่ากับสามีในปี 2012 นับจากวัยสิบหกปี กัสแทบไม่เปิดปากพูดถึงพ่อของตนอีก “เขาเอาแต่อยู่ในห้อง ขังตัวเองในนั้น และเศร้า” คือประโยคที่ลิซ่าใช้บรรยายถึงลูกชายคนเล็กของเธอในช่วงเวลาเหล่านั้นที่ใช้ห้องนอนเป็นฐานลับประจำตัว และใช้กัญชาเป็นเครื่องเยียวยาจิตใจ (ลิซ่าเป็นคุณแม่สมัยใหม่พอที่จะไม่ตำหนิอะไรเมื่อรู้ว่าลูกชายวัยหัวเลี้ยวหัวต่อหาความสุขชั่วครู่จากสมุนไพรชนิดนั้น แต่เธอไม่รู้ว่ากัสใช้สารเสพติดอื่น ๆ ด้วยจนกระทั่งขวบปีหลัง ๆ) กัสเป็นเด็กขี้อายและค่อนข้างเก็บตัวอยู่ก่อนแล้ว การต้องรับรู้ปัญหาภายในบ้านทำให้เด็กชายที่เริ่มเข้าสู่วัยหนุ่มปิดกั้นตัวเองจากคนอื่นมากขึ้น กัสได้เกรดสูงแม้จะไม่ค่อยเข้าเรียน แต่เขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมโรงเรียนนัก กัสมีรอยสักแรกตอนอายุสิบห้า และถูกเพื่อนละแวกเดียวกันตีตัวออกห่าง รวมถึงไม่ชอบขี้หน้าเพราะรอยน้ำหมึกนั้น กัสจึงมีเพื่อนบนโลกออนไลน์ - โดยเฉพาะเพื่อนฝูงทางดนตรีเสียมากกว่า กัสเกลียดโรงเรียน เคยวิตกกังวลถึงขั้นอาเจียนตอนเช้าก่อนไปโรงเรียนในวัยสิบหก และหลังจากอายุสิบเจ็ดปี เด็กหนุ่มก็ลาออกจากโรงเรียนอย่างถาวร ด้วยความฝันอยากเป็นศิลปิน กัสที่สักรูปหัวใจบิ่นแตกไว้ใต้ตาเพราะตั้งใจว่า ‘รอยสักบนใบหน้าจะทำให้หางานยากขึ้น - นั่นหมายความว่าเขาจะไม่ทำงานทั่วไปที่คนอื่นทำกัน’ ก็เก็บข้าวเก็บของออกจากบ้าน และเดินทางไปลอสแอนเจลิสเพื่อเริ่มใช้ชีวิตที่ลิซ่าเรียกว่า ‘คนไร้บ้าน’  กุสตาฟ อาไลจาร์ อาร์ - เด็กชายที่ลิซ่าเคยต้อนรับครั้งแรกเกิดด้วยอ้อมกอดอบอุ่น และความรักล้นของคนเป็นแม่ ผละห่างสายตาเธอเพื่อตามหาความฝัน เขาตั้ง A.K.A ของตัวเองขึ้นใหม่ว่า ‘ลิล พีพ’ - จากคำว่า ‘เจ้าพีพตัวน้อย’ ซึ่งเป็นชื่อเล่นที่คนเป็นแม่เรียกเขาในวัยเด็ก   ทุกอย่างในความดาร์กของเนื้อเพลง ที่ลอสแอนเจลิส ลิล พีพที่ใช้เงินเก็บหมดไปตั้งแต่ไม่กี่เดือนแรกที่มาถึงต้องโต๋เต๋อยู่ข้างถนนหลายคืน สมกับที่แม่บอกว่าเขาออกไปเป็นคนไร้บ้าน แต่พีพมีเพื่อนในอินเทอร์เน็ตไม่น้อย และหลายคนอยู่ในลอสแอนเจลิส เขาจึงไม่สิ้นไร้ไม้ตอกจนเกินไป พีพใช้เวลาส่วนใหญ่ทำเพลงในบ้านของเพื่อนที่เป็นโปรดิวเซอร์และศิลปิน และไม่นานเขาก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มศิลปินฮิปฮอปที่ชื่อว่า ‘Schemaposse’ และเริ่มเผยแพร่ผลงานมิกซ์เทปชิ้นแรกอย่าง ‘Lil Peep Part One’ ลงในช่องทาง SoundCloud ในปี 2015 ก้าวแรก ๆ ของพีพไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนัก การผสมผสานทางดนตรีของเขา ที่รวมเอาพังก์ ป็อป และแทร็ป เข้าไว้ด้วยกัน ผ่านเนื้อเพลงกึ่งร้องกึ่งแร็ป เนื้อหารุนแรงเจือเศร้าของเขาอาจยังใหม่ไปในช่วงเวลานั้น  ชื่อของลิล พีพ เริ่มเป็นที่รู้จักจาก ‘Star Shopping’ ซิงเกิลจากมิกซ์เทปชุดแรก และเป็นกระแสในวงกว้างจากซิงเกิล ‘Beamer Boy’ ทำให้เขาและ Schemaposse ได้จัดคอนเสิร์ตแรกร่วมกันในทูซอน แอริโซนา ก่อนที่กลุ่มจะยุบและแยกย้ายกันไปในเวลาถัดมา ด้านพีพได้ก๊วนแร็ปก๊วนใหม่ ชื่อ ‘Gothboiclique’ และสร้างสรรค์ผลงานเพลงต่อ ปี 2016 ลิล พีพปล่อยอัลบั้มมิกซ์เทป ‘Crybaby’ ที่ทำให้ชื่อของเขาถูกพูดถึงอย่างหนาหูในฐานะแร็ปเปอร์สายอีโมที่มียอดการรับฟังเป็นล้าน เขาเข้าตาค่ายเพลงและทำเดบิวต์อัลบั้มที่มีสองพาร์ตอย่าง ‘Come Over When You’re Sober’ (2017) พาให้ชื่อและเพลงของพีพมีพื้นที่ในบิลบอร์ดชาร์ต ในช่วงเวลาสั้น ๆ จากปี 2016 - 2017 สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นในชีวิตพีพอย่างรวดเร็ว สวยงามอย่างรวดเร็ว และจบลงอย่างรวดเร็วด้วยความตายของเจ้าตัว ในช่วงเวลาที่ราวผ่านไปไวชั่วกะพริบตานั้น ลิล พีพได้กลั่นกรองทุกอย่างที่เขารู้สึกจากช่วงเวลาในวัยเด็กและปัจจุบันขณะ ไว้ในเนื้อเพลงของเขา ที่ใครฟังก็ต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า มันทั้งเศร้า ทั้งเจ็บปวด เต็มไปด้วยความป่วยไข้ทางใจ ความคิดฆ่าตัวตาย ยาเสพติด และความเหงาเปล่าดายอย่างครบครัน   ทุกอย่างของแก๊งแร็ปเปอร์ใต้ดิน ค่าย และแฟนเพลง ความโด่งดังของพีพเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตอนที่เขาเป็นหัวเรือใน Gothboiclique พีพมีเพื่อนฝูงมากมาย ทั้งเพื่อนในก๊วนทำเพลงและเพื่อนที่แม้แต่เขาเองก็อาจจำชื่อไม่ได้ ความโด่งดังนำมาซึ่งรายได้ และพีพเอง ตามที่สารคดี Everybody’s Everything เล่านั้นเป็นคนใจดีอย่างน่าใจหาย เขาเปิดประตูบ้านกว้างสำหรับเพื่อนศิลปินทุกคนในลอสแอนเจลิสที่กำลังลำบาก พีพเอื้อเฟื้อที่อยู่ เหล้า ยา และแชร์กระทั่งเสื้อผ้าของตัวเองกับพวกเขา บ้านของพีพเต็มไปด้วยชายหนุ่มแทบทุกมุม และแทบไม่มีพื้นที่ส่วนตัว มีแต่การปาร์ตี้อย่างลืมวันลืมคืน พีพเสพยาหนักขึ้น และแทบไม่รู้ขนานของสารเสพติดที่ตัวเองใช้ ใคร ๆ ก็ต่างเอาอกเอาใจเขาด้วยสิ่งมึนเมา - พีพไม่เคยปฏิเสธน้ำใจในรูปแบบยาเสพติดจากผองเพื่อน เช่นเดียวกับที่เขาไม่เคยปฏิเสธจะให้ความช่วยเหลือเมื่อใครร้องขอ เมื่อรังสีดาวรุ่งของเขาเข้าตา First Access Entertainment และกลายเป็นศิลปินในสังกัด ต้นสังกัดขอให้เขาย้ายเมือง พีพย้ายตามค่ายต้องการ แต่ยกโขยงพาก๊วนเพื่อนไปกับเขาด้วย พีพกลายเป็น ‘ทุกอย่างของทุกคน’ ทั้งเป็นเพื่อนของเหล่าศิลปิน เป็นเจ้าของบ้าน เป็นคนคอยช่วยเหลือ เป็นแร็ปเปอร์ยอดนิยมสำหรับแฟน ๆ เป็นศิลปินที่โดดเด่นในค่าย และอื่น ๆ เท่าที่ใครก็ตามอยากให้เขาเป็น อย่างไรก็ตาม ค่ายเพลงของพีพไม่เห็นด้วยที่เขาจะมีเพื่อนร่วมใช้เงินตามติดเป็นขบวน จึงให้เขาย้ายที่อยู่อีกครั้ง คราวนี้ย้ายประเทศ จากบ้านเกิดอย่างสหรัฐอเมริกา ไปลอนดอน ประเทศอังกฤษ เพื่อนมากมายรวมทั้ง Gothboiclique ตามเขามาไม่ได้ ค่ายเพลงขอให้พีพออกจากกลุ่มตามสัญญา และอ้างว่าพีพตกลงจะทำตาม ขณะที่เพื่อนศิลปินใน Gothboiclique ก็เล่าว่าพีพคุยกับพวกเขาว่าเจ้าตัวจะออกจากค่ายเพลง   ทุกอย่างที่เหลือไว้ สำหรับค่ายเพลง ทัวร์คอนเสิร์ตของพีพในปี 2017 คือคอนเสิร์ตส่งท้ายความสัมพันธ์ของเขากับ Gothboiclique แต่สำหรับ Gothboiclique นั่นคือการกลับมาพบหน้ากัน ขึ้นเวทีด้วยกันอีกครั้งของพวกเขากับพีพ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2017 - หลังวันเกิดของพีพเพียงหนึ่งสัปดาห์ ขบวนรถทัวร์ของเขาหยุดที่ทูซอน แอริโซนา พีพโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียเพื่อหาเพื่อนเสพยา - ผู้โชคดีในวันนั้นคือแฟนเพลงสองคนที่มาหาเขาพร้อมกัญชา นิก ดาวด์ (Nick Dowd) แฟนเพลงคนหนึ่งเล่าว่าการได้พบเขาในวันนั้นเป็นยิ่งกว่าฝันที่เป็นจริง พวกเขาคุยกันเรื่องวิดีโอเกม เสื้อผ้า แฟชั่น และดนตรี ก่อนที่สามสิบนาทีหลังจากนั้น พีพจะผล็อยหลับไปและไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย จุดน่าสงสัยที่ใครหลายคนรวมทั้งเพื่อนร่วมทางดนตรีก๊วนเก่าอย่าง Schemaposse ตั้งคำถามคือ ท่ามกลางผู้คนมากมายที่ล้วนต้องอยู่บนรถบัสคันเดียวกันหรือข้างเคียงระหว่างทัวร์ ทำไมถึงปล่อยให้พีพหลับใหลไม่ได้สติอยู่อย่างนั้นนานกว่าสี่ชั่วโมง กระทั่งก่อนต้องขึ้นคอนเสิร์ตนั่นแหละ ถึงมีคนพบว่าพีพไม่หายใจแล้ว ตลอดเวลาที่พีพนอนไม่ได้สติอยู่ในท่าเดิม ผู้จัดการคนปัจจุบันของเขาเปิดประตูเข้ามาตรวจความเรียบร้อยสองครั้ง - ทั้งสองครั้งเขาเล่าว่าได้ยินเสียงกรนของพีพ จึงคิดว่าชายหนุ่มแค่หลับไป (มีหลายความเห็นกล่าวว่าเสียงกรนเป็นอาการที่พบได้มากในผู้ที่เสพยาเกินขนาด เพราะร่างกายรวมทั้งระบบหายใจของเขาใกล้หยุดทำงาน) เพื่อนแร็ปเปอร์สองสามคนได้ถ่ายวิดีโอติดภาพพีพกำลังนอนหลับ - ครั้งหนึ่งฟ้าสว่าง อีกครั้งฟ้ามืด พีพยังนอนอยู่ท่าเดิม ลิซ่า แม่ของพีพฟ้องร้องค่ายฐานที่ละเลยลูกชายของตน ทั้งยังมีหลักฐานว่าบางคนจากค่ายเพลงอาจอยู่เบื้องหลังการจัดหายาเสพติดให้พีพ โดยปัจจุบันคดีความระหว่างครอบครัวของพีพ กับ FAE ยังอยู่ระหว่างต่อสู้ในชั้นศาล เช่นเดียวกับศิลปินที่ live fast, die young หลายคน พีพโด่งดังยิ่งขึ้นหลังความตายของเขา ชีวิตแสนสั้นของเขากลายเป็นทั้งตำนานบุคคลและเรื่องเล่าสอนใจในหลายประเด็น ความเศร้า เปลี่ยวเหงา และเคืองโกรธในเพลงของพีพชัดเจนขึ้นหลังเขาจากไป เช่นเดียวกับที่ความอ่อนโยน เห็นแก่ผู้อื่นของเขาจะถูกบันทึกไว้ตลอดไปในใจคนมากมายรอบตัว   เรื่อง: จิรภิญญา สมเทพ ที่มา: https://www.nickiswift.com/183796/the-tragic-real-life-story-of-lil-peep/ https://www.rollingstone.com/feature/lil-peep-tragedy-torment-804686/ https://www.theringer.com/movies/2019/11/13/20962535/lil-peep-documentary-everybodys-everything-gustav-ahr https://lilpeepmerch.net/death-of-lil-peep/ https://www.telegraph.co.uk/music/artists/raps-lost-boy-tragic-death-tormented-life-lil-peep/ https://medium.com/the-riff/remembering-the-meteoric-rise-and-tragic-fall-of-lil-peep-ef76a2791611 https://www.dailystar.co.uk/showbiz/inside-rapper-lil-peeps-life-25311894 https://pitchfork.com/news/lil-peep-wrongful-death-case-unsealed-texts-reveal-drug-infected-mismanagement-rappers-mom-argues/