ลิเดีย พิงค์แฮม: จากสูตรยาสมุนไพรทำแจกเพื่อนบ้าน สู่ ‘ยาสำหรับสตรี’ แห่งอเมริกา

ลิเดีย พิงค์แฮม: จากสูตรยาสมุนไพรทำแจกเพื่อนบ้าน สู่ ‘ยาสำหรับสตรี’ แห่งอเมริกา
เพราะวิกฤตการณ์การเงินที่ถาโถมเข้ามาในปี 1873 สามีหัวการค้าของ ‘ลิเดีย พิงค์แฮม’ จึงเอาสูตรยาสมุนไพรที่ภรรยาปรุงเองในบ้านไปขาย ลิเดียในวัย 54 ปี ปรุงยาด้วยสูตรที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษและการศึกษาจากหนังสือ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกในขณะนั้น เมื่อแม่บ้านหลายคนมักจะปรุงยาของตัวเองแจกจ่ายเพื่อป้องกันความเจ็บป่วยให้แก่เพื่อนบ้าน โดยยาของลิเดียมีส่วนผสมมาจากสมุนไพรและรากไม้ที่หาซื้อได้ตามตลาดทั่วไป ในปี 1875 ‘เครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบจากผัก’ ของลิเดียเรียกก็สามารถตีตลาดไปได้อย่างกว้างขวาง เพราะมันมีสรรพคุณในการบรรเทาอาการปวดประจำเดือน และอาการวัยทองของสตรี แม้จะมีคนสงสัยในสรรพคุณอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่มีการตรวจสอบตามกฎหมายในขณะนั้น ด้วยความนิยมที่สูงขึ้นของตัวยานี้เอง ลิเดียและครอบครัวจึงเริ่มทำการโฆษณาโดยนำภาพใบหน้าของลิเดียไปแปะบนบรรจุภัณฑ์เพื่อให้เป็นที่จดจำ พร้อมคำโปรยที่แสดงถึงสรรพคุณอย่างตรงไปตรงมาด้วยอารมณ์ ‘ผู้หญิงที่เข้าใจผู้หญิง’ กระทั่งในปี 1876 บริษัท Mrs. Lydia Pinkham’s Medicine Company ก็ถูกก่อตั้งขึ้น พร้อมการโฆษณาบนหน้าหนังสือพิมพ์ แผ่นพับ และนิตยสารสตรีที่มากขึ้นตามจำนวนยอดขาย นอกจากนี้ลิเดียยังได้เปิดแผนกให้คำปรึกษาสตรี เพื่อเชิญชวนหญิงสาวส่งจดหมายมาถามคำถามเกี่ยวกับสุขภาพ โดยที่ลิเดียยืนยันว่า จะไม่มีผู้ชายคนไหนได้อ่านจดหมายเหล่านั้น นั่นทำให้ลิเดียมีโอกาสให้ความรู้และคำปรึกษาเกี่ยวกับร่างกายของสตรีที่ไม่ค่อยมีใครกล้าพูดถึง รวมไปถึงระบบสืบพันธุ์ด้วย จนถึงปี 1906 หลังจากที่ลิเดียเสียชีวิตไปแล้ว 23 ปี รัฐบาลสหรัฐอเมริกาก็ได้ประกาศใช้กฎหมายอาหารและยาขึ้น ทำให้ทุกผลิตภัณฑ์ต้องเขียนรายละเอียดส่วนผสมลงบนฉลาก นั่นทำให้คนค้นพบว่ายาของลิเดียนั้นมีปริมาณแอลกอฮอล์สูงถึง 15% ซึ่งบริษัทของลิเดียได้ลดปริมาณลงแล้วจาก 20% ก่อนที่ผลิตภัณฑ์นี้จะกลายเป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์เลยหลังจากที่องค์กร Cooper Laboratories เข้ามาซื้อบริษัทไปในปี 1968 และจัดให้ ‘เครื่องดื่มลิเดีย’ ถูกวางขายตามร้านขายยาทั่วไปจนถึงปัจจุบัน เรื่อง วโรดม เตชศรีสุธี อ้างอิง หนังสือ Entrepreneurs Who Changed History สำนักพิมพ์ DK https://embryo.asu.edu/pages/lydia-pinkhams-vegetable-compound-1873-1906