The People talk: เด็กทุกคนต้องได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียม สุนทรพจน์เพื่อเด็ก จากเด็กสาวผู้กล้า มาลาลา ยูซาฟไซ

The People talk: เด็กทุกคนต้องได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียม สุนทรพจน์เพื่อเด็ก จากเด็กสาวผู้กล้า มาลาลา ยูซาฟไซ

The People talk: เด็กทุกคนต้องได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียม สุนทรพจน์เพื่อเด็ก จากเด็กสาวผู้กล้า มาลาลา ยูซาฟไซ

*The People Talk รวมสุนทรพจน์เปลี่ยนโลก *** ‘Education First’ สุนทรพจน์ของ มาลาลา ยูซาฟไซ พูดไว้วันที่ 12 กรกฎาคม ค.ศ. 2013 ณ องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา “เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ค.ศ. 2012 กลุ่มตอลิบานยิงฉันที่หน้าผากข้างซ้าย พวกเขายิงเพื่อนของฉันด้วย พวกเขาคิดว่ากระสุนจะทำให้เราเงียบ แต่เขาล้มเหลว เพราะความเงียบนั้นก่อให้เกิดเสียงอีกหลายพันเสียงดังขึ้นตามมา” มาลาลา ยูซาฟไซ เด็กสาวนักเคลื่อนไหวชาวปากีสถาน รอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิดจากเหตุการณ์มือปืนกลุ่มตอลิบาน บุกยิงเธอบนรถโรงเรียนระหว่างทางกลับบ้าน จนได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุผลเพียงเพื่อต้องการปิดปากเธอไม่ให้เรียกร้องสิทธิการศึกษาอย่างเท่าเทียมแก่เด็กและสตรี ในดินแดนซึ่งปกครองโดยกลุ่มหัวรุนแรงเคร่งศาสนา เหตุการณ์นั้นทำให้ทั่วโลกยกย่องเธอเป็นวีรสตรี และหลังจากรักษาร่างกายจนหายดี เธอได้รับเกียรติจากยูเอ็นให้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่ในวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 16 ปี โดยยูเอ็นยังประกาศให้วันเกิดของเธอเป็น “วันมาลาลา” เพื่อเชิดชูความกล้าหาญในการต่อสู้ครั้งนี้ สุนทรพจน์ความยาวประมาณ 17 นาทีของมาลาลา นอกจากจะบอกเล่านาทีเฉียดตายในชีวิตที่ผ่านมา เธอยังเรียกร้องให้ผู้นำโลก และผู้หญิงทุกคน ลุกขึ้นสู้เพื่อสิทธิของตนเองและเด็ก ๆ ที่เป็นอนาคตของสังคม พร้อมชี้ด้วยว่า การศึกษาคือหนทางแรกและทางเดียวในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่โลกกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน “ในนามของพระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงคุณงามความดีสูงสุด ทรงมีเมตตาสูงสุด ท่านเลขาธิการใหญ่ยูเอ็น บันคีมุน ผู้ทรงเกียรติ, ท่านประธานสมัชชาใหญ่ วุก เยเรมิช ที่เคารพ, ท่านทูตพิเศษยูเอ็นเพื่อการศึกษาทั่วโลก มิสเตอร์ กอร์ดอน บราวน์ ผู้ทรงเกียรติ, ท่านผู้อาวุโสที่เคารพ และพี่น้องชายหญิงที่รักทุกท่าน อัสลามูอาลัยกุม (ขอสันติสุขจงมีแด่ท่าน) วันนี้ฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาพูดอีกครั้งหลังห่างหายไปเป็นเวลานาน การได้มาอยู่ตรงนี้กับเหล่าผู้ทรงเกียรติทั้งหลายถือเป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของฉัน และฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่วันนี้ได้สวมผ้าคลุมไหล่ของเบนาซี บุตโต (อดีตนายกรัฐมนตรีปากีสถาน) ผู้พลีชีพ ฉันไม่รู้จะเริ่มกล่าวสุนทรพจน์ตรงไหนดี ฉันไม่ทราบว่าผู้คนกำลังคาดหวังให้พูดอะไร แต่ก่อนอื่น ฉันขอขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า ที่ทำให้พวกเราทุกคนเท่าเทียมกัน และขอบคุณทุกคนที่อวยพรให้ฉันหายไว ๆ และได้มีชีวิตใหม่ ฉันมิอาจเชื่อเลยว่า ความรักที่ผู้คนแสดงออกมาให้เห็นมันมากมายแค่ไหน ฉันได้รับการ์ดอวยพรและของขวัญจากทั่วโลกหลายพันชิ้น ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ขอบคุณบรรดาเด็ก ๆ ที่ส่งข้อความอันใสบริสุทธิ์มาช่วยเป็นกำลังใจ ขอบคุณคำอวยพรจากผู้หลักผู้ใหญ่ที่ทำให้ฉันเข้มแข็งมากขึ้น ฉันขอขอบคุณพยาบาล แพทย์ และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทุกคนในปากีสถาน และสหราชอาณาจักร ตลอดจนรัฐบาลยูเออี (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) ที่ช่วยให้ฉันมีอาการดีขึ้น และมีพละกำลังกลับคืนมา ฉันสนับสนุนมิสเตอร์ บันคีมุน ท่านเลขาธิการใหญ่อย่างเต็มที่ ในการทำโครงการ Global Education First Initiative รวมถึงงานของท่านทูตพิเศษยูเอ็น มิสเตอร์ กอร์ดอน บราวน์ และท่านประธานสมัชชาใหญ่ วุก เยเรมิช ที่เคารพ ฉันขอขอบคุณทุกท่านที่ยังคงแสดงภาวะผู้นำ พวกเขายังคงเป็นแรงบันดาลใจให้เราทุกคนลงมือทำ พี่น้องชายหญิงที่รัก จงจำไว้สิ่งหนึ่งว่า ‘มาลาลาเดย์’ ไม่ใช่วันของฉัน วันนี้เป็นวันของผู้หญิงทุกคน ของเด็กชายหญิงทุกคน ผู้ที่เปล่งเสียงออกมาเพื่อสิทธิของพวกเขา มีนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนและผู้ทำงานเพื่อสังคมหลายร้อยคนที่ไม่ใช่แค่พูดถึงเรื่องสิทธิของพวกเขา แต่ยังพยายามดิ้นรนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทั้งในด้านสันติภาพ การศึกษา และความเสมอภาค มีหลายพันคนถูกผู้ก่อการร้ายสังหาร และหลายล้านคนได้รับบาดเจ็บ ฉันแค่เป็นหนึ่งในพวกเขาเหล่านั้น ดังนั้นที่ฉันมายืนตรงนี้ ในฐานะเด็กผู้หญิงคนหนึ่งท่ามกลางคนอีกมากมาย ฉันไม่ได้มาพูดเพื่อตัวเอง แต่เพื่อพวกเขาเหล่านั้นที่ไร้ปากเสียง สามารถมีคนได้ยินเสียงของพวกเขา พวกเขาเหล่านั้นที่ต่อสู้เพื่อสิทธิของตัวเอง สิทธิในการมีชีวิตอยู่อย่างสันติ สิทธิในการได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพ สิทธิในการมีโอกาสอย่างเสมอภาค สิทธิในการได้รับการศึกษาเล่าเรียน มิตรสหายที่รัก เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ค.ศ. 2012 กลุ่มตอลิบานยิงฉันที่หน้าผากข้างซ้าย พวกเขายิงเพื่อนของฉันด้วย พวกเขาคิดว่ากระสุนจะทำให้เราเงียบ แต่เขาล้มเหลว เพราะความเงียบครั้งนั้นได้ก็ก่อให้เกิดเสียงอีกหลายพันเสียงดังขึ้นตามมา ผู้ก่อการร้ายคิดว่าพวกเขาจะเปลี่ยนความตั้งใจ และหยุดความปรารถนาของฉัน แต่ไม่มีสิ่งใดเลยในชีวิตฉันที่เปลี่ยนแปลงไป ยกเว้นสิ่งนี้ ความอ่อนแอ ความกลัว และความสิ้นหวังได้ตายจากไป ความเข้มแข็ง พละกำลัง และความกล้าหาญได้เกิดขึ้นมา (เสียงปรบมือ) ฉันคือมาลาลาคนเดิม ความปรารถนาของฉันยังเหมือนเดิม ความหวังก็เหมือนเดิม ความฝันก็เหมือนเดิม พี่น้องชายหญิงที่รักทุกท่าน ฉันไม่ได้ต่อต้านผู้ใด ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อพูดเรื่องการล้างแค้นส่วนตัวต่อกลุ่มตอลิบาน หรือกลุ่มผู้ก่อการร้ายอื่นใด ฉันมาที่นี่เพื่อเรียกร้องสิทธิการศึกษาของเด็กทุกคน (เสียงปรบมือ) ฉันต้องการการศึกษาให้กับลูกชายและลูกสาวของกลุ่มตอลิบาน และลูก ๆ ของผู้ก่อการร้ายกับผู้นิยมลัทธิสุดโต่งทุกคน ฉันไม่เคยแม้แต่จะเกลียดชังสมาชิกตอลิบานที่ยิงฉัน ถึงแม้ฉันมีปืนอยู่ในมือ และเขามายืนอยู่ตรงหน้า ฉันก็จะไม่ยิงเขา นี่คือความเห็นอกเห็นใจที่ฉันได้เรียนรู้มาจากท่านมูฮัมหมัด พระศาสดาแห่งความเมตตา, พระเยซูคริสต์ และพระพุทธเจ้า นี่คือมรดกของความเปลี่ยนแปลงที่ฉันได้รับมาจากมาร์ติน ลูเธอร์ คิง, เนลสัน แมนเดลา และมูฮัมหมัด อาลี จินนาห์ (เสียงปรบมือ) นี่คือปรัชญาของอหิงสา ที่ฉันเรียนรู้มาจากท่านคานธี, บาชา ข่าน และแม่ชีเทเรซา และนี่คือการให้อภัยที่ฉันเรียนมาจากบิดาและมารดาของฉัน (เสียงปรบมือ) นี่คือสิ่งที่จิตวิญญาณกำลังบอกกับฉันว่า จงรักสันติและมีความรักให้กับทุกคน พี่น้องหญิงชายที่รัก เราจะตระหนักถึงความสำคัญของแสงสว่างก็ต่อเมื่อเผชิญความมืดมิด เราตระหนักถึงความสำคัญของเสียงเมื่อเราถูกทำให้เงียบ ในทางเดียวกัน ตอนเราอยู่ที่สวัต ทางภาคเหนือของปากีสถาน เราตระหนักถึงความสำคัญของปากกาและหนังสือ เมื่อเราได้เห็นปืน คนฉลาดบอกว่า ‘ปากกามีพลังอำนาจมากกว่าดาบ’ เป็นเรื่องจริง พวกนิยมลัทธิสุดโต่งเคยกลัวและตอนนี้ก็ยังกลัวหนังสือและปากกา พลังของการศึกษาทำให้พวกเขาหวาดกลัว พวกเขากลัวผู้หญิง พลังแห่งเสียงของผู้หญิงทำให้เขาหวาดกลัว และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมพวกเขาจึงสังหารนักเรียนผู้บริสุทธิ์ไปถึง 14 รายในการโจมตีล่าสุดที่เมืองเกตตา (ปากีสถาน) และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมพวกเขาจึงฆ่าคุณครูที่เป็นสตรีไปเป็นจำนวนมาก รวมถึงคนทำงานต่อสู้กับโรคโปลิโอในไคเบอร์ปัคตูนควา นั่นคือเหตุผลว่าทำไมพวกเขากำลังระเบิดโรงเรียนทิ้งทุกวัน เพราะพวกเขากลัวการเปลี่ยนแปลง กลัวความเสมอภาคที่เราจะนำมาสู่สังคม ฉันจำได้ว่ามีเด็กผู้ชายคนหนึ่งในโรงเรียนของเราถูกนักข่าวถามว่า ‘ทำไมตอลิบานจึงต่อต้านการศึกษา’ เขาตอบอย่างเรียบง่ายมากด้วยการชี้ไปที่หนังสือของเขาและพูดว่า ‘ตอลิบานไม่รู้ว่าในหนังสือเล่มนี้เขียนอะไร’ พวกเขาคิดว่าพระเจ้าคือจิตวิญญาณอนุรักษนิยมดวงเล็กจิ๋ว ผู้ที่จะส่งเด็กผู้หญิงลงนรกเพียงเพราะพวกเธอไปโรงเรียน ผู้ก่อการร้ายกำลังใช้ชื่อของอิสลามและสังคมชาวปัชตุน ไปในทางที่ผิดเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของพวกเขา (เสียงปรบมือ) ปากีสถานคือประเทศประชาธิปไตยที่รักสันติภาพ ชาวปัชตุนต้องการการศึกษาเพื่อลูกสาวและลูกชายของพวกเขา และอิสลามคือศาสนาแห่งสันติภาพ มนุษยธรรม และภราดรภาพ อิสลามระบุว่า ไม่ใช่แค่เด็กแต่ละคนควรมีสิทธิได้รับการศึกษาเท่านั้น แต่มันคือหน้าที่และความรับผิดชอบของพวกเขาด้วย ท่านเลขาธิการใหญ่ผู้ทรงเกียรติ สันติภาพคือสิ่งจำเป็นสำหรับการศึกษา ในหลายพื้นที่ของโลกโดยเฉพาะปากีสถาน และอัฟกานิสถาน ลัทธิก่อการร้าย สงคราม และความขัดแย้งต่าง ๆ หยุดยั้งไม่ได้เด็ก ๆ ได้ไปโรงเรียน พวกเรารู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับสงครามเหล่านี้จริง ๆ ทั้งผู้หญิงและเด็กกำลังทุกข์ทรมานหลากหลายรูปแบบในหลายพื้นที่ทั่วโลก ในอินเดีย เด็กผู้บริสุทธิ์และยากจนคือเหยื่อของการใช้แรงงานเด็ก หลายโรงเรียนถูกทำลายในไนจีเรีย ผู้คนในอัฟกานิสถานได้รับผลกระทบโดยอุปสรรคจากลัทธิสุดโต่งมาหลายทศวรรษ เด็กสาววัยรุ่นต้องกลายเป็นแรงงานเด็กภายในบ้าน และถูกบังคับให้แต่งงานตั้งแต่วัยเยาว์ ความยากจน, อวิชชา, ความอยุติธรรม, ลัทธิเหยียดเชื้อชาติ และการถูกริดลอนสิทธิขั้นพื้นฐานคือปัญหาหลักที่ทั้งชายหญิงต้องเผชิญ มิตรสหายที่รัก วันนี้ฉันกำลังเน้นไปที่เรื่องสิทธิสตรีและการศึกษาของเด็กผู้หญิง เพราะพวกเขากำลังทุกข์ทรมานมากที่สุด มีบางเวลาที่นักกิจกรรมทางสังคมที่เป็นสตรี ร้องขอให้บุรุษช่วยลุกขึ้นสู้เพื่อสิทธิของพวกเธอ แต่ในเวลานี้ เราจะทำมันด้วยตัวเราเอง (เสียงปรบมือ) ฉันไม่ได้บอกให้ผู้ชายเลิกพูดถึงเรื่องสิทธิสตรี แต่ฉันกำลังเน้นให้ผู้หญิงมีอิสระในการต่อสู้เพื่อตัวของพวกเธอเอง พี่น้องหญิงชายที่รัก ถึงเวลาแล้วที่ต้องพูดถึงมันเดี๋ยวนี้ วันนี้ เราจึงเรียกร้องให้บรรดาผู้นำโลกเปลี่ยนนโยบายเชิงยุทธศาสตร์ของพวกเขามาให้ความสำคัญกับสันติภาพ และความเจริญรุ่งเรือง เราขอเรียกร้องให้ผู้นำโลก จงระบุถึงการปกป้องสิทธิสตรีและเด็กในข้อตกลงสันติภาพทุกครั้ง ข้อตกลงใดที่ต่อต้านสิทธิสตรีถือว่าเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ (เสียงปรบมือ) เราขอเรียกร้องให้ทุกรัฐบาลรับประกันการศึกษาภาคบังคับฟรีสำหรับเด็กทุกคนทั่วโลก (เสียงปรบมือ) เราเรียกร้องให้ทุกรัฐบาลต่อสู้กับลัทธิก่อการร้ายและความรุนแรง เพื่อปกป้องเด็ก ๆ จากความโหดร้าย และการประทุษร้าย เราเรียกร้องให้ประเทศที่พัฒนาแล้วช่วยสนับสนุนการขยายโอกาสทางการศึกษาแก่เด็กผู้หญิงในโลกกำลังพัฒนา เราเรียกร้องให้ทุกชุมชนมีความอดทนอดกลั้น ปฏิเสธอคติที่อยู่บนฐานของชนชั้นวรรณะ ความศรัทธา นิกาย สีผิว ศาสนา หรือความแตกต่างทางเพศ ช่วยรับประกันการมีเสรีภาพและความเสมอภาคสำหรับสตรี เพื่อให้พวกเธอสามารถผลิบาน เราไม่สามารถทำทั้งหมดให้ประสบความสำเร็จได้หากพวกเราอีกครึ่งหนึ่งยังถูกฉุดรั้งไว้ เราเรียกร้องให้พี่น้องสตรีทั่วโลกจงมีความกล้าหาญ จงโอบอุ้มความเข้มแข็งภายในตัวของพวกเขา และตระหนักถึงความสามารถอย่างเต็มเปี่ยมของพวกเขา พี่น้องชายหญิงที่รัก เราต้องการโรงเรียนและการศึกษาเพื่ออนาคตอันสดใสของเด็กทุกคน เราจะยังคงเดินทางเพื่อไปสู่จุดหมายแห่งสันติภาพและการศึกษา ไม่มีใครมาหยุดยั้งพวกเราได้ เราจะพูดเพื่อสิทธิของเรา และเราจะสร้างความเปลี่ยนแปลงผ่านเสียงของเรา เราต้องเชื่อในพลังและความเข้มแข็งของถ้อยคำ ถ้อยคำของเราสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ เพราะพวกเราทุกคนสามัคคีกัน รวมกันเป็นหนึ่งเพื่อเหตุผลเรื่องการศึกษา และหากเราต้องการบรรลุเป้าหมาย จงเพิ่มพลังของเราเองด้วยอาวุธแห่งความรู้ และปกป้องตัวเราเองด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และความสามัคคี พี่น้องชายหญิงที่รัก เราต้องไม่ลืมว่า ผู้คนหลายล้านคนกำลังทุกข์ยากจากความยากจน ความอยุติธรรม และอวิชชา เราต้องไม่ลืมว่า เด็ก ๆ หลายล้านคนไม่มีโอกาสได้ไปโรงเรียน เราต้องไม่ลืมว่า พี่น้องหญิงชายของเรากำลังรอคอยอนาคตอันสันติสดใส ดังนั้น เราทั่วโลกจงร่วมกันต่อสู้กับความไม่รู้หนังสือ ความยากจน และลัทธิก่อการร้าย และทำให้เราได้หยิบจับหนังสือและปากกาขึ้นมา พวกมันคืออาวุธอันทรงพลังที่สุด เด็กหนึ่งคน คุณครูหนึ่งคน หนังสือหนึ่งเล่ม และปากกาหนึ่งด้ามสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ การศึกษาคือหนทางเดียวที่จะแก้ไขปัญหา การศึกษาต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ขอบคุณค่ะ” เรียบเรียง: ภานุวัตร เอื้ออุดมชัยสกุล ข้อมูลอ้างอิง: https://malala.org/newsroom/archive/malala-un-speech...