แมตธิว เลอ ทิสซิเอร์ ยอดนักเตะพรสวรรค์ ที่ติดทีมชาติแค่ 8 นัด

แมตธิว เลอ ทิสซิเอร์ ยอดนักเตะพรสวรรค์ ที่ติดทีมชาติแค่ 8 นัด

ยอดนักเตะพรสวรรค์ ที่ติดทีมชาติแค่ 8 นัด

"แมตเป็นคนที่มีพรสวรรค์เหนือชั้นกว่ามาก" เอียน แบรนฟุต (Ian Branfoot) อดีตผู้จัดการทีมเซาแธมป์ตันกล่าวถึงอดีตสองลูกทีมรุ่นราวคราวเดียวกัน แมตธิว เลอ ทิสซิเอร์ และอลัน เชียเรอร์ "แต่อลันเป็นคนที่มุ่งมั่นยิ่งกว่า ทุ่มเทยิ่งกว่า เขาต้องการที่จะประสบความสำเร็จ และนั่นทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่" (Telegraph) แม้เลอ ทิสซิเอร์กับเชียเรอร์จะเล่นคนละตำแหน่งแต่นี่คือการเปรียบในแง่ของความเป็นนักฟุตบอลโดยรวม จากมุมมองของคนที่ได้เห็นพัฒนาการของสองนักเตะดาวรุ่งยุคนั้นอย่างใกล้ชิด เลอ ทิสซิเอร์ เด็กหนุ่มจากเกาะเกิร์นซี (Guernsey) เริ่มต้นชีวิตนักเตะอาชีพในปี 1986 กับสโมสรเซาแธมปตัน ทำสถิติลงเล่นเกินกว่า 500 นัดและทำประตูกว่า 200 ประตูให้กับสโมสร เป็นนักเตะที่ทำประตูสูงสุดเป็นอันดับสองของสโมสร และเป็นนักเตะตำแหน่งกองกลางคนแรกของพรีเมียร์ลีกที่ทำประตูได้เกินกว่า 100 ประตู เขาเป็นที่จดจำในฐานะนักเตะที่ไม่ขยัน ไม่ชอบไล่บอล แต่มากด้วยทักษะและลูกยิงที่เหนือความคาดหมาย เริ่มฉายแววนักเตะ "อนาคตไกล" ตั้งแต่ฤดูกาลแรกก่อนได้รับเลือกให้เป็นนักเตะเยาวชนยอดเยี่ยมของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพในปี 90 ซึ่งเขาทำประตูให้กับทีมในลีกได้ถึง 20 ประตู (ตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดเป็นของแกรี ลินิเกอร์ของท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ที่ทำได้ 25 ประตู) และพาเซาแธมป์ตันจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 7 แต่เลอ ทิสซิเอร์เลือกที่จะ "ฝากอนาคต" การค้าแข้งไว้ที่เซาแธมป์ตันทีมเล็กๆ จากแดนใต้เพียงทีมเดียวจนกระทั่งแขวนสตั๊ด แม้เขาจะมีข่าวพัวพันกับทีมใหญ่หลายทีมทั้งสเปอร์ส เชลซี หรือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งมีโอกาสที่เขาจะประสบความสำเร็จมากกว่าการอยู่กับเซาแธมป์ตัน แต่เขาก็ไม่คิดจะย้ายทีมไปไหน "ข้อเสนอเดียวที่ล่อใจมากที่สุดคือสเปอร์ส เพราะพวกเขาคือทีมที่ผมเคยตามเชียร์ตอนเด็ก และเป็นทีมที่พ่อเชียร์มาจนถึงทุกวันนี้ แต่ตอนที่เทอร์รี เวนาเบิลส์ยื่นข้อเสนอที่จะเซ็นตัวผม ผมกับครอบครัวเลือกที่จะปฏิเสธเพราะพวกเรามีความสุขดีที่นี่" เลอ ทิสซิเอร์กล่าวกับ The Guardian สิ่งที่น่าผิดหวังที่สุดสำหรับนักเตะที่สร้างผลงานได้ขนาดนี้คือโอกาสในการติดทีมขาติ การที่เขาเกิดในเกิร์นซี (เกาะในช่องแคบอังกฤษอยู่ไม่ไกลจากชายฝั่งฝรั่งเศส ซึ่งมีอำนาจปกครองตนเอง) ทำให้เขาเลือกที่จะเล่นให้กับชาติไหนก็ได้ในสหราชอาณาจักร และเลอ ทิสซิเอร์เล่าว่าพิเชล พลาตินี ยังเคยส่งมือขวา เชราด์ อุลลิเยร์ (ซึ่งภายหลังได้เป็นผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล) มาทาบทามตัวแต่เขาปฏิเสธ เพราะอังกฤษคือทีมเดียวที่เขาต้องการเล่นด้วย แต่เขามีโอกาสได้ติดทีมชาติชุดใหญ่เพียง 8 นัดเท่านั้น โดยไม่สามารถทำประตูได้เลย ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษมักจะให้โอกาสกับเขาเพียงน้อยนิดก่อนที่จะตัดสินว่าเขาไม่เหมาะกับระบบทีม และเลือกที่จะไม่เรียกเขาเข้าแคมป์ทีมชาติอีก ทั้งเทอร์รี เวนาเบิลส์ (ที่เขาเคยปฏิเสธจะไปร่วมงานเมื่อครั้งเวนาเบิลส์ยังคุมสเปอร์ส) และเกล็น ฮ็อดเดิล (ซึ่งเป็นผู้จัดการทีมอีกคนที่เขาปฏิเสธจะย้ายไปร่วมงานด้วยสมัยที่ฮ็อดเดิลคุมเชลซี) เขาเชื่อว่าสาเหตุส่วนหนึ่งที่เขามักจะถูกเมินก็เพราะทัศนคติของผู้จัดการทีมอังกฤษที่มักชอบนักเตะขยันทุ่มเท มากกว่านักเตะที่มีพรสวรรค์ (และเลอ ทิสซิเอร์ก็มองว่ามันไม่เป็นธรรมที่จะตัดสินเขาจากเรื่องการใช้แรงใช้กำลังเพียงอย่างเดียวโดยไม่ดูความสัมฤทธิ์ผล เพราะแม้เขาจะวิ่งน้อยแต่เขาทั้งยิงและช่วยเพื่อนร่วมทีมทำประตูได้มากมาย) การที่เขาถูกเมินในการแข่งขันฟุตบอลโลก 98 ที่ฝรั่งเศสมีผลกระทบต่อจิตใจของเขามาก เพราะตอนที่เขาถูกเรียกให้ติดทีมชุดบี เขาสามารถทำแฮตทริกได้ในการลงเล่นกับรัสเซีย แต่เขากลับไม่ถูกเลือกเขาสู่ทีม และไม่ติดแม้แต่รายชื่อ 30 คนสุดท้าย "คนมักจะวิจารณ์การเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษชุดบี [เหมือนคริส ซัตตันที่เป็นเรื่องเพราะปฏิเสธที่จะเล่นในปี 1998 และไม่ถูกเรียกติดทีมชาติอีกเลย] แต่สำหรับผม ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ติดทีม แต่พอมองย้อนกลับไปผมก็อดสงสัยไม่ได้เหมือนกันว่าผมจะเล่นไปทำไม ผมเล่นได้ดีที่สุดนัดหนึ่งในชีวิตนักฟุตบอล ทำแฮตทริกได้ แต่มันก็ยังไม่ดีพอที่ผมจะติดทีม มันเหมือนเป็นการไม่ให้ค่ากับวัตถุประสงค์ของเกมแต่แรก ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมคนถึงมองว่ามันเป็นเรื่องที่เสียเวลา อย่างที่ผมต้องเจอกับตัวเอง"  (Telegraph) เลอ ทิสซิเอร์ยอมรับว่าความผิดหวังในครั้งนั้นส่งผลกระทบต่อฟอร์มการเล่นในเวลาต่อมา เพราะเขารู้ดีว่านั่นคือโอกาสสุดท้ายที่เขาจะได้เล่นในนามทีมชาติ หลายคนมักจะตั้งคำถามว่า "ถ้าย้อนกลับไปได้" เขาจะเปลี่ยนใจหรือไม่เมื่อมีทีมใหญ่ติดต่อเข้ามาเพราะนั่นน่าจะทำให้เขาประสบความสำเร็จมากกว่า และมีโอกาสในทีมชาติมากกว่า แต่เขาตอบเหมือนเดิมทุกครั้งว่า เขาตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกจะอยู่กับเซาแธมป์ตัน เพราะอยู่ที่นี่เขามีความสุขเขามีโอกาสได้เล่นฟุตบอลที่เขารัก นักฟุตบอลหลายคนย้ายทีมแล้วอาจไม่มีโอกาสเหมือนกับที่ได้เล่นกับทีมเดิม (อยู่กับเซาแธมป์ตันเขาคือ Le God” นักเตะหัวใจสำคัญที่ทีมขาดไม่ได้) และเขาก็ชอบที่ได้เป็น "ปลาใหญ่ในบ่อเล็ก" มากกว่า