26 ต.ค. 2564 | 16:54 น.
คริส ผู้ช่วยคนสำคัญของไมเคิล ชาวต่างชาติอีกคนในที่แห่งนี้ เขารับหน้าที่ดูแลสุนัขนอกศูนย์พักพิง และคอยติดตามการช่วยเหลือสุนัขภายนอกศูนย์ฯ หากพบสุนัขบาดเจ็บหรือได้รับแจ้งเหตุด่วน เขาพร้อมรถคู่ใจจะพุ่งตรงไปทันที
ในพื้นที่ศูนย์พักพิง เขาใช้พื้นที่หลายพันตารางเมตรบริเวณใกล้บ่อขยะเทศบาลแสนสุข จังหวัดชลบุรี เป็นบ้านหลังใหม่ของสุนัขจากทุกสารทิศทั่วไทย มีทีมงานคอยดูแลใกล้ชิดเพื่อช่วยเหลือสุนัขให้ได้มากที่สุด มีคลินิกพร้อมสัตวแพทย์คอยรักษาสุนัขฟรี รวมถึงล่าสุดไมเคิลและทีมงานสามารถจัดตั้งโรงอาหารสำหรับสุนัขได้แล้ว แน่นอนว่าการรับมือกับสุนัข 600 กว่าตัวในศูนย์พักพิงย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย ไมเคิลเพียงคนเดียวย่อมไม่สามารถจัดการทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง เขาจึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทีมงาน TMTRD อีกหลายคน “ผมไม่ได้ต้องการคนที่มีทักษะพิเศษอะไร แค่ให้พวกเขาอยากช่วยเหลือสุนัขและเข้าใจมันก็พอ” โดยมีข้อควรระวังที่เพิ่มเติมอีกหน่อยคือเรื่องของการกำชับไม่ให้ทีมงานพูดคุยกับสุนัขมากจนเกินไป เพราะสุนัขเหล่านี้จะรู้สึกว่าทีมงานเป็นเพื่อนเล่น และไม่ฟังคำสั่งของพวกเขา ซึ่งการควบคุมดูแลสุนัขมากกว่าครึ่งพันตัวจำเป็นต้องมีความเข้มงวดในระดับหนึ่ง ตารางงานในแต่ละวันของไมเคิลและทีมงานจะเริ่มต้นในช่วงตี 4 ถึงตี 5 ของแต่ละวัน เตรียมตัวสำหรับการพาสุนัขไปเดินเล่นออกกำลังกายในภาคเช้า มีการทำความสะอาดกรงสุนัขซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาสุขอนามัย ตรวจสอบอาการผิดปกติของสุนัขทั้งในส่วนของภายนอกร่างกายและภายในจิตใจ มีการทำแผลและให้ยาสำหรับสุนัขตัวที่ป่วย สุนัขภายใต้การดูแลของไมเคิล จะมีอาหารสองมื้อต่อวัน ที่วิ่งเล่นที่มากพอ และหลังคาสำหรับหลบในวันที่ฝนตก รวมถึงท่อ เนินดิน และของอื่น ๆ ที่ช่วยในการใช้ชีวิต ช่วงเที่ยงก็จะเป็นการพักและให้กินอาหารมื้อกลางวัน ก่อนที่จะมีการพาสุนัขออกไปวิ่งเล่นอีกครั้งในช่วงบ่าย บางทีก็มีคอร์สบำบัดเสริมด้วยการพาสุนัขไปว่ายน้ำ หรือวารีบำบัดเพื่อให้สุนัขได้ออกกำลังและลดความเครียด รวมไปถึงลดปัญหาสุนัขกัดกันอีกด้วย เทคนิคจากผู้คร่ำหวอดในวงการให้ความช่วยเหลือสุนัข คือหากพบว่าสุนัขตัวไหนเริ่มเห่าหรือว่าแสดงกิริยาก้าวร้าว มีความเป็นไปได้ที่จะกัดกัน สิ่งที่ควรทำคือการแยกสุนัข 2 ตัวนั้นออกจากกันให้เร็วที่สุด เพราะไม่อย่างนั้นแล้วหากปล่อยให้เริ่มฟัดกัน สุนัขตัวอื่นก็พร้อมที่จะกระโจนเข้าร่วมวง จบลงที่ความโกลาหลครั้งยิ่งใหญ่ บางครั้ง เมื่อการบาดเจ็บหรือป่วยไข้ของเหล่าสุนัขเกินการเยียวยา น้ำตาจะปรากฏบนใบหน้าของทีมงาน The Man Who Rescues Dogs ร่างอันไร้วิญญาณถูกห่อหุ้ม แล้วนำไปฝังบนภูเขา นอกจากการดูแลสุนัข 4 ขาแล้ว มูลนิธิของไมเคิลยังให้ความช่วยเหลือสุนัขที่พิการอีกด้วย เขาออกแบบโปรแกรมที่เหมาะสมสำหรับการสร้างและเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อสุนัขเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายในน้ำหรือการประดิษฐ์อุปกรณ์เสริมล้อเพื่อให้สุนัขเหล่านี้เคลื่อนไหวได้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น การออกไปเดินเล่นคือกิจกรรมที่สุนัขรอคอย โดยเฉพาะสุนัขพิการที่ต้องนั่ง ๆ นอน ๆ มาทั้งวัน สุนัขเหล่านี้จะได้รับการติดล้อวีลแชร์ในช่วงเช้าและบ่ายของทุกวัน ทันทีที่รถเข็นถูกหยิบลงมาจากที่แขวน พวกมันก็รู้ว่าเวลาที่รอคอยกำลังจะมาถึง บางคนคิดว่าการดูแลสุนัขพิการนั้นยากลำบาก ในทัศนคติของคนมากประสบการณ์อย่างไมเคิล การดูแลสุนัขสองประเภทนี้ไม่ได้มีความแตกต่างอะไรมากมาย สำหรับเขาแล้วเรื่องเดียวที่มีความแตกต่างโดยสภาพคือเรื่องของการพาสุนัขพิการไปฉี่เท่านั้นเอง “เวลาเราพาสุนัขไปเดินเล่นหรือว่ายน้ำ มันไม่รู้หรอกว่ามันพิการ มันก็แค่สนุกไปเรื่อย ๆ มีความสุขดี” การให้ความช่วยเหลือเจ้าหมาน้อยใหญ่เหล่านี้ดูท่าว่ากำลังไปได้สวย หากไมเคิลเองก็มีเรื่องกังวลใจใต้วิกฤตโควิด-19 นี้เช่นเดียวกัน เรื่องเหล่านี้คืองบประมาณที่ถูกใช้เพื่อดูแลสุนัขเหล่านี้ ทั้งให้อาหาร ให้ที่พักพิง ให้ที่รักษา และให้ที่บำบัด จากบริการทั้งหมดนี้เพื่อช่วยเหลือสุนัขให้ได้มากที่สุด ปัจจุบันไมเคิลต้องบริหารค่าใช้จ่ายที่มากกว่า 1.2 ล้านบาทต่อเดือน หรือราว 40,000 บาทต่อวัน โดยส่วนมากแล้วเขาจำเป็นต้องพึ่งพาเงินบริจาค และสภาพเศรษฐกิจในยุคโควิด-19 ก็พาให้ยอดผู้สนับสนุนลดลงจนน่าใจหาย ไมเคิลเข้าใจสถานการณ์ที่ทุกคนต่างจำเป็นต้องประหยัดและรัดเข็มขัด และมันก็เป็นเรื่องที่จำต้องเข้าใจเช่นกันว่าการดำเนินมูลนิธิต่อไปโดยไร้เงินสนับสนุนที่เพียงพอเป็นเรื่องยากลำบาก มูลนิธิ The Man Who Rescues Dogs ของไมเคิลยังคงเปิดรับบริจาคทั้งเงิน ยารักษา อาหาร ของเล่นสุนัข รวมไปถึงอุปกรณ์อื่น ๆ ที่คิดว่ามีความจำเป็นต่อการดูแลสุนัข อีกทั้งทางมูลนิธิยังเปิดรับสมัครอาสาสมัครที่มีความสนใจเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการโอบอุ้มสุนัขเหล่านี้ตลอดเวลา สำหรับแผนงานของเขาในปัจจุบันคือการดูแล รักษา ฉีดวัคซีนสุนัขมากกว่า 600 ตัวควบคู่ไปกับการขยายพื้นที่เพิ่มเติมเพื่อให้สามารถรองรับปริมาณของสุนัขที่มากกว่านี้ได้ เพราะในมุมมองของไมเคิล การดูแลสุนัขไม่ได้จบเพียงแค่การรับเลี้ยงมาดูแล แล้วปล่อยให้สุนัขถูกพันธนาการอยู่ในกรงเพียงอย่างเดียว แต่สุนัขเองก็ต้องการพื้นที่ในการใช้ชีวิตเช่นกัน “สุนัขเองก็ต้องการพื้นที่ในการวิ่งเล่น มันควรมีคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่ใช่ถูกขังอยู่ในกรงแคบ ๆ” และนี่คือไมเคิล เจ. เบนส์ ชายผู้นิยามตัวเองว่ายังคงเป็นเชฟปรุงอาหาร เพียงแค่กลุ่มลูกค้าของเขาเปลี่ยนจากผู้บริโภคในร้านอาหาร มาเป็นการเลี้ยงสุนัขไร้เจ้าของให้อิ่มท้องในทุกวัน หากต้องการสนับสนุนภารกิจของไมเคิล สามารถติดต่อได้ที่เว็บไซต์ https://tmtrd.org/ หรือเพจ The Man That Rescues dogs https://www.facebook.com/tmtrdorg เรื่อง: จามาศ โฆษิตวิชญ ภาพ: วรุตม์ พงศ์พิพัฒน์