Mortal Engines: ทัดเดอุส วาเลนไทน์ ความเลวร้ายของสงครามที่มนุษย์ไม่เคยจำ

Mortal Engines: ทัดเดอุส วาเลนไทน์ ความเลวร้ายของสงครามที่มนุษย์ไม่เคยจำ
60 นาที คือระยะเวลาที่โลกเกิดสงครามจนเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อารยธรรมต่างๆ ถูกทำลายอย่างย่อยับ ทรัพยากรขาดแคลนจนเข้าสู่กลียุค ระยะเวลาผ่านไปหลายพันปี มนุษย์เริ่มปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ พัฒนาการดำรงชีวิตเป็นเมืองเคลื่อนที่ขนาดใหญ่ที่ท่องโลกไล่ล่า “กิน” เมืองที่เล็กกว่าเพื่อใช้เป็นทรัพยากรแก่เมืองตนเอง ลอนดอน เป็นอีกหนึ่งเมืองเคลื่อนที่ออกไล่ล่าเมืองเล็กเมืองน้อยมาเป็นอาหาร โดยมี ทัดเดอุส วาเลนไทน์ นักประวัติศาสตร์ที่เปรียบเสมือนศูนย์รวมจิตใจของเมือง ดูภายนอกเขาเปรียบเสมือน “พ่อพระ” ใจดีที่คอยปลอบประโลมคนเมืองด้วยความหวังว่าจะนำสันติสุขกลับมาให้ แต่แท้จริงแล้วเขากลับเป็น “จอมมาร” ที่แอบพัฒนาอาวุธร้าย “เมดูซา” เทคโนโลยีที่เคยทำลายโลกนี้ให้พังทลายเพียง 60 นาที หนทางเดียวที่จะหยุดการทำงานของเทคโนโลยีคือไดร์ฟขนาดเล็กที่ไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน แผนการณ์ของวาเลนไทน์ คือการใช้เมดูซ่าทำลายกำแพงหนาที่กั้นระหว่างเขตเมืองเคลื่อนที่กับเขตเมืองตั้งถิ่นฐาน ทว่าระหว่างการดำเนินแผนการณ์ วาเลนไทน์เกือบถูกลอบสังหารโดย เฮสเตอร์ ชอว์ ลูกสาวของ แพนโดรา ชอว์ นักโบราณคดีหญิงที่เขาเคยฆ่าเพื่อขโมยอุปกรณ์ควบคุมเทคโนโลยีเมดูซา ซึ่งเธอหลบหนีออกมาได้พร้อมรอยมีดบาดใบหน้าทำให้เธอต้องปกปิดมันด้วยผ้าคลุมสีแดง Mortal Engines: ทัดเดอุส วาเลนไทน์ ความเลวร้ายของสงครามที่มนุษย์ไม่เคยจำ เฮสเตอร์เก็บความแค้นมานานนับสิบปีกว่าจะได้เจอกับวาเลนไทน์ เมื่อสบโอกาสเธอจึงเดินมุ่งหน้าเข้าไปแทงวาเลนไทน์ด้วยมีด น่าเสียดายที่เธอกลับถูกขัดขวางด้วย ทอม นัทส์เวิร์ธธี เด็กหนุ่มในเมืองที่เข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดิบพอดี อย่างไรก็ตาม ไม่นานนักเขาก็ถูกวาเลนไทน์หักหลัง ทำให้ทอมและเฮสเตอร์ต้องออกมาผจญภัยหยุดยั้งแผนการณ์ของวาเลนไทน์นี้ให้ได้ สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดในโลก Mortal Engines คือการอ้างอิงวลี “Survival of the Fittest” หรือที่แปลเป็นไทยว่า “ผู้เหมาะสมที่สุดเท่านั้นจึงอยู่รอด” ของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน (จริงๆ แล้วคนคิดวลีนี้คือ เฮอร์เบิร์ต สเปนเซอร์) มาใช้ในบทสนทนาหนึ่ง สะท้อนให้เห็นสภาพ “เมืองกินเมือง” ถึงการกลืนกินทางชนชั้น อำนาจ และแสนยานุภาพ จนคิดว่าเมืองตนเอง “เหนือ” กว่าเมืองอื่น มีการเปรียบเทียบสภาพเมืองไม่ต่างจากตัวคน คือมีมันสมองสำหรับชนชั้นสูงหรือผู้มีการศึกษาอยู่บนสุด พลเมืองธรรมดาอยู่บริเวณส่วนกลางร่างกายเมือง และชนชั้นแรงงานที่อยู่ส่วนล่างหรือลำไส้ของเมือง ซึ่งเป็นส่วนเดียวกับระบบย่อยเมืองที่กินแล้วแยกเป็นส่วนๆ เมื่อวาเลนไทน์พัฒนาเทคโนโลยีเมดูซาได้สำเร็จ ภาพลักษณ์เขาก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เขากล้าท้าทายอำนาจเดิมในลอนดอน ซ้ำร้ายยังพาตัวเองเป็น “ผู้นำ” คนใหม่ด้วยความรุนแรง เปลี่ยนเส้นทางลอนดอนให้ไปทำลายกำแพงหนา ด้วยความหวังว่าจะเข้าไปกลืนกินเมืองตั้งถิ่นฐานหลังกำแพง เพื่อขึ้นไปยืนอยู่จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร ทันทีที่เมดูซายิงออกไป เราจะรับรู้ได้ทันทีว่าทำไมโลก Mortal Engines ถึงกลายเป็นโลกไร้อายธรรม ความรุนแรงของมันทำลายกำแพงอย่างง่ายดาย เผยโฉมโลกหลังกำแพงหรือเมืองตั้งถิ่นฐานที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติพืชนานาพรรณ Mortal Engines: ทัดเดอุส วาเลนไทน์ ความเลวร้ายของสงครามที่มนุษย์ไม่เคยจำ แง่หนึ่งมันสะท้อนให้เห็นว่า เมืองเคลื่อนที่มุ่งแต่ทำสงครามเพื่อความอยู่รอดโดยไม่สนศีลธรรมใดๆ เป็นเมืองที่พัฒนาเรื่องเทคโนโลยีแต่เรื่องจิตใจกลับไม่พัฒนาตาม ตรงข้ามกับเมืองตั้งถิ่นฐานหลังกำแพงที่อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข ท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงาม เทคโนโลยีสงครามได้ทำลายความสงบสุข ทำลายธรรมชาติ และเกือบจะพาโลกกลับไปไร้อารยธรรมอีกครั้ง Mortal Engines จึงฉายภาพความเลวร้ายของเทคโนโลยีสงครามอย่างตรงไปตามมา และ ทัดเดอุส วาเลนไทน์ ก็คือมนุษย์อย่างเราๆ ที่ไม่เคยจดจำมันเลย ท้ายที่สุดเขาเองก็ถูกกลืนกินด้วยสงครามที่ก่อขึ้นมาด้วยตัวเอง บางทีมนุษย์ก็ควรเรียนรู้ความผิดพลาดในอดีตบ้าง มิฉะนั้นโศกนาฏกรรมจากสงครามก็จะวนกลับมาหาเราอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด