Move to Heaven - แด่คนที่จากไปแต่ยังอยู่ในความทรงจำ

Move to Heaven - แด่คนที่จากไปแต่ยังอยู่ในความทรงจำ
“ฮันกือรูจากมูฟทูเฮฟเวน ผมจะเริ่มการขนย้ายครั้งสุดท้ายครับ” เด็กหนุ่มวัย 20 ปีเอ่ยขึ้น ก่อนจะสวมหูฟังสีขาวที่กำลังบรรเลงเพลงคลาสสิก แล้วเริ่มเก็บกวาดสิ่งของภายในห้องของผู้เสียชีวิต... นี่คือฉากหนึ่งในซีรีส์  ‘Move to Heaven’ ของ Netflix ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความเรียงเรื่อง ‘Things Left Behind’ โดยคิมแซบยุล พนักงานเก็บกวาดที่เกิดเหตุในประเทศเกาหลี  ‘Move to Heaven’ นำเสนอเรื่องราวแสนอบอุ่นปนหยาดน้ำตาของ ‘ฮันกือรู’ เด็กหนุ่มผู้มีอาการแอสเพอร์เกอร์และ ‘โจซังกู’ น้าชายที่เพิ่งออกจากคุกแต่ต้องมาดูแลฮันกือรูด้วยความจำเป็น โดยทั้งคู่เป็นพนักงานเก็บกวาดสถานที่เกิดเหตุของบริษัท Move to Heaven ที่พ่อของฮันกือรูริเริ่มขึ้น  ภาพรวมซีรีส์เรื่องนี้สะท้อนถึงความตายอันโดดเดี่ยวและปัญหาสังคมของเกาหลีใต้ ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุที่ถูกทอดทิ้ง การส่งเด็ก ๆ ไปเป็นบุตรบุญธรรมในต่างแดน การปิดกั้นกลุ่ม LGBTQ+ และปัญหาอื่น ๆ ที่สอดแทรกอยู่ภายในเรื่อง  นอกจากปัญหาสังคม สิ่งที่ซีรีส์เรื่องนี้ทำได้ดีไม่แพ้กัน คือการบอกเล่าถึงคุณค่าและแง่งามของความเป็นมนุษย์ ชวนให้เราตระหนักรู้ถึงความตาย และมองเห็นความงดงามของการมีชีวิตอยู่ ผ่านสิ่งของแต่ละชิ้นที่ผู้ตายทิ้งเอาไว้...   **เรื่องราวต่อไปนี้เปิดเผยบางส่วนของซีรีส์ Move to Heaven**   ครั้งหนึ่ง...เราอาจเป็นความทรงจำอันงดงามในชีวิตใครบางคน เมื่อ ‘ความโดดเดี่ยว’ แวะเวียนมาเยี่ยมเยือนภายในจิตใจ อาจทำให้เราเริ่มสงสัยว่า…ชีวิตเรายังมีคุณค่าและสลักสำคัญกับโลกใบนี้อยู่หรือไม่ ? ขณะที่จินตนาการพาเราออกห่างจากความเชื่อมโยงกับโลกทั้งใบ เรื่องราวใน ‘Move to Heaven’ กลับเป็นเหมือนอ้อมกอดที่ฉุดรั้งเราเอาไว้ ทั้งปลอบโยนให้เราเห็นคุณค่าและแง่งามของทุกชีวิต...รวมทั้งตัวเราเอง อย่างฉากที่เล่าเรื่องราวของคุณปู่และคุณย่าแสนอ่อนโยน หากไร้ญาติขาดมิตร ชีวิตลำเค็ญจนตัดสินใจจากโลกใบนี้ไปพร้อมกัน แต่แล้วงานศพอันแสนเงียบงัน กลับมีเด็กหญิงตัวน้อยถือต้นคามีเลียเข้ามาร่วมงาน “เขาบอกว่าดอกคามีเลีย แปลว่า ฉันรักคุณ ในภาษาดอกไม้ คุณปู่บอกไว้” เด็กหญิงเล่าถึงความหมายของดอกไม้ที่ถือมาร่ำลาเป็นครั้งสุดท้าย แม้คุณปู่คนนี้จะไม่ใช่ญาติผู้ใหญ่ และเป็นยามรักษาความปลอดภัยที่เธอรู้จัก แต่ความใจดีต่อผู้คนและต้นไม้ ทำให้เด็กหญิงผูกพันและจดจำความอ่อนโยนของคุณปู่ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ฮันกือรูยังบังเอิญพบกับชายแก่คนหนึ่งในงานศพข้าง ๆ ที่รู้จักคุณปู่ เมื่อรู้ว่าคุณปู่เสียชีวิต ชายแก่คนนั้นรีบสาวเท้าเข้ามายังงานศพ “ตอนที่ผมยังอยู่ระดับงานผู้ช่วย คุณคิมจะอยู่เคียงข้างเสมอ” ประโยคนี้เฉลยว่าคุณปู่ไม่ใช่ชายผู้โดดเดี่ยวตลอดชีพ แต่เคยเป็นความทรงจำอันงดงามของใครบางคนที่ห่างหายและไม่ได้มีโอกาสติดต่อกันมาแสนนาน ฉะนั้นงานศพอันเงียบงันอาจไม่ได้หมายความถึงคุณค่าของใครคนนั้นที่มีต่อโลกใบนี้ อีกฉากหนึ่งคือ เรื่องราวของแมทธิว อดีตบุตรบุญธรรมในสหรัฐอเมริกาที่ถูกครอบครัวอุปถัมภ์ส่งตัวกลับมายังเกาหลี เขาออกตามหาแม่ที่แท้จริง แต่ทั้งคู่กลับไม่เคยพบกันจนวันสุดท้ายของชีวิต ก่อนตายแมทธิวรวบรวมภาพถ่ายของผู้ประกาศข่าวชื่อดังคนหนึ่ง เพราะเขาคิดว่าเป็นแม่ของตนเอง แต่เมื่อฮันกือรูไปสืบหาความจริงกลับพบว่าผู้ประกาศข่าวคนนี้เป็นเด็กหญิงในบ้านที่ดูแลแมทธิวตังแต่วัยแบเบาะ ก่อนเขาจะถูกส่งตัวไปยังครอบครัวอุปถัมภ์ในสหรัฐอเมริกา  แม้ไม่รู้ว่าแม่ที่แท้จริงของแมทธิวเป็นใครและแมทธิวเองก็จำผู้ประกาศหญิงคนนี้ไม่ได้ แต่เธอยังคงจดจำและคิดถึงแมทธิวเสมอมา เธอจึงนำเรื่องราวของแมทธิวไปบอกเล่าในรายการ กลายเป็นกระบอกเสียงให้กับปัญหาการส่งเด็กไปเป็นบุตรบุญธรรมในต่างประเทศ เรื่องราวดังกล่าวจึงเป็นภาพสะท้อนว่าทุกชีวิตล้วนมีคุณค่าและสลักสำคัญต่อโลกใบนี้ อาจเป็นต้นไม้ที่คุณเคยปลูก เป็นเสียงหัวเราะในวัยแบเบาะ เป็นรอยยิ้มที่มีให้คนที่เดินสวนกัน หรือนานมาแล้วอาจเป็นความทรงจำอันงดงามของใครคนหนึ่งที่คุณอาจนึกไม่ถึงหรือไม่รู้ตัวก็เป็นได้     'Move to Heaven' จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้าย เพื่อนำผู้ตายไปสู่สุขคติ หากดวงวิญญาณที่เดินทางไปยังสรวงสวรรค์ได้ เป็นคนที่เคยสร้างคุณความดี รวมทั้งอยู่สภาวะที่ ‘หมดห่วง’ บริษัท Move to Heaven คงทำหน้าที่ส่งพวกเขาไปยังปลายทางได้อย่างสมบูรณ์ ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ พ่อของฮันกือรูมักสอนให้เขามีความเข้าอกเข้าใจ (Empathy) เพื่อนมนุษย์ ผ่านการจินตนาการถึงความคิด ความรู้สึกของผู้คนต่อสถานการณ์ต่าง ๆ รวมทั้งการทำงานเก็บกวาดสิ่งของของผู้ตาย พวกเขาจะเฝ้าฟังเสียงของผู้ที่จากไปผ่านสิ่งของที่ทิ้งไว้ในวันสุดท้าย จากนั้นจะเก็บรวบรวมชิ้นที่ ‘เชื่อมโยง’ หรือ ‘มีคุณค่า’ ต่อใครสักคนลงใน ‘กล่องสีเหลือง’ แล้วส่งต่อให้กับคนสำคัญที่ควรรับของชิ้นนั้นไว้ บ้างก็เป็นแหวนแต่งงานที่ยังไม่ได้ให้ บ้างเป็นเงินของคุณป้าอัลไซเมอร์ที่เก็บไว้ซื้อสูทให้ลูกชาย บ้างก็เป็นหนังสือที่คุณครูตั้งใจซื้อไว้ให้เด็กแต่ละคน ความน่าสนใจของประเด็นนี้คือ ฮันกือรูจะไม่มีวันทิ้งกล่องนี้ไปเด็ดขาดและผู้ตายทุกคนล้วนมีสิ่งของในกล่องสีเหลืองเป็นของตัวเองเพื่อส่งไปให้ถึงมือใครบางคนอยู่เสมอ อาจเป็นนัยที่สื่อสารว่า ทุกคนล้วนเป็นส่วนสำคัญหรือเชื่อมโยงกับโลกใบนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง  นอกจากนี้ฉากต่อจิ๊กซอว์ของฮันกือรู ยังเปรียบเสมือนเป็นบทบาทของเขาและ Move to Heaven ที่เป็นมากกว่า ‘คนเก็บกวาด’ แต่เป็นผู้เดินทางเข้าไปสำรวจชีวิตของผู้ตาย มองหาแง่งามและคุณค่าของพวกเขาที่มีต่อโลกใบนี้แล้วส่งต่อให้กับคนที่ยังหายใจ เพื่อให้พวกเขาเดินทางไปยังสรวงสวรรค์ (Heaven) ได้อย่างสงบสุขและยังคงอยู่ในความทรงจำของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ราวกับการต่อจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายในชีวิต สมกับชื่อ ‘Move to Heaven’ และถ้อยคำที่พ่อของฮันกือรูเคยกล่าวไว้ก่อนจากลา “ถึงจะมองไม่เห็นคน ๆ นั้น...ไม่ได้แปลว่าเขาไม่ได้อยู่เคียงข้าง ตราบใดที่จดจำได้ เขาจะไม่มีวันหายไป”   ที่มา https://about.netflix.com/th/news/netflix-confirms-may-14-release-date-for-original-series-move-to-heaven   ที่มาภาพ https://www.netflix.com/th-en/title/80990381