น้อมจิตต์ จิตรมีศิลป์ แห่ง ‘น้อมจิตต์’ เจ้านวัตกรรม ‘ชุดนักเรียน’ ติดแอร์

น้อมจิตต์ จิตรมีศิลป์ แห่ง ‘น้อมจิตต์’ เจ้านวัตกรรม ‘ชุดนักเรียน’ ติดแอร์

ชุดนักเรียน ‘น้อมจิตต์’ กิจการเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 5 ทศวรรษ ขยายกิจการต่อเนื่องเรื่อยมา ไม่เพียงเป็นที่รู้จักมายาวนาน กิจการยังเป็นเจ้านวัตกรรม ‘ชุดนักเรียน’ ติดแอร์

ใกล้เปิดเทอมใหญ่ทีไร นั่นหมายถึงได้เวลาที่พ่อแม่ผู้ปกครองของ ‘นักเรียน’ ชั้นอนุบาลถึงมัธยมปลายที่มีจำนวนกว่า 8.5 ล้านคนทั่วประเทศ จะซื้อหาสินค้าที่เกี่ยวกับการศึกษาให้ลูก ๆ หลาน ๆ ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋า รองเท้า ถุงเท้า ฯลฯ

(ใครที่โตในยุค 90s อาจยังพอจำของเล่นแสนสนุกทั้งหลายที่แถมมากับสินค้าพวกนี้กันได้ เผลอ ๆ ของแถมพวกนี้แหละที่เป็นตัวทำให้ตัดสินใจว่าจะซื้อยี่ห้อไหนเลยก็มี)

ขาดไม่ได้คือ ‘ชุดนักเรียน’ ที่มีให้เลือกซื้อหลายยี่ห้อ บางคนอาจเป็นขาประจำของร้านศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ ที่จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับการศึกษาในราคาย่อมเยา หรือบางคนอาจเป็นแฟนพันธุ์แท้ของชุดนักเรียนตราสมอ สมใจนึก หรือ ‘น้อมจิตต์’ ซึ่งยี่ห้อนี้ก่อตั้งมาแล้วเกือบ 60 ปี นับเป็นหนึ่งในผู้ผลิตชุดนักเรียนที่มีความเป็นมายาวนานยี่ห้อหนึ่งของเมืองไทย

ชุดนักเรียนน้อมจิตต์ มีที่มาจากสองสามีภรรยาคือ สุมิตร และ น้อมจิตต์ จิตรมีศิลป์ แต่เดิมสุมิตรช่วยธุรกิจค้าขายของชำที่บ้านคือ ร้านคิมฮวด ส่วนน้อมจิตต์ช่วยธุรกิจของที่บ้านคือ ร้านร่วมจิตต์ ขายเสื้อผ้าสำเร็จรูป

หลังแต่งงานในปี 2504 ทั้งคู่ก็แยกครอบครัวออกมาก่อตั้งธุรกิจของตัวเองคือ ร้านน้อมจิตต์ เป็นตึกแถว 1 คูหา ตั้งอยู่บนถนนสามเสน ตรงข้ามตลาดบางกระบือ กทม. ขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปและกางเกงยีนส์ยี่ห้อดัง

สินค้าอีกอย่างที่ร้านน้อมจิตต์ขายคือชุดนักเรียน โดยไปรับจากโรงงานมาจำหน่าย แต่ต่อมาเกิดปัญหาเพราะสมัยนั้นมีผู้ผลิตชุดนักเรียนเพียงไม่กี่ราย ทำให้ผลิตไม่ทันต่อความต้องการของลูกค้าที่ส่วนใหญ่เป็นร้านค้า น้อมจิตต์จึงคิดผลิตชุดนักเรียนขึ้นมาจำหน่ายเองเสียเลย โดยใช้ชื่อยี่ห้อว่า ‘น้อมจิตต์’ เน้นชุดนักเรียนที่ตัดเย็บอย่างประณีตและมีความทนทาน

ความที่ถนัดค้าขายเป็นทุนเดิม ประกอบกับมีหน้าร้านจำหน่ายเสื้อผ้าอยู่แล้ว ทั้งยังเอาใจใส่ลูกค้าเป็นอย่างดี ทำให้ชุดนักเรียนน้อมจิตต์เริ่มเป็นที่รู้จักกันปากต่อปาก ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี ยี่ห้อน้อมจิตต์ก็มีชุดนักเรียนครบทุกโรงเรียน ทั้งยังมีบริการปักตามระเบียบของแต่ละโรงเรียนอีกด้วย

กิจการของสุมิตรและน้อมจิตต์เติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งปี 2516 สุมิตรก็ขยับขยายกิจการมายังตึกแถว 2 คูหา ฝั่งตรงข้ามร้านน้อมจิตต์เดิม ต่อมาก็ขยายเพิ่มเป็น 7 คูหา มีโรงงานผลิตชุดนักเรียนอยู่ชั้นบนของอาคาร จัดว่าเป็นร้านจำหน่ายชุดนักเรียนที่ใหญ่มากในยุคนั้นเลยทีเดียว

ให้หลังอีก 8 ปี ชุดนักเรียนน้อมจิตต์ยังโตไม่หยุด สุมิตรจึงเปิดสาขาใหม่เป็นตึกแถว 10 คูหา ย่านบางกะปิ เน้นจำหน่ายชุดนักเรียนซึ่งเป็นธุรกิจหลักของครอบครัวไปเรียบร้อยแล้ว และยังจัดสรรพื้นที่ให้เป็นห้างและซูเปอร์มาร์เก็ต รวมทั้งเปิดพื้นที่ให้เช่าทำร้านขายยา ร้านหนังสือ และร้านขายอาหาร 

ซึ่งการที่ลูกค้าสามารถมาครบจบในจุดเดียวนี่เองทำให้สาขานี้ได้รับความนิยมอย่างมาก จนสุมิตรสามารถซื้อตึกแถวเพิ่มรวมทั้งหมดเป็น 24 คูหา และซื้อลานจอดรถ 2 ไร่ด้านหน้า ต่อมาเมื่อเดอะมอลล์ สาขาบางกะปิ มาเปิดตรงข้าม ลูกค้าของร้านน้อมจิตต์ก็น้อยลง ท้ายสุดสุมิตรจึงต้องเลิกส่วนที่เป็นห้าง และให้ร้านค้าย่อยมาเช่าพื้นที่แทนการทำห้าง

ปี 2533 สุมิตรและน้อมจิตต์สร้างโรงงานแห่งใหม่ที่ซอยสามเสน 30 บนถนนสามเสนเช่นเดิม ตัวโรงงานเป็นตึก 4 ชั้น พื้นที่ราว 3,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับออร์เดอร์ชุดนักเรียนที่เข้ามาอย่างล้นหลาม จากนั้นปี 2537 ชุดนักเรียนน้อมจิตต์ก็ขยายสาขาในต่างจังหวัด สร้างฐานตลาดให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ก่อนที่ปี 2539 จะขยายโรงงานอีกครั้ง

ทุกวันนี้ ร้านน้อมจิตต์มี 4 สาขาในกรุงเทพฯ มีชุดนักเรียนไล่ตั้งแต่ชั้นอนุบาลไปจนถึงชั้นมัธยมปลาย ชุดนักเรียนนานาชาติ ชุดกิจกรรมอย่างชุดยุวกาชาด ลูกเสือ และเนตรนารี ชุดพละ รวมทั้งรับผลิตชุดนักเรียนตามความต้องการของสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ที่อาจมีรายละเอียดแตกต่างจากที่ผลิตเพื่อจำหน่ายอยู่แล้ว

หากใครคิดว่าชุดนักเรียนเป็นสินค้าของตาย ไม่ต้องมีนวัตกรรมใด ๆ ขอบอกว่าคิดผิด! เพราะชุดนักเรียนถือเป็นไฮไลท์เบอร์ต้น ๆ ของสินค้าเปิดเทอม (ปีที่แล้ว (2561) ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าผู้ปกครองจะใช้จ่ายด้านการศึกษาช่วงเปิดเทอมใหญ่ คิดเป็นเงินราว 27,500 ล้านบาท ส่วนมูลค่าตลาดชุดนักเรียน ผู้ประกอบการบางรายคาดว่ามีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 7,000 ล้านบาทในแต่ละปี)

ดังนั้น แต่ละยี่ห้อจึงต้องงัดไม้เด็ดมาใช้กันเต็มที่ เพราะปีเดียวมีช่วงเวลาทองขายได้ไม่กี่เดือนเท่านั้น และลูกค้าส่วนใหญ่ก็มักใช้ยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่งยาวไปไม่ค่อยเปลี่ยน ถึงช่วงใกล้เปิดเทอมเมื่อไหร่ ทุกยี่ห้อจึงต้องงัดนวัตกรรมมาเป็นจุดเด่นเพื่อดึงดูด อย่างชุดนักเรียนตราสมอใช้นวัตกรรมที่ช่วยให้เนื้อผ้าไม่หมองง่าย

ส่วนชุดนักเรียนน้อมจิตต์เอานวัตกรรมที่ทำให้ชุดนักเรียนมีสีซีดยากมาใช้ รวมถึงเอานวัตกรรม ‘แอร์ คูล’ (Air Cool) มาใช้ เน้นชุดนักเรียนที่สวมใส่แล้วให้ความรู้สึกเย็นสบาย เนื้อผ้าช่วยระบายอากาศ สอดคล้องกับสภาพอากาศเมืองไทยที่นับวันจะร้อนขึ้นทุกที

น้อมจิตต์อยู่ปลุกปั้นและเฝ้ามองการเติบโตของชุดนักเรียนน้อมจิตต์มากว่าครึ่งศตวรรษ กระทั่งจากโลกนี้ไปเมื่อต้นเดือนเมษายนปีนี้ (2562) ด้วยวัย 85 ปี ฝากชื่อไว้เป็นหนึ่งในตำนานชุดนักเรียนขวัญใจเด็กไทยทั่วประเทศให้นึกถึง