"โอเล่ โซลชา"กับภารกิจกู้ศรัทธา "ปีศาจแดง"
"มีใครคิดจะยิงกันบ้างไหม นี่มันระยะ 18 หลาหน้าประตู ยังผ่านบอลกันไปมาอยู่ได้ ยิงสิ! มันไม่มีทางจะได้ประตูหรอกนะ ถ้าไม่ยิง จบสกอร์สิ" คลิปต้นฉบับการฝึกสอนแบบเกรี้ยวกราดของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กับ โมลด์ ถูกอัพโหลดตั้งแต่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2012 ซึ่งฤดูกาลนั้น อดีตสังกัดของเพชฌฆาตหน้าทารกจบซีซั่นด้วยการเป็นแชมป์ลีกนอร์เวย์เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน ภาพเพียงไม่กี่วินาทีดังกล่าว อาจแสดงให้เห็นว่า การยิงประตู และการบุกนั้น อยู่สัญชาตญาณของอดีตกองหน้าที่ขึ้นชื่อว่า "คมกริบ" อีกคนหนึ่ง "เบบี้ เฟซ แอสซาซซิน" มักจะถูกเปลี่ยนลงมาเป็นตัวสำรองสมัยยังค้าแข้งกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และมีโอกาสเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ก็มักจะทำประตูได้ “มันไม่มีหรอก ซูเปอร์เซฟ มันมีแค่คุณยิงไม่ดีเอง” อดีตตำแหน่งหมายเลข 20 ของ "เร้ดอาร์มี่" เคยพูดไว้ ซึ่งการจบสกอร์ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทำเกมบุก วันที่ 19 ธันวาคม 2018 สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศแต่งตั้ง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวแทนที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่ถูกปลดออกจากตำแหน่ง และจะทำหน้าที่ในทันที เกมที่รออยู่คือ ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดเยือน คาร์ดิฟฟ์ วันเสาร์ที่ 22 ธันวาคมนี้
คำกล่าวแรกของผู้จัดการทีมป้ายแดงหลังคืนถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ในใจผม และมันเป็นวันที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการกลับมารับตำแหน่งนี้ ผมมองไปถึงการที่จะได้ทำงานร่วมกับเหล่าผู้เล่นพรสวรรค์ที่เรามี รวมถึงสตาฟฟ์โค้ช และทุกคนในสโมสร” ด้าน เอ็ด วู้ดเวิร์ด ซีอีโอ ปีศาจแดง เปิดเผยว่า โอเล่คือ ตำนานของสโมสร และมีประสบการณ์มากมายทั้งในการเป็นนักเตะและโค้ช ประวัติศาสตร์ของเขากับสโมสรนั้น แสดงให้เห็นว่า เขาอยู่ หายใจ และเข้าใจในวัฒนธรรมของทีม ทุกคนในสโมสรยินดีที่โอเล่กลับมา เรามั่นใจว่า เขาจะรวมพลังนักเตะและแฟนๆ ให้เป็นหนึ่ง เพื่อมุ่งสู่อีกครึ่งฤดูกาลที่เหลือ ปัญหา และสิ่งที่แฟนบอลก่นว่า โชเซ่ มูรินโญ่ มากที่สุด ก็คือ แนวทางการเล่นที่เน้นผลการแข่งขัน หรือ เกมรับมากเกินไป ที่เห็นกันมาตลอด 2 ฤดูกาลครึ่ง เกมรุกของปีศาจแดงแทบจะจับทิศทางไม่ได้ ไม่รู้จะเล่นไปในแนวทางไหน รู้เพียงแค่ว่า เกมรับต้องมาก่อน ในหลาย ๆ นัดเอาตัวรอดไปได้ เพราะคุณภาพนักเตะที่เหนือกว่าทีมเล็ก ๆ แต่เมื่อเจอกับทีมใหญ่ด้วยกันแทกติคแบบ "รถบัส" จะต้องถูกนำมาใช้ โดยมี "มู" เป็นคนขับ และมี ดาบิด เด เคอา เป็นกระเป๋ารถเมล์ ครั้งหนึ่งกุนซือจอมเครียดเคยพูดว่า "คุณจะเอาแบบไหน บุกแต่ไม่ชนะ หรือ ชนะแต่เล่นไม่สวยงาม" วันไหน จังหวะเข้าทาง สวนกลับพอใช้ได้ ก็จะเอาตัวรอดไปได้ แต่หากวันไหน สะเปะสะปะ จับทิศทางไม่ได้ ก็จะเป็นแบบเดียวกับนัดที่บุกเยือนแอนฟิลด์เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่พลพรรคปีศาจแดงแทบจะโงหัวไม่ขึ้น ต่อบอลทำเกมกันไม่ได้ เสียบอลง่าย ๆ เวลาโดนเพรสซิ่ง หรือ บีบเข้าหาบอลแบบรวดเร็ว และถูกพลังเกมรุกแบบ "เฮฟวี่เมทัล" ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เล่นงาน จนเป็นแดงเดือดที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นรองลิเวอร์พูล ตั้งแต่วินาทีแรกที่เป่านกหวีด จนถึงลมจากผู้ตัดสินที่พ่นออกมาอีกครั้งเมื่อครบ 90 นาที หงส์แดง มีโอกาสยิงทั้งเกมถึง 36 ครั้ง ส่วนปีศาจแดงได้ยิงแค่ 6 ครั้ง โดยเจ้าบ้านครองบอลถึง 64.5 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีใครลืม 3 แชมป์ของผู้จัดการทีมโปรตุกีสในปี 2016-2017 ทั้ง คอมมูนิตี้ ชิลด์, ลีกคัพ และยูโรป้า ลีก แต่แนวทางการเล่นเพื่อคว้าแชมป์ในแบบนั้น อาจจะไม่ใช่สิ่งที่จะประสบความสำเร็จในระยะยาว และคงยังไม่ใช่ คำตอบสุดท้ายของเหล่า "เร้ด อาร์มี่"
ประวัติการคุมทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา 2008-2011 : คุมทีมสำรองแมนฯ ยูไนเต็ด (แชมป์ทีมสำรองพรีเมียร์ลีก 2010) 2011 - โมลด์ (แชมป์ลีก) 2012 - โมลด์ (แชมป์ลีก) 2013 - โมลด์ (แชมป์บอลถ้วย) 2014 - คาร์ดิฟฟ์ (ตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก) 2015-2018 -โมลด์ "แมนเชสเตอร์ อีฟวนิ่งนิวส์" รายงานว่า ช่วงที่รับตำแหน่งหัวหน้าโค้ชทีมสำรองของค่ายอสูรแดง โซลชาเรียนรู้หลายอย่างจากเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมชุดใหญ่ในขณะนั้น ที่ปกครองผู้เล่นเหมือนกับพ่อและลูก ซึ่งสำคัญมากในการเข้าถึงจิตใจนักเตะ หลังย้ายไปรับตำแหน่งกุนซือของโมลด์อดีตต้นสังกัดของตัวเองในปี 2011 หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นแมนเชสเตอร์ รายงานว่า การคุมทัพโมลด์แม้จะพาทีมคว้าแชมป์ลีกได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร แต่ 4 เกมแรก โซลชาพาทีมชนะเพียงแค่ 1 นัด และ ในนัดที่ 10 ของฤดูกาล ก็เหมือนวิกฤตจะมาเยือน เมื่อลูกทีม บุกไปแพ้ เฮเกซุนด์ถึง 0-5 "ถ้าจะมีอะไรที่ผมอยากจะพูดกับนักเตะทุกคน คือ ผมจะเอาเงินทั้งหมดของพวกคุณไปลงวางเดิมพันว่า พวกเราจะเป็นแชมป์ลีก เพราะเราจะทำได้ ไม่มีตอนไหนที่จะมีอัตราต่อรองที่ดีกว่านี้อีกแล้ว" คำพูดนี้กระตุ้นให้แข้งโมลด์กลับมาฮึดและคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกได้ในบั้นปลาย ถือเป็นอีกหนึ่งจิตวิทยา และที่กระตุ้นให้ผู้เล่นในทีมลุกขึ้นสู้อีกครั้ง ส่วนปรัชญา แนวทางการเล่นจากการเปิดเผยของ เอียน เบิร์ชแนล ที่เคยทำงานเป็นโค้ชในนอร์เวย์ ระบุว่าการเล่นของโมลด์ภายใต้การคุมทีมของกุนซือคนใหม่ของเร้ด เดวิล คือ "การบุก" "การบุกจะเริ่มตั้งแต่แนวรับ และจะเน้นไปที่การคุมเกม เขาใช้ผู้เล่นหนุ่มชาวนอร์เวย์ในทีม และไม่เคยกลัวที่จะทดสอบผู้เล่นเด็ก ๆ ที่มีพรสวรรค์ และแผนการเล่นของเขาก็ปรับเปลี่ยนได้เช่นกัน ครั้งหนึ่งผมเคยเล่นกับทีมของเขา และโอเล่ก็ได้ปรับแผนระหว่างเกมด้วย"
สอดรับกับความเห็นของ ปีเตอร์ โอเด็มวิงกี้ กองหน้าที่เคยเป็นลูกทีมของกุนซือวัย 45 ปีที่บอกว่า สิ่งที่ตนรู้สึกได้คือ เขาไม่ใช่โค้ชที่เล่นเกมรับ และตอนนี้ โซลชามีผู้เล่นที่ต่างออกไปจากสมัยคุมคาร์ดิฟฟ์ ที่พร้อมจะเล่นเกมรุกแบบที่ต้องการ "เขาจะย้ำให้ผู้เล่นรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของสโมสร เขาเคยเป็นกองหน้าตัวเลือกอันดับที่4 ของสโมสร ซึ่งจะช่วยให้ผู้เล่นดาวรุ่งแสดงศักยภาพที่ดีที่สุดออกมาเพื่อคว้าโอกาสให้ได้ขณะที่เล่นอยู่กับทีม" อย่างไรก็ตามแม้การคุมทีมระดับสูงของโซลชา จะไม่มีผลงานประจักษ์เด่นชัด แถมคุมคาร์ดิฟฟ์เพื่อจะพาทีมให้รอดตกชั้น แต่พาตกชั้นเองซะอีก หลายคน อาจจะมองว่ามือยังไม่ถึง และอาจจะเป็นเพียงได้แบบไรอัน กิ๊กส์ ที่เข้ามารับงานชั่วคราวสั้น ๆ ต่อจาก เดวิด มอยส์ ก่อนจะส่งต่อตำแหน่งกุนซือให้กับโค้ชคนใหม่เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล แต่การถูกเปลี่ยนตัวลงมาเป็นซูเปอร์ซับในครั้งนี้ เป็นอีกครั้งหนึ่งที่สโมสรไว้ใจให้เขาสร้างปาฏิหาริย์อีกครั้ง ในแบบเดียวกับที่เขาทำได้ในสมัยนักเตะ ลูกยิงทริปเปิ้ลแชมป์ พรีเมียร์ลีก, เอฟเอคัพ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 1999 คืนวันอันหอมหวาน เสียงเชียร์จากแฟนบอลที่ตะโกนลุกเฮ ดีใจหลังจากเขายิงประตูได้ทั้ง 126 ครั้ง คือ ความสุขที่เพชฌฆาตหน้าทารกสร้างให้กับเหล่าเร้ด อาร์มี่ในสมัยที่เขาเป็นผู้เล่น แต่โซลชาจะสร้างรอยยิ้ม ความตื่นตาตื่นใจ เสียงเชียร์ดัง ๆ ให้กลับมายังโอลด์แทรฟฟอร์ดได้อีกหรือไม่ในวันที่เขาถูกเปลี่ยนตัวลงมาเป็นกุนซือคนใหม่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงต้องรอให้พิสูจน์ฝีมือ เรื่อง: rushdcplus
