พี สะเดิด: จาก “จี่หอย” สู่เอเรนแห่งตำนานนักดนตรีพันธุ์ใหม่

พี สะเดิด: จาก “จี่หอย” สู่เอเรนแห่งตำนานนักดนตรีพันธุ์ใหม่
“นายเองก็เป็น พี สะเดิด ได้นะ” . คงไม่เป็นการดีนักหากใครซักคน โดยเฉพาะชาวเน็ต เอาหน้าของเราไปเทียบกับหน้าของตัวการ์ตูน จะด้วยความเอ็นดู อยากหยอกล้อ หรือว่าด้วยความรักก็ตาม ยิ่งผู้ที่ถูกเทียบใบหน้าเป็นศิลปินร็อครุ่นใหญ่ที่ถือหลักไมล์ในวงการบันเทิงไม่ใช่น้อย ๆ ถูกชาวเน็ตหยอกล้อต่อกระซิบว่าเขามีใบหน้าละม้ายพระเอกการ์ตูนที่คนละรุ่นคนละสมัยยิ่งไม่น่าจะเป็นที่ถูกใจแน่ ๆ หากแต่ศิลปินเพลงท่านนี้กลับสนุกไปกับการหยอกล้อนั้น และถึงขั้นเอาตัวละครนั้นมาแต่งเป็นเพลง จนผลตอบรับกลายเป็นการสร้างฐานแฟนคลับใหม่ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ เราขอพาคุณผ่าพิภพตำนานร็อกอีสานของเมืองไทยกับ ผู้ชายที่ชื่อว่า พี สะเดิด ก่อนเข้าวงการ พีรพัฒน์ สวัสดิ์มูล หรือ พี สะเดิด ไม่ได้มีอดีตที่หวือหวามากนัก เขาเป็นเด็กหนุ่มธรรมดาจากเมืองขอนแก่นที่ชอบดนตรีและศิลปะเป็นชีวิตจิตใจ แม้จะมีรางวี่รางวัลที่ได้มาในสายประกวดอยู่บ้าง แต่ความฝันที่จะเป็นศิลปินชื่อดังก็เป็นเพียงสิ่งฝันที่เกินเอื้อมคว้าสำหรับเด็กผู้ชายคนหนึ่ง หลังจากจบปวช. พีก็เลิกเรียน และตระเวนร้องเพลงตามร้านอาหารต่าง ๆ รวมไปถึงรับจ้างทำงานสารพัดตามความสามารถของเขา ความใจสู้ไม่ยอมแพ้แถมยังมีฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ แสงแห่งความหวังก็สาดใส่เขา เมื่อมีแมวมองเล็งเห็นในความสามารถบนเวทีรอบด้าน ชักชวนเขาเข้าสู่วงการดนตรีอย่างจริงจัง ในยุคสมัยที่เพลงเพื่อชีวิตกำลังมองหาแนวทางใหม่ ปี 2541 วงร็อคสะเดิดก็ถือกำเนิดขึ้นด้วยการผสมผสานดนตรีสามช่า/หมอลำ ด้วยภาพลักษณ์โฉบเฉี่ยวแบบศิลปินร็อคร่วมสมัย จนเกิดเป็นอัลบั้ม “ร็อคตลาดแตก” ที่ดังเป็นปรากฏการณ์สำคัญแห่งโลกหมอลำ บทเพลงอย่าง สาวซำน้อย / ซิ่งสะเดิด / มันมากับความเมา กลายเป็นเพลงเอกที่ทำให้หน้าฮ้านฝุ่นตลบไปด้วยความมันและความเมา วงร็อคสะเดิดกลายเป็นวงงานชุกเดินสายไปทั่วทุกสารทิศ พี นักร้องนำไม่เคยทำให้คนมาดูต้องผิดหวัง กับบทเพลงร็อคเขย่าลูกคอตลอด 4 ปี 4 อัลบั้ม สามารถทำยอดขายถึง 5 ล้านตลับ นับเป็นปรากฏการณ์ที่แม้แต่ค่ายใหญ่ยังมองตาปริบ ๆ แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ร็อคสะเดิด สิ้นสุดสัญญากับค่าย PGM ก่อนที่เขาจะเลือกเส้นทางดนตรีสายใหม่ในฐานะศิลปินเดี่ยวกับค่ายใหญ่ แกรมมี่ โกลด์ เปลี่ยนชื่อเป็น พี สะเดิด เปิดตัวด้วยอัลบั้ม ชุดที่ 1 หนอนเฝ้าไห แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมมากนัก จนอัลบั้มชุดที่ 2 คนบ่มียี่ห้อ พี ก็สร้างปรากฏการณ์ไปกับเพลงอย่าง สาวกระโปรงเหี่ยน ทำให้ชื่อเสียงขจรขจายในวงกว้างทันที และภาพลักษณ์ชายหนุ่มผมยาว ผ้าขาวมาคาดหน้าผาก กลายเป็นเครื่องหมายการค้าเฉพาะตัวก็เกิดขึ้นในอัลบั้มชุดที่ 4 จิ๊กโก๋นำเข้า ที่มีเพลงฮิตอย่าง รักคนโทรมาจังเลย / ความต้องการทางแพทย์สูง ส่งผลให้ พี สะเดิด ขึ้นหม้อในฐานะศิลปินร็อคอีสานที่เคียงบ่าเคียงไหล่ศิลปินในสังกัดอย่าง ไมค์ ภิรมย์พร หรือ แช่ม แช่มรัมย์ ได้อย่างสบาย เหมือนกราฟชีวิตของเขาจะมีแต่ขึ้น แต่หารู้ไม่ว่าตลอดชีวิตบนถนนสายดนตรี พี สะเดิด เต็มไปด้วยขวากหนามมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการติดสุราเรื้อรัง/มีก้อนเนื้อที่เชื้อร้ายที่ก่อตัวเป็นมะเร็งเต้านม/มีหนี้เป็นล้าน ๆ แต่ทุกอย่างก็คลี่คลายเมื่อเขาหันหน้าเข้าวัดและปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง จนได้รับการขนานนามว่าร็อคเกอร์สายบุญ ที่ว่างจากการทัวร์เมื่อไหร่ก็จะเดินสายทำบุญทั้งในและนอกประเทศ แม้จะมีข่าวที่ทำให้เขาขุ่นข้องหมองใจบ้างไม่ว่าจะเป็นการโกงเงินค่าทำบุญ หรือแม้กระทั่งการซุกลูกไม่ให้สังคมรู้ หรือข่าวที่ออกจากค่ายที่หล่อเลี้ยงเขามาตลอดอย่าง แกรมมี่โกลด์ เพื่อมาเป็นศิลปินอิสระก็ทำให้เขาต้องพบเรื่องปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่สม่ำเสมอ แต่สุดท้ายความดีของเขาก็ชนะในทุกข้อครหา เพราะเขาเชื่อมั่นในธรรมดี ทำให้นักร้องฉายา "ตำนานร็อกอีสานของเมืองไทย" รอดพ้นในทุกคดี พี สะเดิด: จาก “จี่หอย” สู่เอเรนแห่งตำนานนักดนตรีพันธุ์ใหม่ เมื่อโลกผันเปลี่ยนมาสู่ยุคโซเชียลเน็ตเวิร์ค พี สะเดิด ถึงแม้จะไม่ได้สังกัดในค่ายใหญ่แล้ว แต่เขาเองก็ยังคงเดินหน้าทำเพลงต่อไป และการได้ทำงานอย่างอิสระกลับเป็นผลดีที่ทำให้เขาได้ทดลองสร้างสิ่งใหม่ ๆ แม้ภาพจำของใครต่อใครจะมองเขาจะเป็นศิลปินลูกทุ่ง แต่กีตาร์ไฟฟ้าที่ติดตัวเขาเสมอมาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสัดส่วนหนึ่งในนั้นของเขาคือศิลปินร็อคที่เต็มเปี่ยมไปด้วยฝีมือ หลายครั้งเขาโชว์ฝีมือจนแทบลืมภาพของศิลปินลูกทุ่ง ที่เห็นชัดเจนที่สุดคือการไปออกรายการ The Mask Singer เมื่อปี พ.ศ.2560 ในฐานะหน้ากากแมลง ที่ขับขานเพลง เพื่อเธอ และเพลง Sweet Child O' Mine ของ Gun N’ Roses ได้อย่างเซอร์ไพรซ์และทรงพลัง 2 เพลงนี้ได้นำพาไปสู่การปลดล็อกครั้งสำคัญ เมื่อเขาหันเหตัวเองเป็นศิลปินร็อคที่โชว์ฝีมือทางดนตรีอย่างจัดจ้าน บทเพลงอย่าง จำปา หรือว่า อยากกอดเธอ นับได้ว่าเป็นบทเพลงป็อปทรงพลังที่มีกลิ่นอายสำเนียงป็อปร็อคมากกว่ากลิ่นที่คุ้นเคยอย่างลูกทุ่งสามช่าไปแล้ว แม้ภาคดนตรีจะคลี่คลายไปสู่ความเป็นป็อปร็อค แต่สิ่งที่ทำให้ พี สะเดิด ถูกพูดถึงในวงกว้าง กลับไม่ได้มีเพียงแค่เพลงอีกต่อไป เมื่อภาพลักษณ์ของเขานั้นกลับไปคล้ายเหมือนกับพระเอกของการ์ตูนชื่อดังแห่งยุคหลายต่อหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น นารูโตะ หรือ วันพีซ แต่ที่ละม้ายคล้ายที่สุดกลับเป็นการ์ตูนเรื่อง “Attack on Titan” หรือ “ผ่าพิภพไททัน” กับความละม้ายที่ดันไปคล้ายกับ 'เอเรน เยเกอร์' ตัวนำของเรื่องที่ต้องการปลดแอกจากการปกครองของยักษ์ในนาม ไททัน จนเหล่ามนุษย์ต้องก่อกำแพงเพื่อสกัดกั้นไม่ให้เหล่าไททันบุกถล่มมาได้ แม้เนื้อเรื่องของการ์ตูนจะดูเคร่งเครียด แต่ในโลกของทวิตเตอร์เมื่อมีมือดีเอารูปของพระเอกมาเทียบกับ พี สะเดิด กลับสร้างรอยยิ้มและกระแสได้อย่างเกรียวกราว พี สะเดิด: จาก “จี่หอย” สู่เอเรนแห่งตำนานนักดนตรีพันธุ์ใหม่ แม้ชื่อเสียงที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน จะเป็นการบ่งบอกความเก๋าของตัว พี สะเดิด ที่สมควรจะโมโหเมื่อเขาถูกเอาไปล้อเป็นมีมต่าง ๆ แต่ตรงกันข้าม เมื่อพี เลือกที่จะสนุกไปกับกระแสครั้งนี้ โดยเขาได้รีทวิตภาพมีมต่าง ๆ ที่เหล่า FC รุ่นใหม่ได้บรรจงเทียบเขากับคาแรกเตอร์ตัวการ์ตูนต่าง ๆ จนเกิดแฮชแทก #นายเองก็เป็นพีสะเดิดได้นะ(ซึ่งเอามาจากหนังสือการ์ตูน มายฮีโร่ อคาเดเมีย) ที่เหล่าวัยรุ่นเจนฯ ใหม่ ต่างพากันแต่งตัวเป็น พี สะเดิด ถ่ายรูปลงโซเชียลกันอย่างครึกโครม ผ้าขาวม้าโพกหัวที่มาจากความบังเอิญเมื่อเขาออกคอนเสิร์ตแล้วเหงื่อท่วมหน้า กลับกลายเป็นแฟชั่นอินเทรนด์คนยุคนี้ไปได้อย่างเหลือเชื่อ แต่ที่สร้างความเซอร์ไพรซ์ให้อย่างที่สุด เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม เมื่อ พี สะเดิด ทวีตข้อความว่า “กำลังคิดว่าถ้า Follower ถึง 1000 จะแต่งเพลง เขาเรียกผมว่าเอเรน ซักเพลง #พีสะเดิด #พูดลอยๆ” และเมื่อข้อความนี้ปรากฏขึ้น เหล่าสาวกต่างพากันรีทวิตกันอย่างคับคั่ง จากความสนุกแซว ๆ ในโลกโซเชียลมีเดียกลับกลายเป็นความจริงจัง เมื่อเขาได้แต่งเพลงพร้อมทั้งถ่าย MV เขาเรียกผมว่าเอเรน และปล่อยลง YouTube ในวันที่ 18 กันยายน จากที่หลายคนคิดว่าเพลงจะสนุกสนานขำขันแบบเพลง จี่หอย แต่ตรงกันข้าม เพลงนี้กลับกลายเป็นเพลงบัลลาดแบบ J-Rock ที่เนื้อเพลงเคร่งขรึมจริงจัง เป็นอีก 1 ครั้ง ที่ พี สะเดิด สร้างเซอร์ไพรซ์ผ่านบทเพลง เนื้อหาคือเพลงที่ให้กำลังใจ ให้ลุกขึ้นต่อสู้กับความมืดดำที่กัดกินในหัวใจ เขาเรียกผมว่าเอเรน เอเรนที่ใคร ๆ ศรัทธา เขาเรียกผมให้ลุกขึ้นมา จากโลกใบนั้นที่เคยมืดดำ จากโลกใบนั้นที่เคยฝันร้าย ผลของการสร้างสรรค์นำไปสู่การขึ้นเทรนด์อันดับ 1 ของ YouTube หลายคนเปิดเพลงนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนปัจจุบัน ยอดวิวผ่านไปแล้ว 3.2 ล้าน หลายคนแนะนำเทคนิคให้ลองฟังในสปีด 1.5X จะได้อีกอรรถรสของเพลง ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน จากวงร็อคสะเดิด สู่การเป็นศิลปินเดี่ยว และกลายร่างเป็นมีมล่าสุดของโลกโซเชียลฯ บ่งบอกถึงความไม่หยุดอยู่กับที่ของผู้ชายคนนี้ มันคือการทลายกำแพงที่มักก่อตัวของศิลปินรุ่นใหญ่ ให้กลายเป็นการเคลื่อนไหวไปตามกระแสที่ไม่หยุดนิ่ง และการก่อร่างสร้างความเปลี่ยนแปลง ไม่ยึดติดกับภาพลักษณ์เดิม ๆ และพร้อมทะเยอทะยานกับการเปลี่ยนผ่านของยุคสมัย เปลี่ยนผู้ชายคนนี้ให้กลายเป็นฮีโร่ในใจของเด็กรุ่นใหม่ และเขาคือเอเรนแห่งโลกของดนตรีที่ทรงพลังและยิ่งใหญ่ไปอีกนานแสนนาน เอเรน...ซาซาเกโย