ไพรัช แก้วมณี: จากรั้วแกร่งปลายด้ามขวาน สู่ปลัดผู้สร้างรอยยิ้มแก่คนในอำเภอ

ไพรัช แก้วมณี: จากรั้วแกร่งปลายด้ามขวาน สู่ปลัดผู้สร้างรอยยิ้มแก่คนในอำเภอ
“ดีใจที่ได้กลับมาพัฒนาบ้านตัวเอง เพราะที่ผ่านมาเราไปปฏิบัติงานในพื้นที่อื่น ๆ ตลอด ก็น่าจะถึงเวลาแล้วที่ต้องกลับมาพัฒนาพื้นที่ของจังหวัดตัวเอง และหลังจากนี้ก็น่าจะย้ายไปที่อื่นเพื่อไปพัฒนาที่อื่นต่อ” ประโยคกลั้วเสียงหัวเราะของหมวดเอกไพรัช แก้วมณี วัย 39 ปี กำลังพูดถึงเส้นทางชีวิตก่อนหวนคืนสู่ถิ่นเกิด เพื่อกลับมาบรรจุเป็นปลัดอำเภอที่อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา พร้อมกับบทบาทเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานทางด้านความมั่นคง ดูแลพื้นที่ติดชายแดนประเทศมาเลเซีย 4 อำเภอ คือ นาทวี เทพา จะนะ และสะบ้าย้อย  “ตอนนี้นายอำเภอนาหม่อมมีนโยบายจัดตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองขึ้น ซึ่งจะมีการฝึกและอบรมพัฒนาศักยภาพของสมาชิก อส. (กองอาสารักษาดินแดน) กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ ชรบ. (ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน) ในพื้นที่ แล้วก็จะมีการจัดอบรมสมาชิก อส. สำรอง เพื่อเสริมเขี้ยวเล็บให้กับฝ่ายปกครองในการปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย และบังคับใช้กฎหมายในอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง” ไพรัช แก้วมณี: จากรั้วแกร่งปลายด้ามขวาน สู่ปลัดผู้สร้างรอยยิ้มแก่คนในอำเภอ หมวดเอกไพรัช เล่าถึงหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นปฏิบัติการเชิงรุกลงพื้นที่ เนื่องจากเคยเป็นนักเรียนจ่านาวิกโยธินอยู่ 2 ปี แล้วเข้ารับราชการหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ประจำการที่จังหวัดนราธิวาสจนได้รับยศจ่าเอก ก่อนจะเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จนจบนิติศาสตรบัณฑิต แล้วหันเหเส้นทางชีวิต สอบเข้าเพื่อบรรจุเป็นปลัดอำเภอที่อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง ตั้งแต่ปี 2556 “เรารู้สึกว่าการเป็นปลัดอำเภอมีบทบาทในหลาย ๆ ด้าน ทั้งการป้องกัน ปราบปราม และด้านมวลชน คือได้ช่วยเหลือประชาชน และเข้าถึงประชาชนมากกว่า” แต่ด้วยทักษะทางการทหารที่มีอยู่เต็มตัว หลังเป็นปลัดอำเภอได้เพียง 1 ปี ก็มีคำสั่งให้ย้ายมาประจำหน้าที่เป็นผู้บังคับการ กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดระนองที่ 1 (ร้อย.อส.จ.รน.1) หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน ในการปฏิบัติหน้าที่ทั้งทางบก และน่านน้ำที่มีแนวชายแดนติดกับเมียนมา โดยสมาชิก อส. ทุกคนต้องฝึกปฏิบัติงานทางทะเล เช่น การขับเรือ การเข้าตรวจค้น การลาดตระเวนในทะเล การดูแลนักท่องเที่ยว และช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล  “ปี 2561 พื้นที่เกาะสินไหมีบ้าน 26 หลังคาเรือน ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม เราก็ได้จัดสมาชิก อส. เข้าไปช่วยซ่อมแซม พอปี 2562 มีบ้านเรือนเสียหายที่เกาะสินไหอีกเช่นเดียวกัน จำนวน 23 หลังคาเรือน และในปี 2563 ที่ผ่านมา น้ำท่วมที่เกาะคณฑี บ้านเรือนเสียหาย 22 หลังคาเรือน” เพราะระนองเป็นจังหวัดที่มีชายฝั่งติดทะเลอันดามัน ทำให้ชาวบ้านต้องประสบกับภัยพิบัติในฤดูมรสุมกันทุกปี หน้าที่ของหมวดเอกไพรัช จึงเป็นการนำเหล่า อส. เข้าไปช่วยเหลือชาวบ้าน ทั้งซ่อมแซมบ้านเรือน และสร้างห้องน้ำให้คนแก่และผู้พิการ ให้ชาวบ้านมั่นใจว่าเหล่า อส. และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง จะอยู่เคียงข้างเพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขพวกเขาตลอดเวลา แม้ในยามที่ยากลำบากที่สุด ไพรัช แก้วมณี: จากรั้วแกร่งปลายด้ามขวาน สู่ปลัดผู้สร้างรอยยิ้มแก่คนในอำเภอ ช่วงการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา กองอาสารักษาดินแดนก็มีอีกหนึ่งบทบาทที่เพิ่มเข้ามาคือ ปฏิบัติการสกัดกั้นการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยเฉพาะบริเวณแนวชายแดนทางทะเลไทย-เมียนมา ทีม อส. จึงจัดตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษลาดตระเวนชายแดนทางทะเล หรือชุด ‘อส. สมุทร’ ขึ้น ประจำอยู่ที่เกาะคณฑี และจัดกองกำลังลาดตระเวนร่วมกับตำรวจน้ำและทหารเรือ  นอกจากต้องลาดตระเวนน่านน้ำบนสปีดโบ๊ททุกวันแล้ว สมาชิก อส. ยังคงทำหน้าที่อย่างเต็มกำลัง ด้วยการออกหน่วยดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ทั้งช่วยทำความสะอาด ฉีดยาฆ่าเชื้อ วัดไข้ให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว ส่งมอบถุงยังชีพ เครื่องอุปโภคบริโภค และอุปกรณ์ป้องกันการแพร่ระบาดให้แก่ชาวบ้านทุกคน แม้ขณะนี้หมวดเอกไพรัชจะย้ายมาประจำการ ณ ถิ่นเกิดที่ภาคภูมิใจ แต่เขาก็ได้รับรางวัลชมเชยปลัดอำเภอดีเด่น โครงการปลัดอำเภอแหวนทองคำ พ.ศ. 2563 ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าครั้งหนึ่งเขาเคยเป็น ‘เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ ที่ทำการปกครองจังหวัดระนอง’ ผู้สร้างความสุข และเติมเต็มรอยยิ้มบนใบหน้าของชาวบ้านทุกคนในชุมชนตลอดการทำงานที่นั่น ไพรัช แก้วมณี: จากรั้วแกร่งปลายด้ามขวาน สู่ปลัดผู้สร้างรอยยิ้มแก่คนในอำเภอ “รู้สึกภูมิใจที่เราได้มายืนในจุดนี้ ได้มาช่วยเหลือพี่น้องประชาชน เราตั้งใจตั้งแต่ตอนเข้ามาเป็นปลัดอำเภอใหม่ ๆ เราพยายามสร้างภาพลักษณ์ใหม่ ๆ ให้กับกรมการปกครองว่า ยามที่พี่น้องประชาชนเดือดร้อน จะต้องนึกถึงปลัดอำเภอ นึกถึงกรมการปกครองเป็นอันดับแรก” ถึงวันข้างหน้าปลัดคนเก่งอาจต้องย้ายไปพัฒนาพื้นที่อื่น แต่เขาก็ยังยึดมั่นในเป้าหมายที่ตั้งไว้ และจะคงอยู่ตลอดไป ไม่ว่าจะไปปฏิบัติหน้าที่ที่อำเภอหรือจังหวัดไหน จะบนผืนดินหรือสุดเขตน่านน้ำ  “เราตั้งเป้าหมายไว้ว่าอยากจะอยู่กับพี่น้องประชาชนให้มากที่สุด อยากจะช่วยเหลือดูแลพี่น้องประชาชน ตามกำลังความสามารถที่เรามี “เรารู้ว่าพี่ ๆ น้อง ๆ ปลัดอำเภอ เจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง และข้าราชการฝ่ายปกครองทุกท่าน ปฏิบัติหน้าที่กันดีอยู่แล้ว แต่อยากให้เรารักษาเกียรติและศักดิ์ศรีฝ่ายปกครอง เพื่อที่ยามใดประชาชนเดือดร้อน เขาจะคิดถึงเราเป็นอันดับแรก ทำอย่างไรก็ได้ให้เราเข้าไปนั่งอยู่กลางใจประชาชน ให้ประชาชนเขาไว้ใจเรา” เรียบเรียง: ศุภจิต ภัทรจิรากุล