“ผมไม่ใช่ลูกคุณหนู” ชีวิต ‘ปลื้ม’ สุรบถ หลีกภัย ในวันลงการเมืองจริง สมฉายา ‘มีดโกนน้อย’ ไหม?

“ผมไม่ใช่ลูกคุณหนู” ชีวิต ‘ปลื้ม’ สุรบถ หลีกภัย ในวันลงการเมืองจริง สมฉายา ‘มีดโกนน้อย’ ไหม?

‘ปลื้ม’ สุรบถ หลีกภัย ทายาทของ ชวน หลีกภัย นักการเมืองรุ่นใหญ่ฉายา ‘มีดโกนอาบน้ำผึ้ง’ ก้าวสู่ถนนสายการเมืองในฐานส.ส. จนได้ ต้องจับตาดูว่าเขาจะสมกับฉายา ‘มีดโกนน้อย’ ที่ผู้คนตั้งให้เขาไหม?

  • ‘ปลื้ม’ สุรบถ หลีกภัย รายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์
  • คอการเมืองจดจำ ‘ปลื้ม’ สุรบถ ได้ตั้งแต่เรื่องความชื่นชอบเลี้ยงงูในวัยเด็ก มาจนถึงบทบาทนักธุรกิจ และทำรายการวัยรุ่นอย่าง VRZO 

14 ปีที่แล้ว ปลื้ม - สุรบถ หลีกภัย นักศึกษาปี 3 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ให้สัมภาษณ์ Who? Magazine ถึงอนาคตหลังเรียนจบ จะขอไปทำหน้าที่เลขานุการส่วนตัวของพ่อ (ชวน หลีกภัย) เมื่อถึงวัย 25 ปี ก็ตั้งใจจะลงสมัคร ส.ส.ตรัง เขต 1 เดินตามรอยพ่อ

เมื่อเรียนจบ ปลื้มเข้ามาโลดแล่นในแวดวงบันเทิงอยู่ระยะหนึ่ง จึงมีคำถามว่า เขาเลิกสนใจการเมืองแล้วหรือ? เขาตอบชัดเจนว่า “เรื่องการเมืองเป็นสิ่งที่ผมสนใจมาตลอดครับ เป็นความถนัดที่สุดของผม”

ความฝันกับจังหวะชีวิตอาจไม่สอดคล้องกัน จวบจนถึงวัย 36 ปี ปลื้มจึงได้เข้าสภาฯ ในฐานะ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งอายุสภาชุดนี้ มีเวลาเหลืออยู่ประมาณ 2 เดือนเท่านั้น ก็จะครบวาระ 4 ปี (หากไม่มีการยุบสภาฯ ไปก่อน)

ปลายปี 2561 สุรบถ หลีกภัย ตัดสินใจทำงานการเมือง และร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์อย่างเต็มตัว ซึ่งทางพรรคได้ส่งปลื้มลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 33 แต่ไม่ได้เป็น ส.ส. เนื่องจากพรรค ปชป.ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเพียง 20 ที่นั่ง หลังจากชวน หลีกภัย ได้รับเลือกเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร สุรบถจึงได้ไปอยู่ในคณะทีมงานของประธานรัฐสภา

ลูกพ่อชวน

สุรบถ หลีกภัย เป็นบุตรชายคนเดียวของชวน หลีกภัย กับภักดิพร สุจริตกุล จึงเป็นที่รู้จักของผู้คนในสังคมมาตั้งแต่ยังเล็ก ๆ อีกอย่าง แม่ปุ๊ย ภักดิพร มักพูดคุยกับสื่ออยู่เป็นระยะ

ชื่อ ‘สุรบถ’ แปลว่า ท้องฟ้า เป็นชื่อพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องจากภักดิพร ผู้เป็นมารดาได้ขอพระราชทานจากพระองค์ท่าน ในฐานะที่ทรงเป็นสหายร่วมชั้นเรียนมาด้วยกันในโรงเรียนจิตรลดา

ช่วงวัยเด็กของปลื้ม จะอยู่กับแม่ปุ๊ยเป็นหลัก จากชั้นอนุบาลจากโรงเรียนจิตรลดา, ประถมศึกษาโรงเรียนสาธิต มศว.ประสานมิตร, มัธยมศึกษาจากโรงเรียนสาธิต มศว.ปทุมวัน ไปจบ ม.ปลาย ไกลถึงโรงเรียนพร้าววิทยาคม จ.เชียงใหม่

“ผมไม่ใช่ลูกคุณหนู ไม่ได้มีอภิสิทธิ์พิเศษอะไร ไม่ได้เติบโตมาแบบสบาย คุณพ่อจะสอนตลอด ถ้าคนอื่นติดดิน เราต้องลงไปคลุกกับโคลนเลย”

การเลี้ยงลูกแบบชวน หลีกภัย ก็ไม่ต่างสมัยที่แม่ถ้วนเลี้ยงลูก ๆ เน้นประหยัดมัธยัสถ์ ปลื้มเคยยกตัวอย่างกรณีพ่อเคยให้สมุดวาดภาพจากงานวันเด็กว่า

“ผมเล่นทุกวันจนหมดทุกหน้า ไปขอคุณพ่อ ผมอยากได้เล่มใหม่ เพราะเล่นหมดแล้ว คุณพ่อไม่พูดอะไร หยิบยางลบมาลบตั้งแต่หน้าแรกจนหน้าสุดท้าย ให้เล่นใหม่ จะเอาเงินไปใช้อะไร ต้องดูว่า คุ้มค่ากับเงินก้อนนั้นมั้ย บางทีเงินก้อนนั้นหากเอาไปทำอีกอย่างจะมีคุณค่ามหาศาลมากกว่า”

อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ปลื้มเรียนมหาวิทยาลัย พ่อชวนได้ให้รถมินิออสติน ที่เคยใช้มากว่า 30 ปี “ผมก็คิดว่า น่าจะเป็นมรดกชิ้นหนึ่งที่คุณพ่อรักมาก แต่เอามาให้ปลื้มใช้..”

ด้วยเหตุที่แม่ปุ๊ย รู้จักมักคุ้นกับสื่อมวลชนสายไฮโซไซตี้ จึงมีเรื่องไลฟ์สไตล์ของปลื้ม ปรากฏเป็นข่าวมาต่อเนื่อง เช่น ตอนเด็กชอบเลี้ยงงู พอโตขึ้นก็หันมาเลี้ยงวัว กระต่าย และสุนัข

 

มีดโกนน้อย

ฉายา ‘มีดโกนน้อย’ สำหรับสุรบถ หลีกภัย น่าจะมาจากการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเมือง ช่วงปี 2552-2553 ซึ่งเวลานั้น อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี และสุรบถ ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยโฆษกกระทรวงวัฒนธรรม

จังหวะนั้น การเมืองขั้วสีมีความรุนแรง มีเสียงโจมตีพรรค ปชป. และชวน หลีกภัย มาจากฝั่งขั้วการเมืองตรงข้ามหนักมาก ปลื้มก็ตอบโต้ไปบ้าง

สื่อมวลชนจึงให้ฉายา ‘มีดโกนน้อย’ ล้อไปกับฉายา ‘มีดโกนอาบน้ำผึ้ง’ ของพ่อชวน โดยประโยคหนึ่งที่มักอ้างถึงอยู่บ่อย ๆ กรณีที่ปลื้มจะเล่นการเมือง

อย่างช่วงการหาเสียงเลือกตั้งปี 2554 ปลื้ม ไม่ได้ลงสมัคร ส.ส.เพราะยังสนุกกับรายการทางช่องยูทูบ ได้ตวัดมีดโกนน้อยวิจารณ์การเมืองว่า “การเมืองเป็นสิ่งสกปรก คุณพ่อเคยพูดในสภาว่า นักการเมืองในสภาเกินครึ่งซื้อเสียง”

“ถ้าผมเป็นน้ำใหม่ เป็นน้ำใสปิ๊งในถ้วยกาแฟหนึ่งแก้ว แต่ถ้าผมไปเล่นการเมืองร่วมกับโอ่งใหญ่ ๆ ที่น้ำในโอ่งเป็นน้ำเน่าหมดเลย มันก็เป็นไปตามหลักของน้ำที่น้ำน้อยย่อมกลายเป็นส่วนหนึ่งของน้ำมาก”

“ถ้าผมต้องเข้าไปอยู่ในกลุ่มของน้ำเก่า ผมต้องเข้าไปอยู่ในวงจรอุบาทว์ ผมก็ไม่คิดจะเข้าไป ผมไปเป็นคนกวาดถนนดีกว่า”

จริง ๆ แล้ว ปลื้มมีแววนักการเมืองตั้งแต่เรียน ม.ปลาย อยู่เชียงใหม่ ซึ่งครั้งหนึ่ง ไปช่วยพ่อชวนหาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 1 พรรค ปชป. เปิดเวทีปราศรัยที่ตลาดสันป่าข่อย หน้าค่ายกาวิละ มณฑลทหารบกที่ 33 อ.เมือง จ.เชียงใหม่

หลังพ่อชวนขึ้นเวทีปราศรัยเสร็จเรียบร้อย ก็ถึงคิวปลื้มขึ้นเวที แล้วพูดว่า “พ่อก็ซื้อเสียง” ชาวบ้านที่นั่งฟังอยู่ก็ตกใจ แต่เมื่อได้ฟังจนจบก็หัวเราะชอบใจ

“พ่อใช้ใจซื้อเสียง..ปลื้มก็ขอร้องให้ชาวเชียงใหม่เปลี่ยนอุดมการณ์ใหม่ อย่าให้เงินซื้อได้ทุกอย่าง หันมาใช้ใจซื้อเสียงจะดีกว่า”

ว่ากันว่า แม่ค้าพ่อค้าในตลาด พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สมกับเป็นปลื้มลูกนายชวน วาจาคมคายเหมือนพ่อ

 

ไม่คิดเป็นดารา

ช่วงปี 2553-2559 ปลื้ม - สุรบถ หลีกภัย กลับมาโดดเด่นในมาดนักธุรกิจรุ่นใหม่ ผู้บุกเบิกรายการเกี่ยวกับวัยรุ่น และมีชื่อเสียงจากรายการอย่างวีอาร์โซ (VRZO) บนแพลตฟอร์มยูทูบ โดยเน้นปัญหาวัยรุ่น ที่ไม่เกี่ยวกับการเมือง

เนื่องจากปี 2553 ปลื้มได้ตำแหน่งโฆษกกระทรวงวัฒนธรรม และเวลานั้น ปลื้มได้รวมตัวกับเพื่อนกลุ่มหนึ่ง คิดทำรายการวีอาร์โซ โดยมีแนวคิดมาจากการที่เห็นวัยรุ่นมีการตั้งกระทู้ปัญหาในเว็บบอร์ด แต่ปลื้มคิดว่า ข้อแนะนำในเว็บบอร์ด ก็แนะนำวัยรุ่นไปในทางที่ผิด จึงคิดอยากทำรายการทีวีเพื่อแนะนำวัยรุ่นขึ้นมา

ถึงรายการวีอาร์โซจะทำให้ปลื้ม - สุรบถ ลูกชายชวน หลีกภัย มีชื่อเสียง แต่เขาก็ยืนยันในความเป็นปลื้ม “ผมไม่เคยแนะนำตัวเองว่า ผมปลื้ม สุรบถ หลีกภัย แต่ผมจะแนะนำตัวเองว่าปลื้ม รับหน้าที่ดำเนินรายการ”

ปลื้มไม่อยากให้รายการนี้ มีผลกระทบไปถึงพ่อชวน

รายการวีอาร์โซ ยังทำให้ปลื้มเข้าพิธีแต่งงานกับ ทับทิม - มัลลิกา จงวัฒนา พิธีกรร่วมในรายการวีอาร์โซ เมื่อปี 2555 แต่ความรักก็ยืนยาวเพียง 3 ปี ในที่สุดทั้งคู่ก็เลิกรากันไป ในปี 2559

ช่วงที่รายการวีอาร์โซได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง หลายคนคงคิดว่า ปลื้มจะหันเหไปสู่วงการบันเทิง แต่ปลื้มพูดชัดว่า “ผมไม่เคยคิดจะเป็นดาราแม้แต่นิดเดียว ผมคิดว่าผมไม่สามารถเป็นดาราได้”

วันที่ 26 ม.ค.2566 สุรบถ หลีกภัย ได้เข้ารายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) หลังจาก อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ลาออกจากตำแหน่ง ส.ส.พรรค ปชป. ตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. 2566

สำหรับอิสระ เป็นคณะทำงานใกล้ชิดของชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนฯ ที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบงานต่าง ๆ ของประธานสภาฯ โดยตลอด ซึ่งการลาออกครั้งนี้เพื่อเปิดทางให้ ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปขึ้นมาทำหน้าที่ ส.ส.บ้าง

ครั้งหนึ่ง ปลื้ม - สุรบถ เคยพูดว่า “ผมไม่คิดที่จะเจริญรอยตามพ่อของผม คุณพ่อผมอยู่พรรคไหน ก็ไม่ได้แปลว่าผมจะชอบพรรคนั้น” แต่การเมืองเป็นเรื่องโชคชะตา ปลื้ม ได้เป็นส.ส. สมกับที่รอคอยมาสิบกว่าปี

ปลื้มมองว่า นักการเมืองในอนาคตก็เหมือนโปรดิวเซอร์ ต้องคัดคนเก่งมาร่วมทำงาน ปลื้มมีสไตล์เป็นของตัวเอง จึงไม่หวั่น หากใครจะนำไปเปรียบเทียบกับพ่อ เพราะพ่อก็คือพ่อ

 

เรื่อง: ชน บทจร

อ้างอิง:

MGR Online

MGR Online (2)

คมชัดลึก

OK Nation