ทำเลทอง พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ และ จุฬา-สามย่าน ยอดจองพุ่ง

ทำเลทอง พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ และ จุฬา-สามย่าน ยอดจองพุ่ง

ออริจิ้น กวาดยอดขายงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 45 ได้ กว่า 550 ล้าน เซ็กเมนต์บนกำลังซื้อแกร่ง พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ และ จุฬา-สามย่าน นำทัพโกยยอด

“ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” ปลื้มออกบูธงาน มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 45 เพียง 4 วัน คว้ายอดขายกว่า 550 ล้าน แบรนด์คอนโดลักชัวรี พาร์ค ออริจิ้น นำทัพโกยยอดโดดเด่นทั้งทำเลจุฬา-สามย่าน และ ทองหล่อ ด้านแบรนด์ดิ ออริจิ้น-ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์-ไบรตัน-บริทาเนีย-แกรนด์ บริทาเนีย ปักหมุดหลากทำเลทอง โกยยอดคู่ขนาน ครึ่งแรกปี 67 ลุยเปิดคอนโดใหม่ต่อเนื่อง 6 โครงการ ครอบคลุมกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด ชูฟังก์ชัน Pet Family Condo เอาใจคนรักสัตว์ รับเทรนด์ Pet Humanization

นายอภิสิทธิ์ สุนทรชูเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ออริจิ้น เวอร์ติเคิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าวว่า จากการเข้าร่วมออกบูธงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 45 ณ​ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 21-24 มี.ค. ที่ผ่านมา บริษัทสามารถทำยอดขายบ้านและคอนโดมิเนียมรวมกัน คิดเป็นยอดขายรวมกว่า 550 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม ราว 67% และยอดขายจากโครงการบ้านจัดสรร ราว 33% โดยโครงการที่ได้รับกระแสตอบรับอย่างโดดเด่นภายในงาน คือ แบรนด์คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin) ใน 2 ทำเล ได้แก่ พาร์ค ออริจิ้น จุฬา-สามย่าน (Park Origin Chula-Samyan) และพาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ (Park Origin Thonglor)

ทำเลทอง พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ และ จุฬา-สามย่าน ยอดจองพุ่ง ทำเลทอง พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ และ จุฬา-สามย่าน ยอดจองพุ่ง

“แบรนด์พาร์ค ออริจิ้น ของเราทุกโครงการตั้งอยู่บนทำเลใจกลางเมือง ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียว และรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ซึ่งเป็น 2 สายหลักที่คนใช้เดินทาง มีฟังก์ชันห้องที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ มีพื้นที่ส่วนกลางหลากหลายและคุ้มค่า เช่น พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ มีพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่มากกว่า 50 รายการ พาร์ค ออริจิ้น จุฬา-สามย่าน มีพื้นที่สีเขียว และสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา เราจึงได้รับการตอบรับที่ยอดเยี่ยมจากกลุ่มลูกค้าที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยที่คุ้มค่า บนทำเลระดับ Prime Area ในงานครั้งนี้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นอกเหนือจากโครงการแบรนด์พาร์ค ออริจิ้น แล้ว โครงการแบรนด์อื่นๆ อาทิ ดิ ออริจิ้น (The Origin) ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play) ไบรตัน (Brighton) บริทาเนีย (Britania) และแกรนด์ บริทาเนีย (Grand Britania) ก็ยังได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค เนื่องจากบริษัทมีโครงการครอบคลุมหลายทำเล อาทิ พระราม 9 กรุงเทพกรีฑา ลาดพร้าว รามคำแหง แพรกษา บางนา คูคต ราชพฤกษ์  เมื่อประกอบกับการนำเสนอโปรโมชันผ่านแคมเปญ HAPPINESS CARAVAN คัดสรรสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ความต้องการจริง จึงช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคด้วย 


ด้านนายกฤษณ์​ เตชะสัมมา ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด บริษัท ออริจิ้น เวอร์ติเคิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ในครึ่งแรกปี 2567 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ จำนวน 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 10,430  ล้านบาท ครอบคลุมทำเลกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ชลบุรี และภูเก็ต ซึ่งโครงการที่เปิดตัวไปแล้วอย่างออริจิ้น เพลส เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ (Origin Place Taopoon Interchange) ก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากคนรุ่นใหม่ เนื่องจากตั้งอยู่ทำเลศักยภาพ ใกล้รถไฟฟ้าถึง 3 สาย ทั้งยังเป็นคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้ (Pet Family Condo) ที่มีฟังก์ชันตอบโจทย์คุณภาพชีวิตของทั้งคนและสัตว์เลี้ยง สอดคล้องกับเทรนด์ Pet Humanization ของผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ดูแลสัตว์เลี้ยงราวกับสมาชิกในครอบครัว 
 
ทั้งนี้ ออริจิ้น และบริทาเนีย ยังจัดโปรโมชัน “HAPPINESS CARAVAN” มอบความสุขให้ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 31 มี.ค. 2567 และเตรียมจัดงานอีเวนท์การตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นโอกาสในการเข้าถึงผู้บริโภค 
 
สำหรับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 159 โครงการ (ณ สิ้นไตรมาส 4/2566) เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin), โซ ออริจิ้น (So Origin), ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play), ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), ออริจิ้น เพลส (Origin Place), ดิ ออริจิ้น (The Origin), เคนซิงตัน (Kensington), แฮมป์ตัน (Hampton), ออริจิ้น เพลย์ (Origin Play), บริกซ์ตัน (Brixton) และ บริทาเนีย (Britania) รวมมูลค่าโครงการกว่า 242,744 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจให้บริการลูกบ้าน ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และ 4.ธุรกิจเมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends) กลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจเฮลท์แคร์ ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจด้านการเงิน ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนท์ ฯลฯ เพื่อยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้บริโภคแบบครบวงจร