สมัย ศรีสมบูรณ์:ช่างซ่อมสู่กำนันยอดเยี่ยมที่ซ่อมได้ตั้งแต่เครื่องยนต์จนถึงเด็กติดยา
สองมือที่เปื้อนน้ำมันเครื่องอยู่เกือบตลอดเวลา พร้อมเสียงเคาะโลหะที่ดังแว่วมาจากอู่ซ่อมรถประจำตำบลสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นภาพจำของช่างไหม-สมัย ศรีสมบูรณ์ ช่างซ่อมเครื่องยนต์ฝีมือดีที่คนในตำบลสมเด็จคุ้นเคย โดยอู่ช่างไหมมีทั้งคนในพื้นที่และใกล้เคียงแวะเวียนนำรถยนต์คู่ใจไปจนถึงรถบรรทุกคันใหญ่ มาให้ช่างไหมดูแลอยู่อย่างสม่ำเสมอ
มาวันนี้ช่างไหมคนเดิม ได้เพิ่มบทบาทตัวเองจากเจ้าของอู่ซ่อมรถ มาเป็นกำนันประจำตำบลสมเด็จ หน้าที่ความรับผิดชอบใหม่นี้ ทำให้มือทั้งคู่ของเขาห่างเหินจากกลิ่นน้ำมันเครื่องเป็นครั้งคราว แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงคือ ความตั้งใจที่จะช่วยเหลือผู้คนอยู่อย่างสม่ำเสมอ
“ผมเปิดอู่ซ่อมรถตั้งแต่ปี 2532 ก็เริ่มมีคนรู้จักเยอะ ลูกค้าก็เยอะตาม แต่ก่อนไม่เคยคิดเลยว่าจะมาเป็นผู้ใหญ่บ้าน พอดีมีการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน พรรคพวกก็ขอให้ลงสมัคร ผมลงแล้วก็ชนะได้เป็นผู้ใหญ่บ้านเมื่อปี 2552 ต่อมาก็ได้เป็นกำนันตำบลสมเด็จวันที่ 12 กันยายน 2556 จริง ๆ ใจผมอยากเป็นกำนัน เพราะอยากช่วยเหลือสังคม ถ้าเราเป็นเพียงช่างซ่อมรถเราก็ช่วยได้แค่วงแคบๆ แต่ถ้าเรามาเป็นกำนันก็จะสามารถดูแลประชาชนได้กว้างขวางมากกว่า”
พื้นเพครอบครัวกำนันสมัย เคยทำงานเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมาก่อน ทำให้เขามีความคุ้นเคยกับความรับผิดชอบในการดูแลประชาชนระดับหนึ่ง พอมีโอกาสทำงานอย่างเต็มตัว เขาเลยสนับสนุนนโยบายจังหวัดตามโครงการ ‘Kalasin Happiness Model คนกาฬสินธุ์ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังจนประสบผลสำเร็จ’ ผลักดันให้มีการช่วยเหลือครัวเรือนผู้ยากจน ผู้ด้อยโอกาสโดยช่วยเหลือปัจจัยในการดำรงชีวิต ทำให้กำนันสมัย ได้รับรางวัลกำนันผู้ใหญ่บ้านดีเด่น ชั้น 2 และรางวัลกำนันยอดเยี่ยม อันดับ 1
ตอนนี้ภาพที่ชาวบ้านตำบลสมเด็จ เห็นกันจนชินตา คือชายวัย 52 แต่ยังคงเคลื่อนไหวอย่างกระฉับกระเฉง ควบรถจี๊ปเปิดประทุนสีเขียวคู่ใจ ที่มีสติ๊กเกอร์หน้ารถเขียนว่า “รถกำนันสมัยบริการประชาชน” ไปทั่วทุกที่ในตำบลสมเด็จ
“ที่มาของรถกำนันสมัยบริการประชาชนเหรอครับ (หัวเราะ) มีลูกค้าบางส่วนที่รถเสียตอนกลางคืน ส่วนมากแบตเตอรี่หมด เขาจะมีเบอร์โทรตามผมตอน 5 ทุ่ม ก็ใช้รถคันนี้แหละออกไปพ่วงแบตให้ แต่ก่อนก็ไม่ได้ติดป้ายอย่างนี้ พอไปช่วยบ่อยเขาก็หามาติดให้ว่า ‘รถกำนันสมัยบริการประชาชน’ แล้วยังช่วยโฆษณาให้ว่าขนาด 5-6 ทุ่ม เป็นเวลาพักผ่อน เรายังออกมาช่วยประชาชน”
นอกจากการพ่วงแบตที่ทำอยู่เป็นประจำแล้ว รถคันเก่งของกำนันสมัย ยังได้บริการประชาชนด้วยการใช้ขนบรรทุกสิ่งของไปมอบให้ครัวเรือนที่ยากจนในหมู่บ้านที่กันดาร ซึ่งรถธรรมดาเข้าไปไม่ถึง ครั้งหนึ่งรถคันนี้ได้รับรองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่นั่งเข้าไปตรวจน้ำท่วมมาแล้ว แต่แม้ว่าจะเป็นรถคันเก๋าสุดแกร่งลุยไปได้เกือบทุกที่ แต่ด้วยอายุการใช้งานที่ค่อนข้างมาก ทำให้รถคันเก่งเสียเองบ้างเป็นครั้งคราว แต่ด้วยฝีมือของช่างสมัย เลยไม่ยากที่จะขับไปพร้อมกับจอดซ่อมไปด้วย
แม้จะเป็นถึงกำนันตำบลสมเด็จ แต่คนเก่าแก่ที่สนิทสนมกันมานาน หลายคนยังคงติดปากเรียกช่างไหม ส่วนคนรุ่นใหม่ที่มารู้จักกันภายหลังได้รับตำแหน่ง จะรู้จักเขาในชื่อกำนันสมัย ความจริงกำนันคนเก่งแห่งตำบลสมเด็จ เจ้าของรางวัลกำนันยอดเยี่ยม อันดับ 1 นี้ ชอบให้เรียกว่าช่างไหมมากกว่า เพราะฟังแล้วรู้สึกเป็นกันเอง พอเรียกกำนันจะรู้สึกห่างเหิน อีกอย่างอาจเป็นเพราะการใช้ชีวิตของเขา ที่ทุกวันนี้แม้จะมีตำแหน่งนำหน้า แต่เขากลับไม่ถือตัว วางตัวเป็นพิเศษเหนือชาวบ้าน ยังคงใช้ชีวิตติดดินเหมือนคนธรรมดา ๆ คนหนึ่ง เป็นช่างไหมคนเดิมที่ชาวบ้านเข้าถึงพึ่งพาง่ายไม่เปลี่ยนแปลง วันที่ไม่มีงานหลวงก็จะประจำอยู่ที่อู่ซ่อมรถ มือดำเปื้อนน้ำมันเครื่อง บริการซ่อมรถลูกค้าขาประจำ พอมีงานหลวงเข้ามาก็จะวางมือไว้ให้ลูกน้องทำแทน แล้วไปบริการประชาชน
“เดี๋ยวนี้ชักจะทำงานซ่อมรถไม่ไหวแล้ว มันปวดเอว เราก็ทำเท่าที่ทำได้ พอมีลูกค้าประจำมาก็ซ่อมให้เรื่อย” กำนันตำบลสมเด็จหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
งานหลวงของกำนันสมัย ส่วนใหญ่เป็นการบริการลูกบ้านให้ชาวบ้านเข้ามาขอความช่วยเหลือได้โดยตรง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท เป็นคนกลางที่คู่กรณีทั้งสองฝ่ายให้ความเชื่อถือรับฟัง กรณีของกำนันสมัยเขาไม่ได้มีความน่าเชื่อถือหลังจากได้ตำแหน่งกำนันนำหน้าชื่อเพียงอย่างเดียว แต่เขาสั่งสมความไว้ใจจากคนในชุมชนมาตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นช่างซ่อมรถเสื้อเปื้อนน้ำมันเครื่องทุกวัน
“มันอยู่ที่การประพฤติตัวมากกว่าที่ทำให้ชาวบ้านเชื่อถือเรา เราก็ทำงาน เราก็มีคุณธรรมกับลูกค้าแบบนี้ เพราะการซ่อมรถลูกค้าต้องไว้ใจเอารถมาจอดทิ้งไว้ให้ซ่อม ผมทำอู่ตอนปี 2532 ตอนนี้ก็ 30 ปี ตั้งแต่ยังไม่แต่งงานจนแต่งงานมีลูกโต ลูกค้าเชื่อใจเราเพราะเป็นคนมีคุณธรรม หลายคนเอารถมาซ่อมตั้งแต่รุ่นพ่อไปถึงรุ่นลูก ก็ยังเอารถมาซ่อมกับผม”
ไม่แปลกที่ล่าสุดกำนันคนนี้จะได้ตำแหน่ง กำนันยอดเยี่ยม อันดับ 1 ได้แหนบทองคำเมื่อปี 2562 เขาดูแลใส่ใจชาวบ้านในตำบลด้วยการเอกซเรย์พื้นที่ของแต่ละตำบล แต่ละหมู่บ้านว่ายังมีใครที่ต้องการความช่วยเหลือ แล้วเข้าไปช่วยเหลือเยียวยาดูแลคนในพื้นที่ ในตำบลสมเด็จมี 6 ครัวเรือนที่เข้าข่ายนี้ มีบ้านที่อยู่อาศัยจำเป็นจะต้องซ่อมแซมจำนวน 5 หลัง แล้วต้องสร้างใหม่อีกหนึ่งหลัง การซ่อมแซมบูรณะครัวเรือนที่อยู่อาศัยนั้น กำนันสมัยไม่ได้ใช้เงินของทางราชการ แต่ใช้วิธีขอความช่วยเหลือจากคนในท้องถิ่นให้ร่วมด้วยช่วยกันบริจาคเงิน ทั้งผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วย รวมไปถึงชาวบ้านคนอื่น ๆ ที่มีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าพอจะแบ่งปัน คนละ 100-200 บาท
บ้านบางหลังซ่อมแซมใช้เงินกว่า 10,000 กว่าบาท บางหลังก็ 20,000 กว่าบาท กรณีหลังที่สร้างใหม่ใช้งบถึง 40,000 บาท โดยได้งบของพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดกาฬสินธุ์ มาช่วยอีกครึ่งหนึ่ง ผลงานชิ้นนี้เองช่วยให้มีการส่งชื่อกำนันสมัย ศรีสมบูรณ์ เข้ารับกำนันดีเด่นชั้น 2 ปี 2561 แล้วในปี 2562 ก็ส่งเข้าประกวดชิงแหนบทองคำ จนได้รางวัลแหนบทองในที่สุด
อีกนโยบายหนึ่งคือการปราบปรามยาเสพติดในนโยบาย ‘ฟ้าแดดสงยาง’ ที่กำนันสมัยต้องหาวิธีป้องกันปราบปรามยาเสพติดที่ระบาดในชุมชน และมีการพัฒนารูปแบบยาใหม่ ๆ เพื่อหลบเลี่ยงการจับกุม โดยกำนันสมัยได้ช่วยเหลือลูกบ้านที่หลงผิดให้ไปเข้ารับการบำบัดจนหาย แล้วส่งไปฝึกอาชีพอยู่ที่ศูนย์ฝึกอาชีพ เพื่อให้คืนกลับสู่สังคมได้อย่างเต็มภาคภูมิ บางรายได้กลายมาเป็นลูกมือที่อู่ของช่างไหมอีกด้วย กำนันสมัยเลยเหมือนช่างที่ซ่อมได้ทั้งรถบรรทุกคันใหญ่ ไปจนถึงเด็กติดยาที่เคยหลงผิดมาก่อน
“เขามาถามว่ามีช่างเครื่องที่ผ่านการอบรมอาชีพหลังการบำบัดผู้ติดยาเสพติดจะขอมาทำงานด้วย ผมก็ให้โอกาสเขา เยาวชนติดยาเสพติดเราก็ต้องให้เขากลับตัวกลับใจ อยากให้เขามีงานทำ ถ้าไม่รังเกียจงานซ่อมรถเปื้อนน้ำมันผมก็รับหมด”
กำนันสมัยเผยอีกว่า งานช่วยเหลือชาวบ้านบริการประชาชนเป็นงานที่ไม่มีเวลาทำงานที่แน่นอน เป็นอาชีพที่ถ้าใจไม่รักทำไม่ได้ อาจจะเป็นงานที่เหนื่อย แต่พอได้เห็นรอยยิ้มของชาวบ้านแล้วก็ภูมิใจ เลยรู้สึกสบายใจที่จะคงทำหน้าที่สำคัญนี้ต่อไป ในฐานะผู้นำชุมชนคนหนึ่งนั้น สิ่งที่กำนันสมัยฝันไว้คือ อยากเปลี่ยนแปลงชุมชนให้ดีขึ้น ไม่อยากให้มีปัญหาเยาวชนติดยาเสพติด ด้วยการอบรมเด็กและเยาวชนให้รู้จักป้องกันตนเอง ไม่ให้หันเข้าหายาเสพติด เพราะเขามองว่าปัญหายาเสพติดเป็นต้นเหตุปัญหาสำคัญ ถ้ายาเสพติดไม่มี ในชุมชนก็จะไม่มีโจรผู้ร้าย นอกจากนี้อีกสิ่งที่กำนันซ่อมได้คนนี้อยากเห็นก็คือ ความสมัครสมานสามัคคีของผู้คนในชุมชน
“ผมหวังกับชุมชนมากคือ เรื่องความสมัครสมานสามัคคี ถ้าในชุมชนเรามีความสมัครสมานสามัคคีกันแล้ว ผมว่ามันดีกว่าการที่มีถนนคอนกรีตในทุก ๆ ซอย อีกครับ”