กลุ่มเซ็นทรัลรีเทล เปิดตัว “KIS Beauty Store” มัลติแบรนด์ บิวตี้ สโตร์ แห่งใหม่ของเมืองไทย เจาะตลาดมิลเลนเนียลส์ รวมผลิตภัณฑ์ความงาม อาทิ สกินแคร์ เมคอัพ น้ำหอม ฯลฯ กว่า 800 แบรนด์ดังทั่วโลก ให้บริการสาขาแรกแล้วที่ ชั้น 5 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมเปิดอีก 2 สาขาภายในสิ้นปีนี้ที่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว และ ห้างสรรพสินค้าเซน และตั้งเป้าเปิดครบ 30 สาขา ด้วยยอดขาย 3.5 พันล้านบาท ภายในปี 2023
[caption id="attachment_11733" align="aligncenter" width="620"]
ธาพิดา นรพัลลภ (กลาง)[/caption]
ธาพิดา นรพัลลภ กรรมการผู้จัดการ Kis Beauty Store ในเครือกลุ่มเซ็นทรัลรีเทล เผยทิศทางตลาดเครื่องสำอางของโลก โดยอ้างอิงผลสำรวจของ euromonitor.com ว่า ในปี 2018 มีมูลค่าราว 15 ล้านล้านบาท โตจากปี 2017 ประมาณ 4% ขณะที่ตลาดเครื่องสำอางในไทยในปี 2018 มีมูลค่ารวมกว่า 2.2 แสนล้านบาท โตจากปี 2017 ประมาณ 7.4% นับว่ามีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าตลาดเครื่องสำอางของโลก และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ทั้งนี้เมื่อโฟกัสผลิตภัณฑ์ความงามในตลาดประเทศไทย พบว่า ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณ (skincare) มีสัดส่วน 39% ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกาย (hygiene) 31% ผลิตภัณฑ์ผม (hair) 14% เครื่องสำอาง (makeup) 12% และ น้ำหอม (fragrance) 4% โดยมีกลุ่มลูกค้าหลักคือกลุ่มคนที่มีอายุระหว่าง 18–34 ปี หรือกลุ่มมิลเลนเนียลส์ ซึ่งอยู่ในช่วงวัยทำงาน มีสัดส่วนถึง 43% ต่อยอดขายทั้งมูลค่าและปริมาณ และเมื่อผนวกเข้ากับกลุ่มคนเจเนอเรชันแซด ก็จะยิ่งได้สัดส่วนกลุ่มลูกค้าเพิ่มขึ้น จากสถิติดังกล่าว กลุ่มเซ็นทรัลรีเทลจึงเห็นโอกาสเปิดตลาดบิวตี้ สโตร์ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้หญิงยุคใหม่ พร้อมวางกลุ่มเป้าหมายหลักที่กลุ่มมิลเลนเนียลส์ชาวไทย 85% และชาวต่างชาติ 15%
[caption id="attachment_11744" align="aligncenter" width="640"]
Kis Beauty Store สาขาเซ็นทรัลเวิลด์[/caption]
"เราพัฒนาคอนเซ็ปต์ของ Kis Beauty Store กว่า 1 ปี โดยเน้นทีมงานที่เป็นกลุ่มคนมิลเลนเนียลส์เพื่อให้เข้าใจกลุ่มลูกค้าได้ตรงจุด เปิดให้บริการสาขาแรกเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ที่ผ่านมา บนพื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร ที่ชั้น 5 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยมีแผนขยายอีก 2 สาขาในปีนี้ที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว และห้างสรรพสินค้าเซน คาดว่าปีนี้จะสามารถสร้างยอดขายไม่น้อยกว่า 150 ล้านบาท และตั้งเป้าภายใน 5 ปี คือภายในปี 2023 จะเปิดได้ 30 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวต่าง ๆ เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ ฯลฯ ด้วยยอดขายรวม 3,500 ล้านบาท ทั้งนี้ภายใน 2 ปีแรกเราขอโฟกัสสถานที่ในกลุ่มเซ็นทรัลก่อน ส่วนร้านแบบสแตนด์ อโลน จะเป็นก้าวต่อไป และแม้ในตลาดจะมีผู้เล่นในธุรกิจบิวตี้ สโตร์ อยู่แล้ว แต่ด้วยการมอบประสบการณ์พิเศษ เช่น โปรโมชั่นที่จัดต่อเนื่อง การสะสมคะแนน The 1 Card การมี Live DJ การมีแบรนด์เครื่องดื่ม GAGA Attitude in A Cup ตั้งอยู่ในร้านพร้อมเมนูพิเศษ เรามั่นใจว่าจะสร้างประสบการณ์และสร้างความแตกต่างได้อย่างแน่นอน"
กรรมการผู้จัดการ Kis Beauty Store ให้รายละเอียดเพิ่มเติมด้วยว่า ภายในร้านประกอบด้วย 5 โซนหลัก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เคาน์เตอร์
แบรนด์ชั้นนำ (Iconic Brands) เครื่องสำอาง (Makeup) ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณ (Skincare) น้ำหอม (Fragrances) และพื้นที่จัดกิจกรรม (Live Studio) โดยสัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายภายในบิวตี้ สโตร์ คิดเป็น เครื่องสำอาง 60% ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณ 30% และน้ำหอม 10% รวมกว่า 80,000 ไอเท็ม จากกว่า 800 แบรนด์ดังทั่วโลก นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกในไทยที่แบรนด์ชั้นนำอย่าง Chanel, Jo Malone London, La Mer และ Three มาจำหน่ายในมัลติแบรนด์ บิวตี้ สโตร์ ขณะที่ Dior ก็ได้นำเครื่องสำอาง Dior Backstage มาไฮไลต์ที่ KIS รวมถึงแบรนด์เมคอัพ สกินแคร์ และน้ำหอมระดับโลกที่มีจำหน่ายที่นี่ อาทิ Estee Lauder, Shiseido, Clarins, NARS, MAC, Bobbi Brown, Shu Uemura, Sulwhasoo, Clinique, Fresh, Origins, Paul&Joe, Burberry, Urban Decay, Aveda, Calvin Klein, Davidoff, Dolce&Gabbana เป็นต้น
นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกของแบรนด์ Antipodes, Glow Lab, Skinfood New Zealand, Solimara Sunscreen, Comvita, Heylo มาจำหน่ายที่ KIS Beauty Store แบบเอ็กซ์คลูสีฟที่เดียวเท่านั้น รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำระดับโลกและระดับประเทศอีกมากมาย อาทิ L’Oreal Paris, Maybelline New York, Revlon, Kate, Etude House, Mamonde, Banila Co, Lilybyred, Peripera, Holika Holika, La Roche Posay, Vichy, Avene, Olay, Sekkisei, Suisai, Skinfood, Nature Republic, Inglot, Cutepress, IN2IT, Merrezca, DII, Areeya, Mad Mad Makeup, Verena, Chame, Jejuvita, Bibury Coln, Supershades, 2P Original, Brush Too ฯลฯ
"กลุ่มลูกค้าของ Kis Beauty Store จะเป็นคนละกลุ่มกับลูกค้าบิวตี้ แกเลอรี ในห้างเซ็นทรัล ซึ่งลูกค้ากลุ่มหลังแบ่งหลัก ๆ ได้เป็น 2 กลุ่ม คืออายุ 30-45 ปี และ 45 ปีขึ้นไป มียอดใช้จ่ายต่อบิลเฉลี่ย 4,000 บาทขึ้นไป ขณะที่กลุ่มลูกค้าของ Kis Beauty Store จะอายุ 18-34 ปี ซึ่งเราตั้งเป้าการใช้จ่ายต่อบิลไว้ที่ 1,300 บาทขึ้นไป ดังนั้นถึงจุดหนึ่งเมื่อลูกค้าของ Kis Beauty Store มีกำลังซื้อมากขึ้น ก็อาจเป็นลูกค้าของบิวตี้ แกเลอรี ต่อไป"