“ผมเป็นคนที่แปลกนะ แต่ว่าผมก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลของวงการ”
บิล สการ์สการ์ด (Bill Skarsgård) เติบโตในครอบครัวนักแสดง เริ่มต้นจากคุณพ่อ สเตลแลน สการ์สการ์ด (Stellan Skarsgård) ที่คว้ารางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมมาแทบทุกสถาบันในยุโรป บิลมีพี่น้อง 8 คน เป็นนักแสดงไปแล้ว 4 ได้แก่ พี่ชายคนโต อเล็กซานเดอร์ สการ์สการ์ด (Alexander Skarsgård) พี่ชายสุดหล่อที่เพิ่งคว้ารางวัล Golden Globe เมื่อปีที่แล้ว, กุสตาฟ (Gustaf) พี่ชายคนรองที่มีผลงานเด่นในซีรีส์ Vikings, ตัวเขาเอง และตามมาด้วย น้องชาย วอลเตอร์ (Valter) ที่เริ่มมีผลงานในวงการบันเทิงที่สวีเดน ด้วยความที่ครอบครัวของเขาโด่งดังในการแสดงหนังฮอลลีวูด ทำให้ครอบครัวสการ์สการ์ดเป็นที่รู้จักอย่างดีในสวีเดน จนบางสื่อก็เปรียบเปรยว่าครอบครัวของเขาเป็นเหมือนเชื้อพระวงศ์แห่งสวีเดน
บิล คลุกคลีกับวงการบันเทิงตั้งแต่เด็ก ๆ เขาใช้เวลาวัยเด็กไปกับการเดินทางรอบโลกตามพ่อไปถ่ายหนังเรื่องต่าง ๆ กระทั่งบิลเริ่มแสดงหนังครั้งแรกตอนอายุ 9 ขวบในหนังสวีเดนเรื่อง White Water Fury (2009) ซึ่งเรื่องนี้เขาแสดงร่วมกับพี่ชายสุดซี้อย่าง อเล็กซานเดอร์
สองพี่น้องถูกส่งไปทำงานโดยไม่มีคนในครอบครัวมาดูแล นับว่าเป็นประสบการณ์ที่โหดไม่น้อยสำหรับเด็กวัยนั้นที่ต้องมาทำงานในโลกของผู้ใหญ่อย่างเปล่าเปลี่ยว แต่เขาก็ผ่านมันมาได้โดยมีพี่ชายทำหน้าที่ผู้ปกครองแทน ซึ่งเรื่องนี้อเล็กซานเดอร์มักเอามาพูดติดตลกในภายหลัง และทวงบุญคุณน้องชายเสมอว่าคงมีวันนี้ไม่ได้ถ้าไม่มีพี่พาเข้าวงการ
บิลมีผลงานในวงการบันเทิงสวีเดนมานานนับสิบปี แต่ช่วงหนึ่งของชีวิตเขามีความรู้สึกต่อต้านการเป็นนักแสดงของตัวเอง เพราะรู้สึกว่าทางบ้านมีดาราเยอะเกินไป เขาอยากทำอะไรที่ฉีกแนวออกไปบ้างจึงเลือกเรียนมัธยมปลายสาขาวิทยาศาสตร์ และเคยคิดอยากจะเป็นหมอเหมือนคุณแม่และพี่ชายคนหนึ่งของเขา แต่สุดท้ายวงการบันเทิงก็ไม่ปล่อยตัวเขาไป เมื่อบิลได้อ่านบทเรื่อง Behind Blue Skies (2010) หนังที่อิงจากเหตุอาชญากรรมอันอื้อฉาวที่สุดของสวีเดน ของ ฮานส์ โฮล์ม (Hannes Holm) ผู้กำกับดัง แล้วอยากเล่นมาก ๆ บิลพยายามไปออดิชันสามสี่รอบแต่ก็ไม่ได้ จนเขาต้องเดินไปของานตรง ๆ เลยว่าอยากทำงานด้วยไม่ว่าจะต้องทำอย่างไรก็ตาม ในที่สุดเขาก็ได้บทนำเป็นครั้งแรกตอนอายุ 19 และบิลก็รู้สึกได้ว่านี่คงเป็นสัญญาณบอกให้เขาทำงานเป็นนักแสดงต่อไป
[caption id="attachment_11770" align="alignnone" width="768"]
Pennywise[/caption]
การแปลงโฉมเป็นปีศาจ
บิล สการ์สการ์ด ถูกถามบ่อยครั้งว่าเขาใช้เวลาแต่ละครั้งในการแต่งหน้าเป็นปีศาจตัวตลก Pennywise the Dancing Clown นานเท่าไหร่ ซึ่งเขาก็ไม่เบื่อที่จะตอบว่าสองชั่วโมงครึ่ง การแปลงร่างเป็นสิ่งที่แตกต่างจากตัวเขา ทำให้แสดงความคิดสร้างสรรค์ออกมาได้อย่างเต็มที่ บิลสร้างคาแรกเตอร์เพนนีไวส์มาจากตัวเองด้วยความสามารถพิเศษในการควบคุมกล้ามเนื้อบนใบหน้า เขาทำรอยยิ้มจือปากยื่นยาวได้อย่างน่าขนลุกและตาเหล่ไหลไปคนละทิศได้อย่างประหลาด ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนที่พบเห็นประทับใจ เขาออกแบบท่าทางการเต้นสุดหลอนของเพนนีไวส์ โดยนำมาจากประสบการณ์วัยเด็กที่ชอบแกล้งเป็นผีหลอกน้อง และนำท่าทางการวิ่งแปลก ๆ ของน้องชายมาใช้ นอกจากนี้เขายังรู้สึกสนุกกับการเลียนแบบสิ่งรอบ ๆ ตัว ไม่ว่าจะเป็น เพื่อน คนในครอบครัว หรือแม้กระทั่งคนแปลกหน้า เพื่อมาสร้างสรรค์ตัวละครแบบแปลก ซึ่งบางครั้งเขาก็ทำไปโดยไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
ใน It (2019) ภาคสอง ผู้ชมได้เห็นใบหน้าของเพนนีไวส์ในรูปแบบมนุษย์ ซึ่งบิลยืนยันว่าถึงจะลบเครื่องสำอางออก เพนนีไวส์ก็ไม่ใช่ตัวเขา แต่เป็นคนที่ร้ายกาจที่จะทำให้ทุกคนต้องหวาดผวาโดยไม่ต้องแต่งเติมใบหน้าใด ๆ จนเขายอมรับว่าบางครั้งก็กลัวตัวเองอยู่เหมือนกันที่แสดงอิมโพรไวส์ออกไปได้โดยธรรมชาติอย่างนั้น
แค่มีเธอที่รักก็พอ
แม้ว่าบิลจะรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาสมกับเชื้อสายบ้านสการ์สการ์ด แต่ว่าเขาเลือกที่จะไม่เกาะกระแสโซเชียลแบบเดียวกับนักแสดงคนอื่น ๆ ซึ่งถ้าหากเขาเลือกทำก็ไม่ยากเย็นอะไรนัก เนื่องจากมีฐานแฟนคลับวัยรุ่นจากซีรีส์ Hemlock Grove และ The Divergent Series: Allegiant (2016) ที่พร้อมจะให้การสนับสนุน หากเขาเปิดแอคเคาท์โซเชียลมีเดียคงจะมีคนพากันกดไลค์ให้นับล้านโดยไม่ยาก โดยเฉพาะหลังจากความโด่งดังจากเรื่อง It (2017) ที่สาว ๆ พากันหลงใหลตัวตลกปีศาจหน้าหล่อคนนี้ จนอยากจะมุดลงท่อไปหาเพนนีไวส์ไปตาม ๆ กัน แต่ว่าบิลกลับเลือกที่จะเก็บชีวิตส่วนตัวไว้อย่างเป็นส่วนตัวแบบสุด ๆ แม้ว่าเวลาทำงานเขาจะเต็มที่เสมอทั้งออกรายการสัมภาษณ์ แจกลายเซ็นแฟน ๆ ตามงานพรีเมียร์ หรือร่วมกิจกรรมโปรโมทต่าง ๆ อย่างไม่มีอิดออด ไปจนถึงบางครั้งพูดคุยกับเหล่าปาปารัสซีอย่างใจเย็นและสุภาพซะด้วยซ้ำ แต่ถ้าให้บิลเปิดเผยชีวิตส่วนตัวของเขา เจ้าตัวเลือกที่จะไม่ดีกว่า
“ในอเมริกา ดาราถูกสอนมาให้พูดว่าพวกเขาน่าเบื่อนะ แต่ว่าพวกเขาก็ไม่หวังว่าเราจะเชื่อเขาหรอก”บิล สการ์สการ์ด เปรียบเทียบการใช้ชีวิตของดาราในฮอลลีวูดที่ชอบพูดว่าชีวิตตัวเองไม่น่าสนใจ แต่ลึก ๆ แล้วก็อยากให้คนได้ติดตามชีวิตตัวเองเพื่อนำเสนอผลงาน “ผมชอบระบบสวีเดนมากกว่า ที่นั่นตีค่านักแสดงเหมือนคนทำงานศิลปะคนหนึ่ง ไม่ใช่คนดัง”
เหตุที่เขาเลือกที่จะไม่เปิดเผยตัวตนในมุมอื่น ๆ ให้แฟน ๆ ได้ติดตาม ก็เพราะว่าชีวิตของเขาในสวีเดนเป็นที่รู้จักมากพอแล้ว ทั้งจากพ่อและพี่ชายของเขาที่เป็นนักแสดง ทำให้เขาใช้ชีวิตท่ามกลางสายตาของชาวสวีเดนมาโดยตลอด
“ผมพยายามใช้ชีวิตให้เป็นส่วนตัวมากขึ้น เพราะว่าชีวิตของผมสมัยเรียนก็เจอคำถามจากเพื่อนที่โรงเรียนมาเยอะแล้ว ไม่ใช่แค่เฉพาะตัวผม แต่เกี่ยวกับครอบครัวผมด้วย อย่างเช่น พวกนายไปไหนมาไหนด้วยกันมั้ย? เคยทะเลาะกันหรือเปล่า?ซึ่งผมเข้าใจในความสนใจนี้นะ แต่ผมไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นการพูดคุยที่ดีหรอก มันเหมือนกับว่าเราอยู่ในยุคที่ความเป็นส่วนตัวไม่มีอยู่แล้ว เมื่อทุกอย่างต้องนำมาเปิดเผยเพื่อให้ได้ยอดแชร์ยอดไลค์ ผมเลยค่อนข้างเป็นคนที่หวงความเป็นส่วนตัวมาก”
แม้ว่าการเป็นดาราจะเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีคนสนใจหรือมีสาว ๆ ให้ความสนใจเขามากขึ้นหลังจากบทเพนนีไวส์ จนปาปารัสซีฝีปากกล้าแห่ง TMZ เว็บไซต์กอสซิบดังได้บุกไปถามเจ้าตัวว่าพอดังจาก It แล้วทำให้สาว ๆ มาตามมาขึ้นหรือเปล่า บิลก็ตอบแค่ว่า “ไม่รู้สิครับ แฟนของผมรออยู่ ผมรู้แค่นี้”
[caption id="attachment_11769" align="alignnone" width="797"]
บิล กับ อลิดา มอร์เบิร์กในกองถ่าย It [/caption]
แฟนสาวที่ว่านั้นคือ อลิดา มอร์เบิร์ก (Alida Morberg) นักแสดงสาวชาวสวีเดนที่คบหากันมาอย่างยาวนาน เธอเป็นคนที่ให้การสนับสนุนเขามาโดยตลอด และเป็นคนแต่งหน้าให้เขาตอนไปออดิชันบทเพนนีไวส์ในหนังภาคแรกอีกด้วย เนื่องจากผู้กำกับ แอนดี มุสเคียตติ (Andy Muschietti) ได้ขอให้ทุกคนที่เข้าทดสอบบทแต่งหน้าสีขาวแบบตัวตลกมา บิลคิดว่านั่นเป็นไอเดียที่ดีเลยไปซื้อเมคอัพมาจากร้านขายพร็อพวันฮาโลวีน แต่ก็ประสบปัญหาใหญ่เมื่อเขาแต่งหน้าไม่เป็น อลิดาจึงช่วยแต่งหน้าให้บิลไปออดิชันบทนี้จนคว้ามาได้
ทั้งสองคนคบกันอย่างเปิดเผย เพียงแต่ว่าไม่เคยมีข่าวด้วยกัน ไม่ออกสื่อคู่กัน มีเพียงแค่ภาพหลุดไม่กี่ภาพว่าพวกเขาอยู่กับครอบครัวที่สวีเดน และออกเที่ยวด้วยกันบ้างในบางครั้ง จนเมื่อปีที่แล้วบิลกับอลิดามีลูกสาวด้วยกัน เจ้าตัวก็ไม่ได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการ แทบไม่มีใครรู้ว่าพวกเขามีลูก บิลเพียงแต่คอนเฟิร์มข่าวนี้กับAftonbladet หนังสือพิมพ์ของสวีเดนเท่านั้น แต่เขาปฏิเสธที่จะพูดถึงรายละเอียดใด ๆ เพิ่มเติม
“เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่ส่วนตัวมากน่ะครับ”บิลตอบ
แม้ว่าจะไม่อยากเปิดเผยเรื่องส่วนตัว หรือโปรโมทตัวเองมากนัก แต่เขาจะอยู่ในวงการนี้ได้ยังไง ในเมื่อสมัยนี้การมีสื่อโซเชียลมีเดียก็จำเป็นสำหรับนักแสดง แต่บิลก็เผยว่ามีนักแสดงมากมายที่หวงความเป็นส่วนตัวมาก ๆ ส่วนตัวเขาเองชอบการพบปะสังสรรค์แบบตัวต่อตัวมากกว่า เขาเป็นคนที่พูดมากเหมือนกัน ไม่ได้เป็นคนที่เก็บตัวเงียบตลอดเวลา “ผมสามารถเป็นคนที่เปิดเผยมาก ๆ กับคนที่เพิ่งเจอก็ได้นะ แต่พอมาคิดว่าคุณจะนำเสนอตัวเองยังไงกับผู้ชมหมู่มากดีล่ะ คุณจะเป็นคนแบบไหนในโซเชียลเน็ตเวิร์ค ผมไม่รู้ว่าผมอยากจะนำเสนอตัวเองแบบไหนดี งั้นผมก็ไม่นำเสนอตัวเองในโลกโซเชียลไปเลยละกัน”
[caption id="attachment_11772" align="alignnone" width="1499"]
Bill Skarsgård in Castle Rock (2018)[/caption]
ก้าวต่อไปของตัวตลก
บิล เคยให้สัมภาษณ์ว่าเขาอินกับบทเพนนีไวส์จนเก็บไปฝัน เมื่อตอนที่แสดงภาคแรกเสร็จเขาฝันถึงเพนนีไวส์ทุกคืน “ผมกลับมาบ้านหลังจากถ่ายหนังเสร็จ ผมเริ่มจะมีความฝันแปลก ๆ แต่ชัดเจนมาก ๆ เกี่ยวกับเพนนีไวส์ ทุกคืนเขาจะมาหาผม” บิล สการ์สการ์ด วิเคราะห์ว่ามันเกิดจากสภาพจิตใจของเขาในสองรูปแบบ คือเขาแยกตัวเขากับเพนนีไวส์ในฐานะตัวตนที่แตกต่างกัน แต่อีกมุมหนึ่งเขาก็รู้สึกแบบเดียวกับเพนนีไวส์ เมื่อเขาออกไปในที่สาธารณะและถูกคนจ้องมองราวกับเป็นตัวประหลาด บิลจึงมองว่าการฝันถึงเพนนีไวส์ไม่ใช่เรื่องที่แย่ แต่เป็นจิตใจของเขาเองที่กำลังบอกว่า “ต้องปล่อยเพนนีไวส์ไปแล้ว”
หลังจากกลับมารับบทเพนนีไวส์อีกครั้งใน It: Chapter 2 ก็คงถึงคราวที่บิลต้องอำลาเจ้าตัวตลกที่สร้างชื่อให้กับเขาในฮอลลีวูดไปแล้วจริง ๆ พร้อมกับเดินหน้าสู่บทบาทใหม่ ๆ ที่รอเขาอยู่ ทั้ง Villains หนังสยองคอเมดี, The Devil All the Time หนังรวมดาวนักแสดงสุดหล่อแห่งฮอลลีวูด ที่มีทั้ง ทอม ฮอลแลนด์ (Tom Holland), เซบาสเตียน สแตน (Sebastian Stan) และ โรเบิร์ต แพททินสัน (Robert Pattinson) ที่จะออกเผยแพร่ทางเน็ตฟลิกซ์ และ Nine Days หนังไซไฟที่ร่วมแสดงกับ วินสตัน ดุค (Winston Duke) และ ซาซี บีตซ์ (Zazie Beetz)
เรื่องโดย: ผู้ชายคนนั้นจากหนังเรื่องนี้
อ้างอิง
http://ew.com/movies/2017/12/21/bill-skarsgard-stephen-king-it-audition-story/
https://wwd.com/eye/people/it-chapter-2-pennywise-bill-skarsgard-villains-1203224237/
https://www.gq.com/story/bill-skarsgard-it-clown-interview
https://www.backstage.com/magazine/article/bill-skarsgard-stephen-king-it-chapter-two-68866/
https://www.interviewmagazine.com/film/bill-skarsgard-1