บิลลี่ บาร์: 5 เคล็ดลับการสร้างระยะห่างทางสังคมของชายผู้อยู่คนเดียวเกือบ 50 ปี
ความเหน็บหนาวมักเชิญชวนให้เรารู้สึกเปลี่ยวเหงา ใครหลายคนจึงไม่อยากใช้ชีวิตเพียงลำพังในฤดูหนาวอันโหดร้าย แต่สำหรับ บิลลี่ บาร์ (Billy Barr) เขากลับรู้สึกสงบและเป็นสุข ในห้วงยามที่ได้ปลีกวิเวกมาอาศัยอยู่ในกระท่อมเพียงคนเดียว ท่ามกลางหิมะขาวโพลนสุดสายตา บนดอยโกธิค รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา
บิลลี่ บาร์ เป็นชายชราวัย 69 ใบหน้าปกคลุมไปด้วยหนวดเคราสีดอกเลา เขานิยมให้ผู้คนเขียนชื่อเขาด้วยตัวพิมพ์เล็กเท่านั้นเพราะเขาบอกว่ามันดูเป็นกันเองกว่า ซึ่งนั่นยังไม่ประหลาดพอเมื่อเทียบกับการใช้ชีวิตสันโดษในกระท่อมอันห่างไกลเพียงลำพัง มานานเกือบห้าทศวรรษ หรือกว่า 17,000 วัน
“เดิมผมอยู่ในตัวเมืองเทรนตัน รัฐนิวเจอร์ซีย์ มันจะฟังดูตลกหน่อยที่ตอนนี้ผมมาปักหลักในดินแดนที่แตกต่างกันคนละขั้ว แต่ทำไงได้ถ้าผมมีทักษะการเข้าสังคมสักนิด ผมคงไม่มาลงเอยที่นี่หรอก”
ย้อนกลับไป 48 ปีที่แล้ว สมัยที่ บิลลี่ บาร์ ยังเป็นนักศึกษาด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมอยู่ที่มหาวิทยาลัยรัตเกอร์ส เขามีโอกาสขึ้นดอยโกธิค ในเทือกเขาร็อกกี้ เป็นครั้งแรกเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 1972 เพื่อทำการสำรวจคุณภาพน้ำกับห้องแลบชีววิทยาของเทือกเขาร็อกกี้ หลังจากได้สัมผัสที่นี่เพียงไม่นาน หนุ่มอายุ 21 คนนี้ก็ถูกเสน่ห์ของความเงียบสงบของโกธิคดึงดูดเข้าอย่างจัง
หลังจบการศึกษาในเทอมสุดท้าย บิลลี่ บาร์ ตัดสินใจหวนกลับมาที่ดอยโกธิคอีกครั้ง เขาอาศัยอยู่ในกระท่อมเก่า ๆ ขนาด 8x10 ฟุต ที่คนงานเหมืองทิ้งร้างนานกว่าแปดปี ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ในกระท่อมใหม่ ที่เขากับเพื่อน ๆ ช่วยกันสร้างขึ้นมา ซึ่งภายในนอกจากจะอบอุ่นป้องกันความหนาวได้ดีเยี่ยมแล้ว ยังแบ่งพื้นที่ไว้สำหรับโรงเรือนเพาะปลูกพืชผักไว้รับประทานอีกด้วย ซึ่งภายในเวลาไม่กี่ปี สวนเล็ก ๆ ของบิลลี่ บาร์ ก็เต็มไปด้วยสีเขียวสดใสของผักกาดหอม ผักกาดกวางตุ้ง ผักโขม มินท์ และ ต้นบีท
“ผมชอบที่นี่สุด ๆ ปลูกต้นมินท์โตเร็วเป็นบ้าเลยล่ะ”
โมงยามในแต่ละวันของ บิลลี่ บาร์ ถูกเติมเต็มด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งการเอกเขนกจิบชาถ้วยอุ่น ไปพร้อมกับทะเลหนังโปรด ที่เขาสะสมแผ่นไว้มากกว่า 1,900 เรื่อง โดยเฉพาะหนังรักโรแมนติกที่เขาชอบเป็นพิเศษ รวมไปถึงหนังจากบอลลีวูดและการ์ตูนดิสนีย์
สิ่งที่ยึดเหนี่ยวเขาไว้บนยอดดอยที่ห่างไกลจากชุมชนที่ใกล้ที่สุดเกือบสิบกิโลเมตร คือภารกิจที่เขาทำมาอย่างต่อเนื่องยาวนานแทบทุกวันเป็นเวลาเกือบ 50 ปี นั่นคือการสังเกตการณ์ สภาพอากาศ อุณหภูมิสูงต่ำ ปริมาณความหนาแน่นของหิมะ ที่เขาจดบันทึกอย่างละเอียดวันละสองรอบลงในสมุดบันทึกเก๋ากึ้กเล่มโต
ปัจจุบันกระท่อมน้อยของบิลลี่ติดแผงโซลาร์เซลล์ทันสมัย ทำให้มีไฟฟ้าสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งเขาใช้บันทึกข้อมูลประจำวันและอัพโหลดเพื่อให้นักวิทยาศาสตร์ได้นำไปใช้งาน เขาจะรวบรวมสรุปและออนไลน์ข้อมูลนี้ทุกวันเสาร์ โดยเครื่องมืออุปกรณ์และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของเขา ได้รับการสนับสนุนจากศูนย์ข้อมูลหิมะของรัฐโคโลราโด ที่เขาทำงานด้วยนานกว่า 35 ปี นอกจากนี้เขายังคงทำงานกับห้องแลบชีววิทยาของเทือกเขาร็อกกี้อยู่ตลอด
“ผมคิดว่าข้อมูลที่จดเป็นวิทย์มาก ๆ มันเป็นตัวเลขล้วน ๆ ที่ไม่มีเป้าหมายในการบันทึก แค่ข้อมูลของคนคนหนึ่งที่จดข้อมูลในสถานที่เดิม ๆ มานานหลายสิบปี ผมบันทึกรายละเอียดสภาพอากาศทุกอย่างเพราะความชอบส่วนตัว และเพราะผมอยู่ที่นี่มานาน เลยคิดว่ามันน่าจะมีประโยชน์บ้างแหละน่า จริง ๆ ผมไม่ใช่พวกชอบวางแผนไปไกล ๆ ตอนนั้นเลยไม่รู้ว่าจะได้อยู่ที่นี่นานเกือบห้าสิบปี”
แม้จะอยู่โดดเดี่ยวท่ามกลางหิมะที่หนาวเย็น บิลลี่ บาร์ ก็ยังมีสุขภาพที่ดีมาก ครั้งหนึ่งเขาเคยสกีเป็นระยะทางกว่า 1,000 กิโลเมตร ตลอดช่วงฤดูหนาว ซึ่งในอนาคตเขาบอกว่ายังไม่แน่ว่าจะอยู่ที่นี่ต่อไปได้นานแค่ไหน เพราะตอนนี้อายุเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่อย่างน้อยเขาอยากอยู่ที่นี่ให้ครบทั้ง 50 ฤดูหนาว
ความอินดี้ของบิลลี่ บาร์ ทำให้เขากลายเป็นตำนานของเมืองเล็ก ๆ ที่เขาไถสกีเป็นระยะทางเกือบยี่สิบกิโลเมตรเพื่อไปซื้อข้าวของเครื่องใช้และอาหารอยู่เป็นประจำเดือนละครั้งสองครั้ง ซึ่งการที่บิลลี่เฝ้ามองหิมะอย่างโดดเดี่ยวมานาน ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ได้ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปมากในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ที่เขารวบรวมไว้มากกว่า 12,000 รายการ
“ชั้นหิมะเริ่มบางลงเรื่อย ๆ เรากำลังสูญเสียมันมากขึ้นจากปัญหาโลกร้อน ผมอยากบอกว่าปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พวกเราช่วยกันแก้ไขได้ด้วยการเดินหน้าหาวิธีทำให้อากาศและน้ำสะอาดขึ้น ไม่งั้นเรื่องนี้มีแต่จะเลวร้ายลง ถ้าเรายังไม่ลงมือทำอะไรสักอย่าง”
ขณะที่มีคนเรียกเขาว่า ฤษี แต่บิลลี่ไม่เคยเรียกตัวเองเช่นนั้น เขาก็ยังมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นอยู่บ้าง พูดคุยกับนักสกีที่ผ่านไปมาเป็นระยะ โทรศัพท์หาน้องสาว และยังทำงานอยู่ที่ห้องแลบฯ ใกล้ ๆ ที่พัก เพียงแต่ว่า เขาอยากอยู่คนเดียว (เข้าใจไหม?)
และนี่คือ 5 เคล็ดลับในการสร้างระยะห่างทางสังคม (social distancing) ในแบบของบิลลี่ บาร์ ชายผู้ถือสันโดษมาเกือบ 50 ปี ซึ่งเจ้าตัวออกตัวก่อนว่า มันได้ผลสำหรับเขา แต่อาจจะไม่ได้ผลสำหรับคนอื่น!
1.เฝ้าติดตามอะไรสักอย่าง
ในแต่ละวัน บิลลี่สนใจติดตามเรื่องอากาศ เขาเริ่มวัดระดับหิมะมาตั้งแต่ช่วงปี 1970s ด้วยเหตุผลที่เขารู้สึกว่า "ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับอากาศ" เขาไถสกีสำรวจพื้นที่แล้วจดบันทึกข้อมูลลงไป ซึ่งเขาทำเช่นนี้ในการบันทึกเกี่ยวกับสัตว์ด้วย "สำหรับพวกนก โดยเฉพาะนกที่มาในฤดูใบไม้ผลิ มันน่าตื่นเต้นมาก"
การเฝ้าสำรวจอะไรบางอย่างจึงเป็นเรื่องสำคัญ เป็นคุณค่าแท้จริงกับชีวิตประจำวันของเขา ในช่วงเวลาที่เกิดโควิด-19 เขาแนะนำว่า จงติดตามเรื่องราวที่คุณสามารถติดตามได้ อาจจะเป็นเรื่องที่หลายคนสนใจร่วมกัน "คุณจะเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายที่คนอื่นนับพันทำเรื่องเดียวกับคุณ แล้วคุณก็กำลังติดตามสิ่งนั้น มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจนะ" (ในที่นี้เขาแนะนำโครงการ CoCoRaHS ซึ่งเป็นโครงการที่กลุ่มคนรักวิทยาศาสตร์ในแต่ละประเทศ เฝ้าติดตามปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ตัวเอง!)
2.ทำมันให้เป็นกิจวัตรประจำวัน
บิลลี่เริ่มต้นวันแต่เช้ามืด เขาตื่นตีสามครึ่งหรือตีสี่ และยังนอนอยู่บนเตียงถึงตี 5 เขาบอกว่าช่วงเวลาที่ผ่านมา ฟังข่าวในตอนเช้าที่มีข่าวเกี่ยวกับโควิด-19 เขาทั้งรู้สึกเศร้าและเกรี้ยวกราดไปกับมัน จนต้องเปลี่ยนไปฟังคลื่นวิทยุเก่า ๆ แทน เขาชอบทำกิจวัตรประจำวันเป็นเวลาที่แน่นอน "บางครั้งผมลืมไปว่าวันนี้วันที่เท่าไหร่ แต่ผมรู้ว่าเวลานี้เป็นเวลาไหน" จากการทำกิจวัตรประจำวันแบบนี้ ทำให้เขารู้เวลาที่แน่นอน แต่สิ่งสำคัญ เขาบอกว่า ต้องรู้จักให้รางวัลกับชีวิตในตอนจบวันด้วย อย่างเขาเอง จะอ่านหนังสือ ถักเสื้อ ดูหนัง หรือไม่ก็ดูการแข่งขันคริกเก็ต
3.เฉลิมฉลองกับสิ่งสำคัญเท่านั้น
บิลลี่ละทิ้งวันเทศกาลหรือวันเกิด แต่เขาจะเฉลิมฉลองให้กับเหตุการณ์อย่างวันที่ 17 มกราคม ที่พระอาทิตย์ได้กลับมาขึ้นอีกครั้งในฤดูหนาว “สำหรับผมแล้ว นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก ผมตื่นเร็วมากในตอนเช้า เมื่อมีแสงอาทิตย์ขึ้นแล้ว มันทำให้วันที่แสนสดใสของผมมันง่ายขึ้นมาก ๆ”
หรือบางที เขาก็เฉลิมฉลองง่าย ๆ หลังจากเขาไถสกีเข้าเมืองระยะทางหลายกิโลเมตรเพื่อซื้อเสบียง
"ในเมืองค่อนข้างเครียด ดังนั้นผมจึงเก็บหนังเรื่องโปรด อาหาร และกิจกรรมต่าง ๆ ไว้ทำหลังจากที่ผมไถสกีกลับจากเมืองมาที่บ้าน เหมือนกับว่า ‘วู้ฮู!’ ได้เวลาปาร์ตี้ใหญ่แล้ว”
4.โอบรับความรู้สึกอารมณ์เสียไว้
บางครั้งบิลลี่บอกว่า มันน่าพึงพอใจที่เราจะไม่สบอารมณ์กับอะไรบางอย่าง "ผมป่วยและเหนื่อยจากหิมะ แต่ผมก็ชอบล้อเล่นกับมัน และผมก็ไม่ตื่นเต้นอะไรกับมันนะ ดังนั้นผมชอบที่จะรู้สึกแบบนี้กับมัน เมื่อคุณมีอายุมากขึ้น คุณจะเริ่มพูดว่า 'โอเค ฉันจะไม่รู้สึกสบายใจเมื่อฉันรู้สึกไม่สบายใจจริง ๆ'"
ก็ไม่ใช่ว่าบิลลี่จะสุขุมนุ่มลึกรับได้กับทุกสถานการณ์ เขาเล่าให้ฟังว่า เขาเคยเจอชายคนหนึ่งเมื่อเก้าวันที่แล้ว (ในช่วงเวลาที่เขาเล่าเรื่องนี้) พอเข้าวันที่แปด ชายคนนั้นก็ป่วย ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็เป็นกังวลเหมือนกันว่าเขาจะป่วยเหมือนกันหรือเปล่า
สิ่งที่เขาจะบอกก็คือ จงยอมรับความรู้สึกที่เราเป็นจริง ๆ ในช่วงเวลานั้น
5.ใช้ภาพยนตร์เป็นตัวช่วยปรับอารมณ์
"หากผมรู้สึกเครียดจริง ๆ ผมจะดูภาพยนตร์แอนิเมชัน อะไรที่น่ารักและสนุกจะช่วยทำให้ผมหยุดคิดถึงมัน" บิลลี่ใช้ภาพยนตร์เป็นตัวช่วยในการปรับอารมณ์ หนังที่อารมณ์หนัก ๆ อย่างเช่น Pandamic หรือหนังแนวสยองขวัญเชิงจิตวิทยาอย่าง The Shining เขาไม่ดู แต่เขาจะดูหนังหวาน ๆ ของ ฮิวจ์ แกรนท์ อย่าง The Princess Bride, Love Actually หรือ Notting Hill
นอกจากนี้ เขาแนะนำหนังจากฝั่งบอลลีวูดอินเดียอย่าง Om Shanti Om, Bride and Prejudice และ English Vinglish บิลลี่บอกว่า "หนังเหล่านี้มีสีสัน มีเพลงและองค์ประกอบที่ดี" เขาบอกว่าได้ลิสต์หนังโปรดไว้ นับ ๆ ดูก็ประมาณ 357 เรื่อง
เมื่อ 20 ปีที่แล้ว บิลลี่ บาร์ได้เพิ่มห้องดูหนังในที่พักของเขา มีที่ฉายโปรเจกเตอร์ ผนังบุด้วยพรม และเก้าอี้สามตัว "ผมมีเก้าอี้ดี ๆ ไว้สำหรับตัวเองหนึ่งตัว แล้วก็มีเก้าอี้อีกสองตัวเผื่อคิดว่าจะชวนใครมาดู" เขาบอกปิดท้ายว่า "แต่ผมก็ไม่เคยชวนใครหรอกนะ"
จบเรื่องแบบสันโดษจริง ๆ
ที่มา :
https://www.nationalgeographic.com
https://www.9news.com
https://www.timesrecord.com
https://www.theatlantic.com
https://www.denverpost.com
https://www.youtube.com
https://www.npr.org/2020/04/01/824001085/tips-from-someone-with-50-years-of-social-distancing-experience?utm_campaign=storyshare&utm_source=facebook.com&utm_medium=social&fbclid=IwAR2dk2YjmblJ7IlpNvVxUUGXTrghw6P9AofIVftx0fL4HOOot0487vbfVZ8