Green Bay Packers ครองแชมป์มากที่สุด ด้วยระบอบประชาธิปไตย
กีฬาอาชีพ เป็นธุรกิจอย่างหนึ่ง นักลงทุนที่เอาเงินมาลงย่อมหวังผลกำไรหรือผลประโยชน์อื่นใดตอบแทน อาจจะเป็นเรื่องของการหาเงินล้วน ๆ หรืออาจใช้กีฬาในการสร้างภาพลักษณ์ให้กับตัวเองเพื่อให้ตัวเองเป็นที่รู้จักในวงกว้างเพราะอยากดัง อยากเป็นที่รู้จัก (แล้วอาจต่อยอดไปเล่นการเมือง)
และก็มีบ้างเหมือนกันที่ลงทุนด้วยรักในกีฬานั้น ๆ และอยากเห็นองค์กร หรือสโมสรกีฬานั้น ๆ ประสบผลสำเร็จ จึงเอาเงินส่วนตัวมาอุดหนุนหวังให้เกิดมรรคผลนั้นขึ้นมา แต่นักลงทุนแบบนี้ก็มีน้อยเหลือเกิน
แถมบางรายยังฮาร์ดคอร์ขนาดจับเสือมือเปล่า ไม่ได้ใช้เงินตัวเองแม้แต่น้อย แต่เอาเงินกู้มาเทกโอเวอร์โดยเอาสโมสรที่ตัวเองจะซื้อไปค้ำประกันไว้ก่อน เมื่อแผนสำเร็จ สโมสรที่เคยมีหนี้น้อยหรือแทบไม่มีเลย จึงกลับมามีหนี้ท่วมหัวขึ้นมาเสียอย่างนั้น และนั่นก็กระทบต่อแผนการพัฒนาด้านการกีฬาอย่างเลี่ยงไม่ได้
แต่ปัญหาเช่นนั้นจะไม่เกิดขึ้นเลยหากสโมสรกีฬาหันมาใช้ระบอบประชาธิปไตยเหมือน "Green Bay Packers" ทีมอเมริกันฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์
กรีนเบย์เป็นอดีตสถานีการค้าของชาวอาณานิคมฝรั่งเศส ก่อนอังกฤษขึ้นมามีอำนาจในภายหลัง และเรียกดินแดนในแถบนี้ซึ่งตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำฟอกซ์ (ออกไปยังทะเลสาบมิชิแกน) ว่า "กรีนเบย์" ด้วยเหตุที่แม่น้ำและชายฝั่งที่นี่สีออกไปทางเขียว ๆ
ส่วนประวัติศาสตร์ของ The Packers เริ่มต้นในปี 1919 หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลงได้ไม่นาน ในหนังสือแนะนำประวัติศาสตร์ของทีมเล่าว่า มีการรายงานข่าวของสื่อท้องถิ่นถึงการประชุมจัดตั้งทีมอเมริกันฟุตบอลกึ่งสมัครเล่นทีมนี้ขึ้น รายละเอียดการประชุมเป็นอย่างไร ใครทำหน้าที่อะไรในการประชุมบ้างไม่ปรากฏชัด แต่ในรายงานของ Green Bay Press-Gazette ฉบับวันที่ 13 สิงหาคมปีเดียวกันนั้นเองระบุว่า Indian Packing Co. บริษัททำเนื้อบรรจุกระป๋องรับจะเป็นสปอนเซอร์ให้
ทำให้ทีมได้รับฉายาว่า "The Packers" มานับแต่นั้นเป็นต้นมา
The Packers เริ่มเข้าเป็นสมาชิกสมาคมอเมริกันฟุตบอลอาชีพในปี 1921 ก่อนที่องค์กรดังกล่าวจะเปลี่ยนมาใช้ชื่อ National Football League หรือ NFL เพียงไม่ถึงหนึ่งปีหลังจากนั้น
ในยุคนั้นกรีนเบย์เป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ จากตัวเลขสำมะโนประชากรในปี 1920 ที่นี่มีประชากรอยู่เพียง 31,017 คนเท่านั้น นับเป็นเมืองที่เล็กที่สุดที่เป็นที่ตั้งของทีมฟุตบอลในลีก NFL และพวกเขาก็มีปัญหาขัดสนเรื่องเงินอยู่เนือง ๆ แต่การที่สโมสรอยู่รอดมาได้อีกร้อยปี และกลายเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ก็เนื่องจากวิสัยทัศน์อันยอดเยี่ยมของผู้สนับสนุน
เรื่องมีอยู่ว่า ในปี 1922 ทีมประสบปัญหาด้านการเงินอย่างหนัก เพราะทางสปอนเซอร์หลักอย่าง Acme Packing ที่ควบรวมกิจการกับ Indian Packing ไปก่อนหน้ามีปัญหาหนี้ท่วมหัว ทางทีมก็เลยตัดสินใจถอยออกมา แต่ก็เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดด้วยสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ มีฝนตกหนักอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกมในบ้านหาคนดูได้น้อย ยิ่งเล่นทีมก็ยิ่งขาดทุน
และในวันขอบคุณพระเจ้าซึ่งเป็นวันที่พวกเขามีเกมนอกลีกก็เกิดฝนตกหนักติดต่อกันเป็นสิบชั่วโมง ถึงเวลาก็มีคนมาดูเพียงหรอมแหรม ทางเจ้าหน้าที่สโมสรจึงอยากจะยกเลิกการแข่งขัน แต่ แอนดรูว์ เทิร์นบูล (Andrew Turnbull) หนึ่งในเจ้าของหนังสือพิมพ์ Press-Gazette โน้มน้าวเจ้าหน้าที่ให้จัดการแข่งขันต่อไป และให้สัญญาว่า ถ้าทีมลงเล่นเขาจะเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการรณรงค์ให้กลุ่มธุรกิจในกรีนเบย์มาช่วยสนับสนุนทีมหลังฤดูกาลแข่งขันในปีดังกล่าวจบลง
เมื่อทางสโมสรลงเล่นตามคำขอ เทิร์นบูลก็ทำตามสัญญา เขาเป็นผู้นำในการระดมกำลังจัดตั้ง Green Bay Football Corporation ให้กลายเป็นสโมสรฟุตบอลที่ "ไม่แสวงหากำไร" โดยให้แฟนบอลเป็นเจ้าของสโมสรร่วมกัน
ไม่แสวงหากำไรหมายความว่าอย่างไร?
จากข้อมูลของสโมสร ปัจจุบันผู้ถือหุ้นสโมสรทั้งหมดมีจำนวน 361,169 คน จำนวนหุ้นทั้งหมด 5,009,562 หุ้น (การขายหุ้นครั้งล่าสุดมีขึ้นเมื่อปี 2011) แต่ผู้ถือหุ้นอย่าได้หวังว่าพวกเขาจะรวยขึ้นมาจากความสำเร็จของสโมสร เพราะความเป็นเจ้าของของพวกเขา นอกจากจะได้มาซึ่งอำนาจในการลงคะแนนเลือกคณะกรรมการบริหารแล้ว มันไม่ได้ก่อให้เกิดกำไรใด ๆ ไม่มีการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น รายได้ส่วนเกินของสโมสรมีแต่จะต้องเก็บไว้เพื่อกิจการของสโมสรหรือเพื่อการกุศลอื่น ๆ เท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีข้อกำหนดไม่ให้ผู้ถือหุ้นรายหนึ่ง ๆ ถือหุ้นเกิน 200,000 หุ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้มีกำลังทรัพย์เทกโอเวอร์สโมสรไปได้ ทำให้ The Packers เป็นสโมสรฟุตบอลเพื่อแฟนบอลที่รักสโมสร ไม่หวังผลประโยชน์ (ในเชิงการค้า) ใด ๆ จากสโมสรอย่างแท้จริง
ผลของโครงสร้างสโมสรแบบนี้ ทำให้แฟนบอลมี “เสียง” ที่แท้จริงที่จะสามารถกำหนดทิศทางของสโมสรได้ ไม่เหมือนสโมสรอื่น ๆ ที่ต่อให้คุณลงทุนกับสโมสรแค่ไหน เป็นแฟนบอลมากี่ปี ซื้อตั๋วปี ซื้อเสื้อทีมทุกฤดูกาล แต่มันก็ไม่ทำให้คุณมีอำนาจในการแต่งตั้งลงคะแนนเลือกตัวแทนที่จะเป็นผู้สะท้อนความต้องการของแฟนบอลในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารได้ ยิ่งสโมสรไหนถูกมหาเศรษฐีซื้อไปเป็นกรรมสิทธิ์ ถือสิทธิขาดแต่เพียงผู้เดียว สิ่งที่แฟนบอลจะทำได้ก็คือการภาวนาว่าเศรษฐีรายนั้นรักทีมกีฬาทีมนั้น ๆ จริง ๆ ไม่ได้หวังแค่มาขุดทองจากสโมสรที่สร้างขึ้นมาด้วยแรงสนับสนุนของแฟน ๆ แต่แแฟน ๆ กลับไม่มีสิทธิใด ๆ (เจ้าของบางรายที่ขู่จะย้ายสโมสรหนีแฟนบอลก็มี)
ฝ่ายผู้บริหารก็สามารถทำงานไปตามวาระ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกนายจ้างเผด็จการปลดทิ้งกลางอากาศเพราะความขัดแย้งเบื้องหลัง ไม่เกี่ยวกับผลงานในสนาม หรือประเด็นอื่นใดที่แฟน ๆ มิได้รับรู้ด้วย
นี่ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ Green Bay Packers ประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนานหลายยุคหลายสมัย คว้าแชมป์ไปมากที่สุด 13 ครั้ง (9 ครั้ง ก่อนยุค Super Bowl) แม้ว่าในระยะหลัง (2017-18) The Packers จะทำผลงานได้ไม่น่าประทับใจ แต่แฟนบอลที่ภาคภูมิใจในการเป็น “เจ้าของสโมสร” (เห็นได้จากเสื้อหรือหมวกที่พวกเขาใส่เชียร์ทีมจะมีคำว่า “Owner” แปะอยู่) ก็ยังคงให้การสนับสนุนอย่างเหนียวแน่นเช่นเดิม ด้วยความหวังว่า การเปลี่ยนผ่านสู่ความสำเร็จยุคต่อไปจะต้องมาถึง
แต่ความสำเร็จของ The Packers ยากที่ใครจะเลียนแบบ ด้วยธุรกิจกีฬาในปัจจุบันมีมูลค่าสูงมากเกินกว่าที่แฟน ๆ จะรวมเงินไปซื้อทีมจากมหาเศรษฐีแล้วร่างกฎแบบ The Packers ขึ้นมาเพื่อให้แฟนบอลเป็นผู้กำหนดทิศทางของสโมสรด้วยตนเอง นอกจากนี้ ในธรรมนูญและกฎหมายประกอบของ NFL ก็ยังกำหนดไว้อีกว่า สมาชิกใหม่ของ NFL จะเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรไม่ได้ มันจะต้องเป็นสโมสรทางธุรกิจเต็มตัวเท่านั้น มันจึงเป็นการปิดตายไม่ให้ใครลอกเลียนแบบ The Packers ได้อีก