จะเป็นอย่างไรถ้าเหล่าเยาวชนในวันนี้ มารวมตัวกันเพื่อวางแผนสำหรับโลกที่พวกเขาต้องเผชิญในวันพรุ่งนี้ โดยมีผู้ใหญ่ส่งไม้ต่อแล้วถอยออกมาคอยช่วยเหลือและแบ่งปันประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาในวันวาน
นั่นจึงเป็นที่มาของการประชุมสุดยอดผู้นำเยาวชนระดับโลก One Young World Summit เวทีที่เปิดให้เยาวชนอายุ 18-30 ปี จากทั่วโลก ผู้มีความคิดและความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาและการพัฒนา มีโอกาสได้เรียนรู้จากผู้มีความสามารถในระดับโลก เพื่อสั่งสมประสบการณ์การประชุม ให้เกิดทักษะความเป็นผู้นำ โดย One Young World Summit ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเอกชน มหาวิทยาลัย และ องค์กรต่าง ๆ เพื่อร่วมขับเคลื่อนและพัฒนาเยาวชนจากทั่วทุกมุมโลก
สำหรับการประชุมสุดยอดผู้นำเยาวชนระดับโลก One Young World 2019 ซึ่งจะจัดขึ้น ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ 22-25 ตุลาคม 2562 มีตัวแทนกลุ่มผู้นำรุ่นใหม่จากประเทศไทยจำนวน 21 คนเข้าร่วม โดยได้รับการสนับสนุนภายใต้โครงการ “ซีพีสานฝัน ปันโอกาสสู่ผู้นำรุ่นใหม่ One Young World 2019” ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2558 เพื่อส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่เป็นผู้นำแห่งอนาคต และส่งต่อแรงบันดาลใจจากรุ่นสู่รุ่น
ในปีนี้ การประชุมสุดยอดผู้นำเยาวชนระดับโลก One Young World Summit 2019 ได้หยิบยกปัญหาสำคัญของโลกที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนใน 5 ประเด็น คือ การศึกษา (Education) เสรีภาพสื่อ (Media Freedom) การสร้างสันติภาพในอนาคต (Peaceful Future) การเปลี่ยนแปลงสภาวะโลก ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ (Planetary Health) และ การบรรเทาภาวะยากจนและการพัฒนาเศรษฐกิจ (Poverty Alleviation)
“การศึกษาเป็นปัญหาหลัก ๆ ของสังคมเราในปัจจุบัน ก็คือถ้าเราสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ ปัญหาอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นความยากจน ความเหลื่อมล้ำทางรายได้ หรือปัญหาลดโลกร้อน มันก็สามารถจะลดลงได้” สุมนนา ไชยเทพ หนึ่งในตัวแทนผู้นำรุ่นใหม่ One Young World 2019 กล่าวถึงปัญหาที่โลกของเรากำลังเผชิญหน้า
ด้าน ณาคิน เหลืองนวล อีกหนึ่งในตัวแทนผู้นำรุ่นใหม่ One Young World 2019 ได้เพิ่มเติมว่า “ความยากจนจะมีอีกประเด็นหนึ่งที่ซ้อนทับกันอยู่ คือเรื่องความเหลื่อมล้ำ ปัญหาก็คือคนที่มีรายได้น้อยเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน พอเราไม่มีทุนมาประกอบการ เราก็ไม่สามารถต่อยอดทางธุรกิจได้ รายได้ก็จะลดลงเรื่อย ๆ”
โดยกลุ่มผู้นำรุ่นใหม่ One Young World 2019 จากประเทศไทยจำนวน 21 คนนี้ จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายผู้นำคนรุ่นใหม่เกิดขึ้นจากเวทีนี้กว่า 10,000 คนจากทั่วโลก ซึ่งพวกเขาเหล่านี้มีส่วนกำหนดทิศทางและอนาคตของโลก ให้เปลี่ยนแปลงไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ที่ผ่านมาพวกเขามีส่วนสำคัญในการช่วยผู้คนกว่า 17.5 ล้านคน ให้ได้รับการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
การที่เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่ต่างมีความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลงโลกได้มาร่วมประชุมกัน ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนแบ่งปันความคิดสร้างสรรค์ และวิธีการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนที่มีความสนใจในประเด็นปัญหาใกล้เคียงกัน ที่สำคัญในการประชุมสุดยอดผู้นำเยาวชนระดับโลก One Young World ในทุก ๆ ปี ได้รับเกียรติจากผู้นำระดับโลกอาทิ ศาสตราจารย์ ดร.มูฮัมหมัด ยูนูส ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีประเทศแคนาดา รวมถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงในระดับโลกหลากสาขาอาชีพ ที่จะมาร่วมสร้างแรงบันดาลใจพร้อมผนึกกำลังสร้างเครือข่ายผู้นำและเยาวชนคนรุ่นใหม่เพื่อผลักดันให้โลกใบนี้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน
1 ใน 21 ตัวแทนผู้นำรุ่นใหม่ One Young World 2019 จากประเทศไทย อย่าง โยษิตา จำปาเฟื่อง ได้พูดถึงข้อดีของการประชุมนี้ว่า “การที่เข้าร่วมโครงการนี้ ทำให้ไปเชื่อมต่อกับเพื่อนที่มีไอเดียร่วมกัน โดย One Young World รวมกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ที่สนใจในหัวข้อเดียวกัน มาอยู่ด้วยกัน เพื่อแก้ปัญหาเดียวกัน เราได้เจอคนที่มีความมุ่งมั่นเหมือนกัน ได้มาปรึกษาหารือกัน จากคนตัวเล็ก ๆ อย่างเรา ไปสู่ชุมชนที่ใหญ่ขึ้น และใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยสองมือของเราร่วมมือกันร่วมแรงร่วมใจกัน”
ส่วน ศศิอาภา ไชยะเดชะ และ วรเศรษฐ์ ฉัตรอำไพวงศ์ เป็นตัวแทนของกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ได้รับการส่งต่อแรงบันดาลใจ จากรุ่นพี่กลุ่มผู้นำรุ่นใหม่ One Young World 2018 มาสู่เหล่าเยาวชนที่เป็นตัวแทนในปีล่าสุด ที่พร้อมจะส่งต่อความมุ่งมั่นไปยังเยาวชนคนอื่น ๆ เพื่อร่วมกันเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ไปด้วยกัน
“ปัญหาเล็ก ๆ สะสมไปนาน ๆ ก็ใหญ่อยู่ดี ดังนั้นถ้าเราเห็นปัญหาแล้วทำอะไรได้ เราลองชวนเพื่อน เราลองชวนคนข้าง ๆ มาคุยกันช่วยแก้ปัญหาเล็ก ๆ นั้นก่อนที่มันจะใหญ่ เริ่มที่ตัวเราก่อน แล้วเราค่อย ๆ ขยับไปทีละนิด จริง ๆ เราก็สามารถช่วยเหลือสังคมได้แค่ตระหนักและลงมือทำในสิ่งเล็ก ๆ มันสามารถกระจายเป็น impact ใหญ่ ให้กับปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันได้”
“ปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบัน ถึงแม้มันเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ แต่สุดท้ายแล้วถ้าเราร่วมมือกัน เราจะทำให้ความเป็นไปไม่ได้นั้นเป็นไปได้ มันสำคัญที่ว่าเรารู้สึกอยากจะเปลี่ยนอะไรสักอย่างหรือเปล่า เปลี่ยนอะไรสักอย่างเพื่อให้อย่างน้อยตัวเราเองในอีก 5 ปี หรือ 10 ปี ข้างหน้า ได้อยู่ในสังคมที่เป็นสังคมที่ดี เป็นสังคมที่ทุกคนอยู่แล้วมีความสุข”