โทนี่ โทนี่ ช็อปเปอร์ อีกด้านของความเป็นอื่นใน One Piece
"ฉันจะเป็นหมอที่รักษาโรคร้ายได้ทุกโรค! เพราะว่า... เพราะว่ามันไม่มีโรคไหนหรอกที่รักษาไม่ได้!"
โทนี่ โทนี่ ช็อปเปอร์ ตะโกนบอกความปรารถนาของเขาทั้งน้ำตาในวันที่ด็อกเตอร์ (กำมะลอ) ฮิลรุค 'ออกเดินทางไกล' เมื่อกลีบซากุระโปรยท่ามกลางละอองหิมะ อีกไม่กี่ปีต่อมา เขากลายเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง หนึ่งในโจรสลัดที่ถูกจัดอันดับว่าอันตรายอย่างที่สุดในแกรนด์ไลน์
วันพีซ (One Piece) มังงะจากจินตนาการและปลายน้ำหมึกของ เออิจิโร่ โอดะ ว่าด้วยการเดินทางของเหล่าโจรสลัดกลุ่มหมวกฟางที่นำทัพโดย มังกี้ ดี ลูฟี่ เด็กหนุ่มที่กินผลปีศาจยางเข้าไปทำให้ร่างกายกลายเป็นยาง กับคำสาปจากผลไม้ที่ทำให้เขาว่ายน้ำไม่ได้ และเหล่าเพื่อนพ้องที่เป็นเสมือนธีมหลักของมังงะซึ่งออกเรือเดินทางเป็นครั้งแรกในปี 1997 ก่อนจะได้รับความนิยมสูงสุดจนกลายเป็นหนึ่งในมังงะที่ทรงอิทธิพลที่สุดเรื่องหนึ่งในยุคสมัย
โทนี่ โทนี่ ช็อปเปอร์ (หรือที่เราจะเรียกอย่างสั้น ๆ ต่อไปนี้ว่าช็อปเปอร์) ปรากฏตัวครั้งแรกในตอนที่ 134 เขาคือเจ้ากวางเรนเดียร์จมูกน้ำเงินที่ติดตามด็อกเตอร์คุเรฮะ-คุณหมอเพียงหนึ่งเดียวของอาณาจักรดรัมอันหนาวเหน็บ-ไปทุกหนทุกแห่ง จังหวะเดียวกันกับที่เหล่าลูกเรือหมวกฟางตั้งใจจะเดินทางไปกอบกู้อาณาจักรที่ดินแดนอลาบาสต้า หากแต่ต้นหนเรืออย่าง นามิ กลับล้มป่วยหนักจนทุกคนประเมินอาการว่าหากไม่ถึงมือหมอ อย่าว่าแต่จะไปอลาบาสต้าหรือข้ามแกรนด์ไลน์ ลำพังมีชีวิตอยู่บนเรือข้ามวันคงไม่ไหว พวกเขาจึงแวะพานามิมาหาหมอที่อาณาจักรดรัมที่ขึ้นชื่อเรื่องการแพทย์เสียก่อนออกเดินทางต่อ
แต่อนิจจา อาณาจักรดรัมนั้นกลับมีหมอเพียงคนเดียวเท่านั้นคือด็อกเตอร์คุเรฮะ สาววัย 139 ปีที่นาน ๆ จะโผล่มารักษาคนสักที แถมยังระเห็จขึ้นไปอยู่บนยอดเขาสูงจนยากจะตามตัวเจอ ครั้นลูฟี่จะหาหมอคนอื่นให้นามิ ก็พบว่าอาณาจักรดรัมนั้น 'ผูกขาด' การแพทย์และความเป็นตายของผู้คนไว้ที่กษัตริย์วาโปที่พวกเขาเพิ่งวิวาทมาด้วย จนการจะไปอ้อนวอนขอให้วาโปให้แพทย์ในสังกัดมารักษานามินั้นดูจะสิ้นหวัง ลูฟี่จึงแบกร่างของเธอไต่ขึ้นเขาสูงที่เต็มไปด้วยหิมะกับกระต่ายกินเนื้อ เพื่อไปขอให้คุเรฮะซึ่งอยู่นอกการปกครองของรัฐรักษาให้แทน โดยไม่รู้เลยว่าฝ่ายหลังจะยินยอมรักษาให้หรือไม่ อย่างไรก็ดี เขากัดฟันไต่เขาขึ้นไปมือเปล่า แบกทั้งร่างของนามิ และ ซันจิ เพื่อนร่วมสังกัดที่บาดเจ็บสาหัสจากการถูกหิมะถล่มขึ้นไปจนถึงยอดเขา และแม้จะไต่มาได้จนถึงยอด หากแต่ความเหนื่อยกับอากาศหนาวเย็นสุดขีดทำให้เขาพลัดหล่นลงมา ทั้งเขา ซันจิ และนามิ คงตายไปแล้วหากไม่ได้ใครคนหนึ่งคว้าร่างไว้
ช็อปเปอร์ปรากฏตัวให้เราเห็นชัดเจนกันในตอนนั้น เขาช่วยลูฟี่ขึ้นมาจากความตายด้วยความประทับใจอยู่ลึก ๆ ที่เห็นชายหนุ่มแปลกหน้าสู้ฝ่าความสูงและความหนาวที่ควรจะถึงแก่ชีวิต มาจนถึงปราสาทของคุเรฮะโดยไม่รู้แน่ชัดว่าหล่อนจะยอมรักษาให้หรือไม่ และนี่เป็นคุณสมบัติแรก ๆ ที่ทำให้เขาสนใจในตัวลูฟี่ มนุษย์ยางยืดแปลกหน้าคนนั้น
ไม่แปลกเลยที่ช็อปเปอร์จะสนใจและอ่อนไหวกับความพยายามดูแลพวกพ้องของลูฟี่ ตัวเขาเองเป็นกวางเรนเดียร์ที่ 'เป็นอื่น' เสมอนับตั้งแต่แรก เนื่องมาจากจมูกสีน้ำเงินผิดจากเรนเดียร์ตัวอื่น ๆ ทำให้สมาชิกในฝูงกีดกันเขา ซ้ำร้ายกว่านั้น เขายังไปกินผลไม้ปีศาจอย่างผลมนุษย์ อันทำให้เขาเป็นเรนเดียร์ที่เดินสองขา ทั้งหมดนี้ส่งให้ช็อปเปอร์ถูกขับออกจากกลุ่ม เขาจึงสำนึกเสมอว่าตัวเองไม่ใช่ทั้งกวางเรนเดียร์มากเท่า ๆ กับที่ไม่ใช่มนุษย์ ยิ่งการกลายสภาพเป็นเรนเดียร์ที่รูปร่างใหญ่โตแบบคนแต่ก็ไม่ใช่คน ยิ่งทำให้เขาเป็นเป้าหมายของการทำร้ายจากคนในหมู่บ้าน จนโลกไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากนรกสำหรับช็อปเปอร์ และในสภาพที่บาดเจ็บสาหัสจากการถูกทำร้าย ฮิลรุค ชายแปลกหน้าที่อ้างตัวเองว่าเป็นหมอก็ช่วยรักษาเขาให้หายจากอาการเจ็บไข้ ไม่แยแสลักษณะรูปร่างของช็อปเปอร์ที่ 'ไม่ใช่ทั้งเรนเดียร์และไม่ใช่ทั้งมนุษย์' ด้วยเหตุผลที่ว่าช็อปเปอร์บาดเจ็บและสมควรได้รับการรักษา
กล่าวกันอย่างรวบรัด ฮิลรุคนี่เองที่โอบกอดช็อปเปอร์เข้าไปในอ้อมแขนเป็นคนแรก
ฮิลรุคเป็นนักทดลอง เขามักสร้างสูตรยาสารพัดขนานโดยหวังจะรักษาทุกโรคให้หายขาดได้ เพื่อปลดปล่อยชาวเมืองดรัมออกจากการผูกขาดทางการแพทย์อันโหดร้ายและกดขี่ของวาโป ฮิลรุคกับช็อปเปอร์จึงเป็นสองคนที่อยู่นอกกฎหมายและชายขอบ เพราะคนแรกก็เป็นหมอกำมะลอที่ชาวบ้านรังเกียจ อีกคนก็เป็นเสมือน 'สัตว์ประหลาด' ที่พวกเขาไม่อยากรับเข้ามา คู่หูคนนอกจึงกอดคอกันทดลองยาและสร้างสิ่งใหม่ ๆ เรื่อยไป ขณะที่ชาวบ้านต้องเจอกับการรีดไถทางการแพทย์อันโหดร้ายจากภาครัฐ กระทั่งเมื่อร่างกายของฮิลรุคทรุดโทรมจากโรคร้ายอย่างเต็มที่จนกำหนดเวลาตายได้ ด้วยกลัวจะกลับไปสู่โลกแห่งความโดดเดี่ยวอีกหน ช็อปเปอร์จึงออกล่าหาเห็ดวิเศษที่ว่ากันว่าช่วยรักษาโรคทุกโรคได้... โดยไม่รู้เลยว่านั่นเป็นเห็ดพิษที่กินเข้าไปแล้วต้องตายในเวลาไม่นาน
อาจจะด้วยรู้ดีว่าอายุขัยของตัวเองคงไม่ยืนยาวไปกว่านั้น อาจจะด้วยพยายามรักษาน้ำใจของเจ้าเรนเดียร์คู่หู หรืออาจจะด้วยอยากกำหนดเวลาตายที่แน่นอนให้ตัวเอง ฮิลรุคจึงกัดฟันกินเห็ดนั้นแล้วตายไปกับเจตนารมณ์ต่อต้านการผูกขาดทางการแพทย์ของวาโป
เหตุการณ์นั้นทำให้ช็อปเปอร์ซึ่งนับถือฮิลรุคเป็นพ่อหัวใจสลาย เขาตั้งใจแน่วแน่ว่าจะเป็นหมอที่รักษาได้ทุกโรคและเข้าไปเรียนวิชาการแพทย์กับด็อกเตอร์คุเรฮะ แพทย์อีกคนของอาณาจักรดรัมที่แสนจะไว้ตัวและไม่เข้าร่วมการผูกขาดทางการแพทย์ของรัฐ ขณะที่วาโปก็ยังดำเนินนโยบายนี้ต่อมาอีกหลายปี จนชาวเมืองดรัมที่ล้มตายเพราะโรคภัยอยู่เรื่อย ๆ เนื่องจากไม่มีเงินทองมากพอจะจ่ายค่ารักษาของรัฐ และมาถึงมือด็อกเตอร์คุเรฮะซึ่งเป็นแพทย์เพียงหนึ่งเดียวที่อยู่นอกกฎหมายของรัฐไม่ทัน
แต่บาดแผลนั้นของช็อปเปอร์ก็ได้รับการเยียวยาเมื่อลูฟี่มาถึง ภายหลังจากเกือบถูกลูฟี่และซันจิเอาไปย่างเป็นอาหาร (...) เขาก็เห็นว่ากัปตันเรือหมวกฟางมีบางอย่างที่เหมือนกันกับเขา นั่นคือเป็นมนุษย์กึ่งยาง (แม้แต่ซันจิเองยังเรียกลูฟี่เชิงขำขันว่า "ก็หมอนั่นเป็นปีศาจน่ะสิ") และเป็นพวกนอกกฎหมายที่ถูกรัฐ (ในนามกองทัพเรือ) ตามล่าแทบพลิกแผ่นดิน การมาเยือนของลูฟี่กับพรรคพวกช่วยทำลายการกดขี่และการผูกขาดทางการแพทย์ของวาโปลงได้อย่างเด็ดขาด เมื่อลูฟี่สาวหมัดใส่หน้าวาโปจนน็อค ขณะที่สมาชิกกลุ่มคนอื่น ๆ จัดการกับลูกน้องของวาโปเสียอยู่หมัด ยุคสมัยอันขูดรีดของวาโป ซึ่งเป็นศัตรูที่ทิ่มแทงฮิลรุคเมื่อสมัยยังมีชีวิตมาอย่างยาวนาน จึงสิ้นสุดลงเท่า ๆ กับที่หนามยอกใจของช็อปเปอร์ถูกขจัดออกไป
นั่นคือจุดกำเนิดการออกเรือของช็อปเปอร์ ในวันที่เขารู้สึกว่าได้รับการยอมรับและถูกเข้ารับเป็นพวกแล้วโดยกลุ่มคนที่ไม่แยแสว่าเขาจะมีจมูกสีน้ำเงิน หรือจะเป็นมนุษย์ หรือเป็นกวาง สำหรับสมาชิกกลุ่มหมวกฟาง ช็อปเปอร์คือหมอประจำกลุ่ม คือเพื่อนรักที่จะร่วมเป็นร่วมตายไปกับการเดินทางอันยาวไกลของลูฟี่ (ที่จริง ๆ ก็ประทับใจที่ช็อปเปอร์กลายร่างได้ตั้งเจ็ดขั้น!) ปราศจากความเป็นอื่นที่ทำร้ายช็อปเปอร์มาโดยตลอด
ไม่แปลกเลยที่ช็อปเปอร์จะกลายเป็นตัวละครขวัญใจหลาย ๆ คน รวมไปถึง มาซาชิ คิชิโมโตะ คนวาดมังงะ นารูโตะ ที่เคยให้สัมภาษณ์ว่าเขารักเจ้ากวางเรนเดียร์นี้หมดหัวใจ
"ตัวละครที่ผมชอบที่สุดคือช็อปเปอร์ ฉากที่เขาเจอกับด็อกเตอร์ฮิลรุคกับฉากที่ดอกซากุระโปรยคือฉากที่ซึ้งที่สุดเลย ลูฟี่น่ะเป็นตัวละครหลักและเป็นที่รักก็จริง แต่นั่นก็เพราะว่ามีตัวละครอย่างช็อปเปอร์อยู่ในเรื่องด้วย ผมหมายถึงว่า ตัวละครทั้งสองคือขั้วตรงข้ามที่แข็งแกร่งด้วยกันทั้งคู่ ช็อปเปอร์คือสมาชิกหลักในกลุ่มโจรสลัด เขาคือตัวละครที่น่ารักและเป็นสัตว์ประหลาดด้วย"
ขณะที่โอดะซึ่งออกแบบช็อปเปอร์ ให้เหตุผลถึงความน่ารักน่าชังของตัวละครนี้ว่า เดิมทีนั้นช็อปเปอร์มีรูปร่างผอมสูงแบบกวางเรนเดียร์ปกติเพียงแต่ยืนสองขา ซึ่งทำให้รูปลักษณ์ดูประหลาดสุดขีด
"ตอนแรกผมกะจะสร้างเขาให้เป็นตัวละครหน้าตาตลก ๆ ด้วยการให้เป็นเรนเดียร์ไซส์ปกติที่เดินด้วยสองขา แต่ลูฟี่กับสมาชิกในเรือก็โดดเด่นและได้รับความนิยมอย่างล้นเหลือ จนผมหาที่ทางให้ตัวละครช็อปเปอร์ไม่ได้ ถ้าผมดึงดันจะสร้างช็อปเปอร์เป็นแบบนั้น เขาคงถูกตัวละครอื่น ๆ กลบอย่างแน่นอน ผมเลยออกแบบให้เขาตัวเล็กลงและน่ารักมากขึ้น"
แน่นอนว่ามันดันเป็นวิธีออกแบบที่แสนจะได้ผลของโอดะ เพราะช็อปเปอร์ขึ้นแท่นเป็นตัวละครที่ได้รับความนิยมอย่างยาวนานมาโดยตลอด แถมฟิกเกอร์ยังขายดีเป็นเทน้ำเทท่าติดอันดับของหลายสำนัก อย่างไรก็ดี ในมังงะนั้น ช็อปเปอร์ดันถูกเข้าใจผิดว่าเป็น เอ่อ... สัตว์เลี้ยงของกลุ่มหมวกฟางจนมีค่าหัวแค่หนึ่งร้อยเบรีถ้วน ขณะที่สมาชิกคนอื่น ๆ อัพค่าหัวกันทะลุร้อยล้านเบรีกันไปไกลแล้ว
และแม้จะเป็นหมอ แต่ช็อปเปอร์ก็มีบทบาทไม่น้อยในด้านการต่อสู้ช่วยเหลือเพื่อนฝูง โดยเฉพาะเมื่อถึงนาทีที่พยายามชิงตัว นิโค โรบิน หนึ่งในสมาชิกหมวกฟางกลับมาจากการจับกุมของกองทัพเรือ เขายอมสละตัวตนกลับไปสู่ร่างปีศาจเต็มขั้นที่ตัวเขาเองเกลียดกลัวอีกครั้งเพื่อเอาชนะการต่อสู้ และช่วยเหลือโรบินออกมาให้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไร แม้จะหมายรวมถึงชีวิตเขาเองก็ตาม และนั่นคงพอจะยืนยันถึงธีมหลักที่ One Piece เน้นย้ำมาโดยตลอดตั้งแต่เล่มแรกอย่างคำว่า ‘พวกพ้อง’ ที่ช็อปเปอร์โหยหามาโดยตลอดนั่นเอง