11 ต.ค. 2562 | 17:06 น.
หนึ่งในนักแสดงแห่งยุค 90s อีกคนในวงการ ชื่อของ เจฟฟ์ โกลด์บลุม (Jeff Goldblum) นักแสดงชาวอเมริกัน ก็คงผุดขึ้นมาในหัวของใครหลายคน ส่วนตัวผมโตมากับหนังของโกลด์บลุมหลายเรื่อง ทั้ง The Fly (1986), Independence Day (1996) และโดยเฉพาะบท ดร.เอียน มัลคอร์ม จากหนังเรื่อง Jurassic Park (1993)
เวสต์โฮมสเตด คือย่านชานเมืองของพิตต์สเบิร์กที่โกลด์บลุมเติบโตมา ย้อนกลับไปในวัยเด็กเขาก็เหมือนกับเด็กทั่วไปที่มีความฝัน แน่นอนว่าอาชีพในฝันของโกลด์บลุมตอนนั้นก็คือการเป็นนักแสดงอาชีพ ซึ่งนอกจากความสามารถในการแสดงที่ทำให้คนได้รู้จักเขาแล้ว น้อยคนนักที่จะรู้ว่าก่อนเข้าวงการฮอลลีวูด โกลด์บลุม เคยเป็นนักดนตรีแจ๊สมาก่อน ในวัย 10 ขวบเขาค้นพบว่าตัวเองเล่นเครื่องดนตรีอย่างเปียโนได้ดี หลังโดนทางบ้านบังคับให้ฝึกเล่นมาตั้งแต่เล็กๆ
“ผมทำมัน (เล่นเปียโน) ได้ดีนะ แต่ช่วงแรก ๆ ผมยังไม่เห็นถึงความสนุกที่ได้เล่นมัน ผมไม่เห็นว่าสิ่งที่ผมฝึกซ้อมมันสนุกตรงไหน ผมเลยทำแบบฝึกหัดได้ไม่ดีพอ จนครูผมไม่พอใจเท่าไหร่ แต่พอปีสองปีครูเอาเพลงอย่าง 'Alley Cat’, ‘Stairway to the Stars’ หรือ ‘Deep Purple’ มาให้ผมเล่น คอร์ดและฮาร์โมนีของเพลงเหล่านี้ทำให้ผมเริ่มสนใจ มันไม่ใช่การเล่นบนแบบฝึกหัดเหมือนที่ผมเคยเล่นมา หลังจากนั้นผมก็ทำได้ดีขึ้นเพราะเริ่มศึกษาสิ่งเหล่านี้”
[caption id="attachment_12928" align="aligncenter" width="631"] โกลด์บลุมในวัยเด็ก[/caption]หลังฝึกฝีมืออยู่นาน โกลด์บลุมก็ได้ลองวิ่งเข้าหาความฝันครั้งแรกด้วยวัย 14 ปี วันหนึ่งเขาคว้าสมุดหน้าเหลืองเก่า ๆ ที่บ้านขึ้นมา และไล่โทรหาทุกบาร์ในพิตต์สเบิร์ก โดยคาดหวังว่าจะมีสักร้านที่ให้โอกาสเขาไปเล่นเปียโนที่นั่น
“ตอนที่ผมเรียนรู้บลูส์สเกลครั้งแรก พระเจ้า! หลังจากนั้นมาผมก็เรียนรู้มันเยอะขึ้น จนวันหนึ่งผมขังตัวเองไว้ในห้องเพื่อไม่ให้ใครได้ยินผมหรือรบกวนผม จากนั้นผมเปิดสมุดหน้าเหลืองไล่ชื่อบาร์และเลานจ์ทุกที่ตั้งแต่ A ถึง Z ตอนนั้นผมยังกะพนักงานขายตรงเลย ทุกสายที่โทรไปผมจะเริ่มต้นว่า ‘สวัสดี ผมรู้ว่าคุณต้องการนักเปียโนสักคนนะ’ คนส่วนมากที่รับสายผมตอนนั้นมีแต่พูดว่า ‘นี่ใครเนี่ย’ แล้วก็ปฏิเสธผม แล้วก็ทุกที่ที่ผมโทรไปตอนนั้นแทบจะไม่มีที่ไหนมีเปียโนตั้งที่ร้านเลย แต่ก็โชคดีที่บางที่ให้โอกาส หลังจากนั้นผมก็มีงานอยู่สองสามงานจากการเป็นนักเปียโนแจ๊ส มันเหลือเชื่อมาก ๆ”
ธีโลเนียส มังค์ (Thelonious Monk) และ อาร์ท เททัม (Art Tatum) คือชื่อของตำนานนักเปียโนแจ๊สที่โกลด์บลุมติดตามนั่งไล่แกะไลน์โซโล่อยู่ทุกวัน และด้วยความสามารถในการแสดงของเขา บวกกับแรงบันดาลใจจากยอดเอนเตอร์เทนเนอร์ในอดีตอย่าง ดุ๊ค เอลลิงตัน (Duke Ellington) หรือ เคานท์ เบซี (Count Basie) ก็ยิ่งทำให้โกลด์บลุมค้นพบตัวตนและสุ้มเสียงในแบบของตัวเอง ถึงกระนั้น โกลด์บลุม ก็จำเป็นต้องทิ้งความฝันนี้ไป เพราะไม่กี่ปีต่อมาเขาได้รับโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตจากวงการฮอลลีวูด และแจ้งเกิดเต็มตัวกับหนังอย่าง The Fly, The Big Chill และ Jurassic Park
แม้ช่วงทศวรรษก่อนหน้านี้ ชื่อเสียงของเขาเงียบหายไปจนน่าตกใจ แต่นั่นทำให้เขามีเวลากลับไปหารักแรกของเขา นั่นก็คือ “ดนตรีแจ๊ส” ในช่วงที่งานน้อยกระเป๋าตังค์แฟบ โกลด์บลุมได้ออกตระเวนเล่นทั่วทั้งลอสแอนเจลิส และนิวยอร์ก ซิตี้ ร่วมกับวงของเขาที่มีชื่อว่า “the Mildred Snitzer Orchestra” ซึ่งโกลด์บลุมเคยเล่าถึงที่มาของชื่อวงนี้ว่า มาจากชื่อของเพื่อนแม่เขาสมัยเด็ก ๆ ที่เธอมีอายุเกินกว่า 100 ปี ซึ่งโกลด์บลุมในฐานะหัวหน้าวงและเพื่อน ๆ ในวง (แอนโทนี วิลสัน นักกีตาร์ชื่อดัง และ เซน มุสะ นักแซกโซโฟน ผู้ล่วงลับ ก็เคยอยู่ในวงนี้ด้วย) มักจะเล่นทุกคืนวันพุธ ที่ The Rockwell Table & Stage ในลอสแอนเจลิส
ครั้งหนึ่งเขาเคยให้สัมภาษณ์ว่าถ้าเขาไม่ได้แสดงหนังอีก อาจจะกลับไปเป็นนักดนตรีอาชีพแทน และแล้วในเดือนตุลาคมปี 2017 หลังจากที่ โกลด์บลุม ได้มีโอกาสไปเล่นแอคคอมเปียโนให้กับนักร้องแจ๊สเจ้าของรางวัลแกรมมี เกรกอรี พอร์เตอร์ (Gregory Porter) ในรายการ The Graham Norton Show ทางช่อง BBC ซึ่งนั่นเป็นวันที่โอกาสวิ่งเข้ามาหาเขาอีกครั้ง
‘Mona Lisa’ เพลงแจ๊สระดับตำนานของ แนท คิง โคล (Nat King Cole) เมื่อปี 1950 ถูกถ่ายทอดแบบแจ๊สดูเอ็ท โดยโกลด์บลุมและ พอร์เตอร์ ซึ่งความยอดเยี่ยมของทั้งคู่ไปเข้าหูเข้าตาของผู้บริหารค่าย เดคคา เรคคอร์ดส ในเครือ ยูนิเวอร์แซล มิวสิค เข้าอย่างจัง อานิสงส์จากคลิปนี้ ส่งผลให้โกลด์บลุมได้มีโอกาสสานฝันในวัยเด็กด้วยการออกอัลบั้มเพลงแจ๊สของตัวเอง ที่มีชื่อว่า “Jeff Goldblum & The Mildred Snitzer Orchestra - 'The Capitol Studios Sessions'“ ภายใต้การดูแลของค่ายเพลงสุดคลาสสิกแห่งหนึ่งในโลก
ทอม ลูอิส นายใหญ่ของค่าย เดคคา เรคคอร์ดส ออกมาให้สัมภาษณ์การตัดสินใจดึงโกลด์บลุมมาเป็นศิลปิน ว่า “เขาคือนักเปียโนแจ๊สที่น่าวิเศษสุด อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าวงที่ยอดเยี่ยม และยังเป็นคนที่นิสัยน่ารักที่สุดในโลก ความรักต่อดนตรีแจ๊สที่เขามี มันสะท้อนออกมายามที่เขาเล่น เขามักจะทำให้คุณมีความสุขร่วมกับเสียงเพลงของเขา”
อัลบั้มชุดดังกล่าวประสบความสำเร็จไม่น้อย หลังสามารถทะยานขึ้นไปอยู่ที่หนึ่งของบิลบอร์ดชาร์ทในสาขาดนตรีแจ๊ส และทางค่ายก็ไม่รอช้าอนุมัติไฟเขียวให้โกลด์บลุมลุยสร้างผลงานชุดที่สองต่อในทันที
[caption id="attachment_12925" align="aligncenter" width="600"] อัลบั้มแจ๊สชุดแรก[/caption]“ตอนที่ผมเริ่มออกมาเล่นดนตรีอีกครั้ง ในหัวผมคิดแค่ว่า มันคงเป็นการเล่นโชว์ต่อสาธารณะของผมกับเพื่อนนักดนตรีเก่ง ๆ แต่ตอนนี้มันกลายเป็นผมสามารถทำสิ่งนี้และสนุกกับมันได้จริง ๆ ผมชอบนำเสนอมันสู่ผู้คน ซึ่งมันต่างกับการฝึกซ้อมคนเดียว แม้กระทั่งการแสดง หรือการซ้อมดนตรี ผมชอบที่จะมีใครสักคนมานั่งดู และผมก็จะให้ตัวเองเล่าเรื่องราวออกไป ผมชอบแนวคิดของการแบ่งปันสิ่งนี้ ซึ่งดนตรีก็มีความหมายแบบนั้น”
นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร กับการที่นักแสดงในฮอลลีวูดจะมีพื้นฐานด้านดนตรีมาก่อนเข้าวงการ นักร้องอย่าง จัสติน ทิมเบอร์เลค (Justin Timberlake), จาเล็ด เลโต้ (Jared Leto) หรือแม้กระทั่งพระเอกสุดติสต์อย่าง จอห์นนี เดปป์ (Johnny Depp) ก็มีพื้นฐานมาจากวงการเพลงมาก่อน แต่ไม่บ่อยครั้งที่เราจะได้เห็นนักแสดงระดับนี้มีแบ็คกราวด์ทางด้านดนตรีแจ๊ส หรือเคยศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยดนตรีอย่างจริงจัง สองคนที่ผมนึกออกนั่นก็คือ แฮร์รี คอนนิค จูเนียร์ (Harry Connick Jr.) ในสาขาวิชาเอกเปียโนแจ๊ส และ เจ.เค. ซิมมอนส์ (J.K. Simmons) จากสาขาการควบคุมวง และการประพันธ์เพลง
ปัจจุบัน โกลด์บลุม ก็ยังคงมีผลงานในวงการภาพยนตร์ออกมาให้ชมกันอยู่เรื่อย ๆ ส่วนงานด้านวงการเพลง ตอนนี้เขาได้ปล่อยผลงานจากอัลบั้มใหม่ออกมาแล้วสองเพลงนั่นก็คือ ‘Make Someone Happy’ และ ‘Let’s Face The Music and Dance ที่ได้ เกรกอรี พอร์เตอร์ และชารอน ฟาน เอ็ทเทน มาร่วมร้องให้ในเพลง
แม้ โกลด์บลุม อาจจะไม่ได้อิมโพรไวซ์เก่งเหมือน คอนนิค จูเนียร์ แต่เขาก็หาหัวใจของดนตรีชนิดนี้เจอ นั่นก็คือเรื่องของ “การหาเสียงของตัวเอง” ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ยากซะยิ่งกว่าการฆ่าเอเลี่ยนหรือหนีเอาตัวรอดจากไดโนเสาร์ที่เขาเคยทำมาเสียอีก !
“ผมตกหลุมรักมันตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเลย (ดนตรีแจ๊ส) ผมมีความสัมพันธ์กับมันเหมือนกับเรื่องของการแสดงภาพยนตร์ ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงเริ่มทำมัน ผมรู้แค่ว่าผมชอบมัน”
https://www.nme.com/big-read-jeff-goldblum-sex-drugs-jazz-piano
https://www.youtube.com/watch?v=SAgYiERRDPY
https://www.nytimes.com/2014/09/13/arts/music/jeff-goldblums-orchestra-debuts-at-cafe-carlyle.html
https://www.npr.org/2018/11/09/664380882/jeff-goldblum-the-jazz-artist-life-uh-finds-a-way