เนื่องด้วยผู้เขียนได้ไปชมรอบพิเศษของสารคดีเรื่อง Hurry Go Round นี้มา แต่เพราะกว่าที่จะฉายจริงก็วันที่ 17 มกราคมปีหน้า ผู้เขียนจึงขอพยายามเลี่ยงซีนที่เป็นกุญแจสำคัญ และขอใช้ประวัติของ ฮิเดะ, สารคดี We Are X รวมเข้าไปในบทความชิ้นนี้ เพื่อเติมเต็มชีวิตของฮิเดะให้สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ และไม่ทำให้เสียอรรถรสในการรับชม
เมื่อปีที่แล้ว หนังสารคดี We Are X ที่เล่าเรื่องราวของสมาชิกในวง อาจจะสร้างความอิ่มเอมและความคิดถึงในฐานะวงดนตรีที่ก้าวข้ามอุปสรรคและขวากหนามต่างๆ มากมายจนกลายเป็นวงยิ่งใหญ่ที่ไม่ใช่เพียงในบ้านเกิด หากแต่ทั้งโลกยังยอมรับและคารวะ โดยเฉพาะตัวโยชิกิที่แสงสปอตไลท์จะสาดส่องที่เขาอย่างแผดจ้า แต่เมื่อกล่าวถึงมือกีตาร์ที่เป็นอีกคนสำคัญของวง ในวันที่เขาจากไป หนังกลับเลือกที่จะกล่าวถึงเพียงสั้นๆ ก่อนที่หนังจะเปลี่ยนซีเควนซ์ไปพูดเรื่องอื่น
การพูดถึงตัวฮิเดะเพียงน้อยนิด อาจดูน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับเหตุการณ์จริงๆ หากย้อนไปในช่วงเหตุการณ์ในวันนั้น วันที่ 2 พฤษภาคม 1998 ถ้าคุณอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป ต่อให้คุณไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ก็ตาม แต่ข่าวการจากไปของฮิเดะ ได้สะเทือนความรู้สึกของแฟนเพลงเป็นอย่างมาก ต่อมน้ำตาของแฟนคลับที่ทะลักพรั่งพรูราวกับเขื่อนแตก หลายคนช็อค บางคนถึงกับฆ่าตัวตายตาม การสูญเสียฮิเดะจึงเจ็บปวดรวดร้าว ไม่ต่างกับวันที่ จอห์น เลนนอนถูกยิง หรือ เคิร์ท โคเบนฆ่าตัวตายเลย เพราะไม่ได้สูญเสียแค่นักดนตรีที่ฝีมือจัดจ้าน หากแต่แฟนคลับยังสูญเสียพี่ชายที่แสนดีไปอีกหนึ่งคน
“แฟนเพลงนับหมื่นช็อค มือกีตาร์ X-Japanฆ่าตัวตาย” คือพาดหัวตัวใหญ่ที่สื่อทั่วโลกต่างพากันประโคม ด้วยการตายที่ผิดธรรมชาติ ตำรวจพบเขานอนแน่นิ่งโดยใช้ผ้าพันคอผูกที่คอกับลูกบิดประตูในเช้าวันนั้น และคนที่พบศพฮิเดะเป็นคนแรกคือแฟนสาวของเขา หลายคนปักใจเชื่อว่าฮิเดะฆ่าตัวตายด้วยเพราะพบแอลกอฮอล์ในเลือดสูงถึง 80% ไร้ซึ่งมูลเหตุหรือลางบอกเหตุในการฆ่าตัวตายของเขา เพราะภาพที่เราเห็นกันอยู่ประจำ นั่นคือภาพความร่าเริง กวนเกรียน และแววตาที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นของเด็กหนุ่ม ไม่มีวี่แววสักนิดที่เขาจะตัดสินใจคิดสั้น แต่ไม่มีใครรู้สาเหตุการตายอย่างแท้จริงนอกจากคนใกล้ชิดและตัวของฮิเดะเอง ซึ่งเมื่อเสร็จสิ้นการทำพิธีศพ ครอบครัวของเขาก็เลือกที่จะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับอันค้างคาใจ และแล้วปริศนาการจากไปของเขาที่เป็นความลับดำมืดมาเป็นเวลา 20ปี ก็ถูกเปิดเผยผ่านสารคดีที่ชื่อ Hurry Go Round ที่เลือกที่จะเล่าถึงช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิตของฮิเดะได้อย่างกระจ่างใจ
หนังเริ่มต้นที่สุสานของฮิเดะที่ไม่เคยหลับใหล ดอกไม้ไม่เคยเหี่ยวเฉา ยังคงมีผู้คนที่เวียนวนมาเคารพศพ ประดับประดาตุ๊กตา รูปภาพ และสิ่งของต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเขา แม้เวลาจะผ่านไปนานเกือบ 2 ทศวรรษ แต่สุสานยังคงคึกคักราวกับเพิ่งเกิดเหตุการณ์ไม่นาน เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เป็นตัวแทนของเด็กรุ่นใหม่ที่โตไม่ทันได้เห็นฮิเดะในยุครุ่งโรจน์ ตั้งคำถามถึงความโด่งดังถึงขีดสุด ไปจนถึงวันสิ้นอายุขัย และทำไมผู้คนกว่า 50,000 คนถึงได้ไปร่วมงานศพ ทำไมเมื่อรถเคลื่อนย้ายโลงศพเหล่าแฟนๆ ต่างพากันร่ำไห้ แล้วสรุปฮิเดะจากไปเพราะการฆ่าตัวตาย หรืออุบัติเหตุ
เด็กหนุ่มตามรอยชีวิตของฮิเดะตั้งแต่ยังถิ่นกำเนิด ย่านที่ฮิเดะเริ่มต้นชีวิตในฐานะนักดนตรีครั้งแรก เขาติดต่อน้องชายของฮิเดะที่ทำบริษัทจัดการแลดูแลสิทธิ์และผลงานจากพี่ชาย และเป็นผู้สร้างสารคดีนี้ มาร่วมแกะรอยผ่านกองฟุตเตจมากมายเพื่อค้นหา, ศึกษา และย้อนรอยไปพร้อมๆ กัน
จากเด็กหนุ่มที่กระตือรือร้นในการอยากทำเพลง ฮิเดะ หรือ ฮิเดโตะ มัตสึโมโตะ มีความสนใจอย่างแรงกล้าที่จะทำวงร็อคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น หลังจากที่เขาได้ฟังเพลงจากวง Kiss ในอัลบั้ม Alive เขาก็ประกาศกร้าวว่าเขาจะเป็นร็อคสตาร์ให้ได้ แต่น่าเสียดายที่ชีวิตในวัยมัธยมของเขากลับน่าเบื่อหน่ายเพราะโรงเรียนไม่สนับสนุนการเล่นดนตรีร็อค เขาได้แต่เก็บกดในช่วงเช้า เพื่อระเบิดมันออกมาในช่วงค่ำ เพราะเมือง Yokosuka ที่เขาอยู่นั้นเต็มไปด้วยผับบาร์ในสไตล์อเมริกัน เขาจึงใช้ช่วงเวลานั้นเก็บเกี่ยวประสบการณ์และก่อตั้งวงที่ชื่อ Saver Tiger พังค์ร็อคที่แต่งหน้าและแต่งตัวอย่างจัดจ้าน เขาปักหลักเล่นในผับย่านนั้นและแฟนเพลงต่างพากันติดใจในการเล่นกีตาร์ระดับพ่นไฟ จากคัฟเวอร์เพลงของวงเฮฟวีเมตัลในยุคนั้นอย่างช่ำชอง ในที่สุดเขาก็แต่งเพลงเพื่อเล่นเพลงของตัวเอง
เพราะความจริงจังของเขาที่ต้องการจะให้เป็นวงเป็นที่ยิ่งใหญ่และน่าจดจำ เขาเฟ้นหาและเปลี่ยนสมาชิกในวงเป็นว่าเล่น จนฟอร์มทีมที่คิดว่าเจ๋งที่สุดแล้ว แต่สุดท้ายก็ไปไม่ถึงฝั่งฝัน 6 ปีที่เขามุ่งมั่นกลับสูญเปล่า เมื่อสมาชิกในวงขอลาออก ฮิเดะท้อแท้ใจและมองอนาคตแสนมืดมน เพราะ 6 ปีเขาเลือกที่จะไม่เรียนต่อเพื่อทุ่มเทความฝันให้เป็นความจริง แต่กลับกลายเป็นพังไม่เป็นท่า ในขณะที่เขากำลังจะหันหลังให้กับกีตาร์ที่เขารักเพื่อรับช่วงต่อกิจการร้านตัดผมจากพ่อและแม่ของเขา ชายคนหนึ่งก็ชวนเขาไปเพื่อฟอร์มวงด้วยกัน นั่นก็คือ โยชิกิ และวงนั้นก็คือวง X-Japanนั่นเอง
หากโยชิกิคือหัวใจสำคัญของวง ฮิเดะก็เปรียบได้ดั่งมันสมอง คงไม่ต้องตอกย้ำให้เสียเวลาถึงความยิ่งใหญ่ของวง X-Japan ซึ่งฮิเดะก็คือหนึ่งในหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญ ด้วยฝีไม้ลายมือในการสร้างซาวนด์ที่ไม่เหมือนใคร และนิสัยใจคอที่น่ารักและเป็นกันเองกับแฟนคลับ ทำให้ฮิเดะเป็นที่รักของทุกๆ คน
แต่ไม่มีสิ่งใดที่จีรังยั่งยืน มีเกิดย่อมมีดับ สุดท้าย X-Japan ก็ตัดสินใจพักวง แม้จะเป็นเพียงการพักเพียงชั่วคราว แต่แทนที่ฮิเดะจะรอคอยและใช้เวลาที่ได้พักนี้ไปพักผ่อนหลังจากตรากตรำมานาน ฮิเดะกลับเลือกทำงานเพลงต่อ แม้ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำงานในฐานะศิลปินเดี่ยว แต่ครั้งนี้มันเป็นครั้งสำคัญสำหรับเขา เพราะเป้าหมายสำคัญ คือการเปลี่ยนโลกของดนตรีร็อคในแผ่นดินญี่ปุ่น
เด็กหนุ่มเฝ้าดูการแสดงระดับเทพเบื้องหน้าผ่านคอนเสิร์ตหรือมิวสิควิดีโอมากมาย และภาพหลังเวทีที่ฉายภาพความสดใสขี้เล่นแบบเด็กซนๆ คนหนึ่ง ชีวิตฮิเดะเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ช่างห่างไกลสภาวะซึมเศร้าที่มักเจอก่อนสิ้นใจ เด็กหนุ่มพบว่าเพลงสุดท้ายที่เขาแต่ง Hurry Go Round และการไปอัดเสียงในโปรเจคท์ชื่อ hide with Spread Beaver ที่บินไปทำไกลถึง L.A. น่าจะมีเบาะแสบางอย่างที่ช่วยไขปริศนาได้
เด็กหนุ่มเดินทางไปยัง L.A. ไปยังห้องอัดที่ฮิเดะใช้ชีวิตที่นั่นถึง3เดือน ทะเยอทะยานสร้างงานที่ผิดแผกและแตกต่างจากที่ผ่านๆ มาของเขา ที่เปลี่ยนจาก Ballad Rock, Heavy Metal ที่คุ้นเคย ลบเมคอัพหนาเตอะและทรงผมที่แปลกประหลาด เพื่อก้าวเท้าเข้าสู่ประตูของดนตรีร็อคสมัยใหม่ในแนว Alternative ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของซาวด์ Electronics อันน่าตื่นตะลึง จนกลายเป็นอัลบั้มที่ชื่อ Ja, Zoo ที่นักวิจารณ์ต่างพากันบอกว่า “มันคืออัลบั้มที่เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ดนตรีร็อคสู่ยุคมิลเลนเนียมได้อย่างกล้าหาญ”
ฮิเดะกลับมายังประเทศญี่ปุ่นเพื่อทำการบันทึกเทปรายการ หลังจากเสร็จสิ้นการถ่ายรายการ เขาชวนเพื่อนๆ มาร่วมปาร์ตี้ที่ร้านเจ้าประจำ ความคิดถึงบ้านทำให้เขาเมามายและสนุกสุดเหวี่ยงจนถึงเวลารุ่งสาง เมื่อฮิเดะเดินทางกลับบ้าน ก็พบข่าวที่ช็อคทุกความรู้สึกเมื่อพบว่าเขาหมดลมหายใจไปพร้อมกับผ้าขนหนูที่พันคอกับลูกบิด ฮิเดะจบชีวิตในเช้าวันนั้น
เมื่อไปสัมภาษณ์โยชิกิ ที่ย้อนไปในช่วงเวลาอันแสนเจ็บปวดตอนนั้นว่าเขากำลังมีโครงการที่จะรียูเนียน X-Japanในปี 2000 แต่น่าเสียดายที่ไม่มีวันนั้นแล้ว เขาทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือว่า “ถ้าย้อนเวลาไปได้ตั้งแต่เริ่มต้น ถ้าผมไม่ชวนฮิเดะเข้าวง ชีวิตของฮิเดะคงไม่ลงเอยแบบนี้...”
กระทั่งน้องชายเองที่เป็นคนขับรถส่งฮิเดะเป็นคนสุดท้ายก็ยังพูดด้วยน้ำตาอันนองหน้าว่า“ถ้าเขาส่งฮิเดะให้ถึงที่ห้อง ฮิเดะอาจจะไม่จบชีวิตแบบนั้น แม้กระทั่งเจ้าของบาร์ที่ฮิเดะไปปาร์ตี้ครั้งสุดท้ายก็รู้สึกต้องรับผิดชอบในการตายของฮิเดะไม่ต่างกัน เพราะช่วงเวลาที่ฮิเดะอยู่ในบาร์ เขาเห็นฮิเดะร้องไห้และเขาเข้าไปปลอบ
ทั้งสามไม่มีใครเป็นฆาตกร ไม่มีใครเคยเจ็บแค้นหรือคิดร้ายกับฮิเดะ หากแต่ทั้งสามต่างรู้สึกผิดที่ไม่อาจรั้งเสี้ยววินาทีชีวิตของเขาไว้ได้ หากวันนั้นฮิเดะรอดตาย ในวันนี้เราอาจจะได้ฟังผลงานดีที่ๆ เปลี่ยนโลก ฮิเดะอาจจะใช้พรสวรรค์ในทางดนตรีสร้างสรรค์งานชั้นเยี่ยมอีกมากมาย เขาอาจจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับวงดนตรีอีกนับร้อยนับพัน อาจจะช่วยเหลือและเยียวยาให้กำลังใจแฟนคลับเหมือนที่เขาทำตอนยังมีลมหายใจ การเสียฮิเดะไป ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอันใดก็ไม่สำคัญเท่าการอยู่บนโลกที่ไร้ซึ่งชีวิตชีวา ไร้ซึ่งเสียงเพลง ไร้ซึ่งความดีงามจากผู้ชายคนนี้ที่ชื่อ “ฮิเดะ”
แต่ธรรมชาติและโชคชะตาไม่เคยปราณีใคร สิ่งที่ทดแทนเมื่อฮิเดะได้จากโลกนี้ไป คือบทเพลงในยามที่เขายังมีชีวิตอยู่ ที่ยังคงไม่ตายไปพร้อมกับเขา บทเพลงเหล่านี้ได้พิสูจน์แล้วด้วยกาลเวลา ว่ายังคงบันทึกจิตวิญญาณและความรู้สึกของตัวฮิเดะอย่างครบถ้วน สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่ช่วยต่อยอดลมหายใจให้ฮิเดะยังคงอยู่ในความทรงจำที่งดงามตราบนานเท่านาน แม้ชีวิตจะแสนสั้น แต่บทเพลงนั้นจะยังคงอยู่ตราบจนนิรันดร์
เรื่อง: ครูสิงห์ โสตศึกษา