Rhythm Of Beau Sunita Concert-“โบ สุนิตา”ท่วงทำนองของนักร้องที่เป็นตัวจริง
***รีวิวและเรื่องเล่าจากคอนเสิร์ตที่หลายคนคิดถึงในมุมมองของผู้จัด
ย้อนกลับไปในช่วงกลางยุค 90’s ค่ายเพลงที่กำลังมาแรงในยุคนั้นได้ผลิตศิลปินหน้าใหม่ ที่ได้รับการต้อนรับจากนักฟังเพลงอย่างถล่มทลาย ทั้ง ๆ ที่เธอเป็นผู้หญิงโนเนมไม่เคยเป็นดาราหรือมีผลงานในวงการบันเทิงมาก่อนอย่างที่สมัยนั้นนิยมกัน เป็นแค่เด็กผู้หญิงวัยรุ่นหน้าตาธรรมดา แต่โดดเด่นด้วยสไตล์เพลงในแบบอะคูสติกร็อกที่มาพร้อมกับน้ำเสียงที่ทำให้ทุกคนที่ได้ฟังต่างกล่าวถึง และทันทีที่อัลบั้มแรกของเธอวางแผง ปรากฏการณ์ล้านตลับภายในเวลาไม่ถึงเดือนก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนต้นสังกัดต้องทำอัลบั้มพิเศษฉลองพร้อมเพิ่มเพลงขึ้นมาใหม่ แต่กระแสความนิยมไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น เกิดปรากฏการณ์ทะลุล้านตลับอย่างต่อเนื่อง จนต้องมีอัลบั้มอะคูสติกเวอร์ชัน และมีเพลงพิเศษเพื่อขอบคุณแฟนเพลงอีกครั้ง นี่คือสิ่งที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นกับศิลปินคนไหนมาก่อน
เธอคือ...โบ สุนิตา
วัยรุ่นสายฟังเพลงที่ผ่านยุค 90’s น่าจะต้องมีอัลบั้ม “โบ สุนิตา” เอาไว้ในครอบครอง ด้วยน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ ที่ยิ่งฟังยิ่งพาเราเข้าถึงอารมณ์ ผลิตผลงานออกมาอัลบั้มแล้วอัลบั้มเล่าให้แฟนเพลงอย่างเราติดตามตั้งแต่ยุคหน้า A หน้า B มาจนถึงยุค Spotify
กราฟชีวิตของโบ สุนิตา มีทั้งช่วงที่พีคสูงสุดอย่างคาดไม่ถึง ผ่านขาขึ้นขาลง จนมาถึงช่วงที่นิ่งงันตามกาลเวลา จนแฟนเพลงหลายคนแอบคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้ดูได้ฟังคอนเสิร์ตใหญ่ของเธอแบบเต็ม ๆ อีกแล้ว
ในฐานะของคนทำงานวงการคอนเสิร์ต ที่อีกฉากก็พ่วงตำแหน่งแฟนเพลงที่มีอัลบั้มของเธอครบทุกอัลบั้ม ติดตามดูทุก ๆ MV ฟังทุก ๆ เพลงที่เธอเคย cover รอคอยวันที่จะได้เห็นศิลปินที่ชื่นชอบที่สุดคนนี้ได้มีคอนเสิร์ตเดี่ยวอีกสักครั้ง จนเมื่อการรอคอยได้สิ้นสุดลง การได้เป็นหนึ่งในทีมงานที่ทำคอนเสิร์ตให้กับนักร้องอย่าง “โบ สุนิตา” นับว่าเป็นหนึ่งใน milestone สำคัญของวิชาชีพอย่างแท้จริง
ด้วยความไม่ลงตัวหรืออะไรก็ตามแต่ ทำให้คอนเสิร์ตครั้งนี้ ทิ้งช่วงห่างจากคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งที่แล้วถึง 22 ปี นับว่าเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อเหมือนกันที่นักร้องดีกรีสถิติล้านตลับ ที่เป็นเจ้าของเพลงฮิตมากมายในทุก ๆ อัลบั้มที่ปล่อยออกมา เพิ่งเคยมีคอนเสิร์ตเดี่ยวเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
ชื่อคอนเสิร์ต Rhythm Of Beau Sunita Concert ก็มาจากไอเดียของศิลปิน ที่อยากจะแชร์ถึงแนวเพลงที่ตัวเองโปรดปราน รวมสื่อถึง “จังหวะชีวิต” ที่ผ่านอะไรมามากมาย ได้บ่มเพาะประสบการณ์ จนทำให้ทุกอย่างพร้อม และลงตัวให้เกิดคอนเสิร์ตนี้...เสียที
สิ่งที่ทีมงานไร้ข้อกังขาก็คือความเป็นศิลปินตัวจริงของเธอ และเพลงฮิตในกระบะที่มีมากมายหลายสิบเพลง ซึ่งสิ่งนี้เองก็คือความท้าทายอย่างมากของทีมงาน ตั้งแต่การคัดเลือกเพลงที่จะอยู่ใน setlist (รักพี่เสียดายน้องหลายเพลงมาก) รวมไปถึงการร้อยเรียงโชว์อย่างไร ให้คอนเสิร์ตออกมาตรึงคนดูได้อย่างเต็มอิ่ม อย่างที่เรารู้กันว่าเพลงส่วนใหญ่ของเธอ มักจะเป็นเพลงช้ากระชากอารมณ์เสียส่วนใหญ่ โจทย์สำคัญที่จะต้องตีให้แตกก็คือจะทำอย่างไรให้เพลงช้าเหล่านั้น ไม่ทำให้คนดูง่วงหาวกลับบ้าน แต่จะต้องเก็บความประทับใจกลับไป
เมื่อสารตั้งต้นคือนักร้องคุณภาพของประเทศ มาเจอกับ ingredient คือเพลง (ขออนุญาตใช้คำว่า) โคตรดี หน้าที่ที่เหลือก็คือการปรุงแต่งกราฟโชว์ให้คนดู “รู้สึก” ไปกับทุก ๆ เพลง “อิน” ไปกับทุก ๆ ซีน
เพลงเปิด คือสิ่งบ่งบอก “mood & tone” ของคอนเสิร์ตว่าจะพาคนดูไปสู่ทิศทางไหน เราเลือกที่จะให้โบเปิดตัวแบบโซโล่ในเพลงที่เป็น signature ที่สุดของเธออย่าง “ฉันรู้” ที่มีแค่โบ สุนิตา ยืนร้องเพลงบนลิฟต์กับกราฟฟิกและไลต์ติ้งเท่ ๆ คอคอนเสิร์ตหลายคนอาจจะรู้สึกว่าเบาไปหรือเปล่า ถ้าเทียบกับสไตล์ Atimeshowbiz ที่ผ่าน ๆ มา?
จากการที่เราไม่ได้จัด โบ สุนิตา อยู่ในฐานะ Queen หรือ Diva ตัวแม่ อยากให้คนดูคอนเสิร์ตนี้สัมผัสถึงความเรียบเท่ และเรียลในแบบที่แฟนเพลง โบ สุนิตา คุ้นเคยกันดี
จากนั้นเราปลุกต่อม nostalgia รำลึกความหลังเด็กยุค 90s กับเมดเลย์ที่รวมเอาเพลงฮิตจากทุก ๆ อัลบั้มของเธอ ตั้งแต่อัลบั้มแรก ๆ ยุคคาสเซ็ต ซีดี จนถึงซิงเกิลล่าสุดที่แต่งใหม่เพื่อคอนเสิร์ตนี้ ในรูปแบบมิวสิกสตรีมมิ่งเพื่อตอกย้ำความเป็นศิลปินที่ผลิตงานที่โดนใจคนฟังมาโดยตลอดของเธอ อย่างเพลง ไม่มีอีกแล้ว, เสียใจ, บอกอะไรป่านนี้, เกลียดเธอไม่ลง, ถ้าเธอพร้อม ฉันก็พร้อม, ฝากตามเขาที และฉันไม่รู้
ก่อนจะดึงกราฟอารมณ์คนดูให้ได้ขยับเนื้อขยับตัว กับเพลงสนุก และแขกรับเชิญคู่แรกคือดูโอสายฮาอย่าง Lipta มาช่วย refresh คนดู ในเพลง ไม่อยากรัก (คนที่ไม่อยากรักเรา), แฟน และพรุ่งนี้จะไปกับเธอ
พาร์ทต่อมา เราเรียกว่าเป็นช่วงหายากอย่างแท้จริง เพราะเป็นการรวมเอาเพลงที่โบแทบไม่เคยได้ร้องบนเวที (บางเพลงไม่เคยร้องมาก่อน) เอามาร้อยเรียงใหม่ เสริมด้วยเครื่องสายที่แค่หลับตาฟังก็อาจจะน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว เรียกว่าเป็นช่วงที่รวมเพลงหม่นเศร้าที่สุดในคอนเสิร์ต อย่าง อยู่คนเดียว, เห็นน้ำตาฉันไหม, อย่าบอกให้ฉันไป, เทน้ำบนกองทราย, ตามใจ, ฉันจะจำเธอแบบนี้
ก่อนที่คนดูจะดิ่งไปมากกว่านี้ เราจึงต้องดึงกลับมากับเพลงรักที่ละมุนที่สุดในคอนเสิร์ต ด้วยเพลงดูเอ็ตที่หลายคนรอคอยว่าจะได้ฟังกันหรือไม่ ซึ่งทันทีที่กีตาร์อินโทรเพลง “ความรักจากฉัน” ดังขึ้น เสียงกรี๊ดก็ดังกระหึ่มกับการมาของแขกรับเชิญออริจินัลอย่าง จั๊ก ชวิน ต่อด้วยเพลงรักอารมณ์ยิ้ม “รักยิ่งใหญ่จากชายคนหนึ่ง” ที่ได้ ต้าร์ มิสเตอร์ทีม และ ปิงปอง ศิรศักดิ์ มาร้องก็สร้างรอยยิ้มให้กับคนดู เมื่อ 3 หนุ่ม Lamun Band เพื่อนซี้ของโบมาทั้งที ก็ต้องมีโชว์ไลน์ประสานกับเพลงฮิตของพวกเขา โดยตั้งใจอยากให้เป็นช่วงที่คนดูได้เคลิ้มไปกับเพลงให้มากที่สุด ในเพลง รักเธอจนเหนื่อยหัวใจ, ตัวจริง...ของเธอ, ถ้า, เธอไม่เคยถาม
โบ สุนิตา กลับมาอีกครั้งกับลุคที่ไม่มีใครเคยเห็น เมื่อเธอยอมใส่เดรสยาวดูเป็นสาวหวาน ซึ่งโบยอมรับว่าเป็นซีนที่ตื่นเต้นที่สุดในคอนเสิร์ต ไม่ใช่เพราะเพลง แต่เป็นเพราะคอสตูมที่เธอไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย แต่ก็ยอมทำเพื่อเป็นของขวัญพิเศษให้กับแฟนเพลงในคอนเสิร์ตนี้เท่านั้น เราจึงได้ซีนที่สวยงาม ดูฟุ้งฝันที่สุดในคอนเสิร์ต ให้สมกับเมดเลย์เพลงซาวนด์แทร็กที่โบก็ถือว่าเป็นเจ้าแม่เพลงละครในดวงใจหลายต่อหลายเรื่อง ก่อนจะเปิดตัวแขกรับเชิญเซอร์ไพรส์ที่อุบเอาไว้หลายเดือน
โดยรอบวันเสาร์คือ สิงโต นำโชค ที่นับถือโบเป็นอาจารย์ ทั้งที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่เพราะสิงโตเคยดูโบให้สัมภาษณ์ถึงชีวิตกว่าจะได้มาเป็นศิลปินไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องถูกปฏิเสธหลายต่อหลายครั้งกว่าจะได้มีอัลบั้ม สิงโตจึงถือเอาเป็นตัวอย่างในการทำตามความฝันจนทำให้กลายมาเป็น สิงโต นำโชค จนถึงทุกวันนี้
ที่เล่ามาก่อนหน้าคือรอบวันเสาร์ (23 พฤศจิกายน 2562) พอวันต่อมา คอนเสิร์ตรอบวันอาทิตย์ เป็น ทอม อิศรา ศิลปินรุ่นใหม่ ที่ทำตามความฝันแต่ต่างกันที่ยุคสมัย ในยุค 90s สิ่งที่ทำได้ก็คือการส่งเดโมผ่าน EMS มาที่ค่ายเพลง แต่ในปัจจุบัน ทอมทำตามความฝันด้วยการร้องเพลงผ่าน YouTube นับเป็นอีกรสชาติที่แตกต่างกันของคอนเสิร์ตทั้ง 2 รอบ ซึ่งเพลงในช่วงนี้คือ กีรติ, ขอแค่ฝัน, รักครั้งสุดท้าย, ยังรักกันอยู่ใช่ไหม, อยากให้เธออยู่ตรงนี้
จากนั้นโบสลัดเดรสกลับมาเป็นนักร้องในสไตล์เพลงที่เธอชอบมากที่สุด กับเพลงโปรดที่สุดเพลงหนึ่งของเธอ “รักแท้หรือแค่เหงา” ที่เสริมดนตรีให้มีความเป็นอาร์แอนด์บี โซล ที่ชัดขึ้น พร้อมกับการแสดงของกลุ่มแดนเซอร์หญิงมาเต้น groove เข้ากับจังหวะดนตรี, จอกราฟฟิกและไลต์ติ้งสีขาว-ดำ-แดง ที่ถูกดีไซน์ให้เป็นโชว์ขายความเท่ โก้ แต่ไม่ฟูมฟาย
เพลงต่อมาเป็นเพลงที่แต่งขึ้นมาเพื่อคนแบบโบ ที่ไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์ แต่เป็นคนที่ใช้ชีวิตทั่วไป ที่ถ้าตัดการได้ออกอัลบั้ม เธอก็คือหญิงสาวที่ทำงาน, แต่งงาน, มีลูก กลายเป็นแม่คนเหมือน ๆ กับผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง “เจ้าหญิงในนิยาย” จึงเป็นเพลงที่บ่งบอกความเป็นนักร้องที่ทุกคนจับจ้องได้ได้ดีที่สุด
ตามมาด้วยการมาของแขกรับเชิญที่โบอยากร่วมงานด้วยเป็นอันดับแรก ๆ คือ ป๊อด ธนชัย ปรากฏตัวด้วยเพลง “เจ้าหญิง” ที่เหมือนจะส่งเมสเสจบอกคนดูว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นคนธรรมดาอย่างไร แต่คุณก็เป็นคนพิเศษสำหรับใครสักคนเช่นกัน การทำงานร่วมกันของทั้งคู่ในเพลงนี้ จึงสร้าง vibe ที่พิเศษเป็นอย่างมาก ป๊อดได้ดึงเอาเคมีความพิเศษบางอย่างในตัวโบขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ (เราได้เห็นโบแอบแรปเบา ๆ ในเพลงนี้ด้วย)
การได้เห็นโบทลายกรอบตัวเองแล้วปล่อยสุดพลังกับโชว์นี้คือสิ่งที่ผู้จัดอยากให้เกิดขึ้น และกราฟความพีคนี้ก็พุ่งขึ้นไปอีก เมื่อเจ้าพ่อเพลงอัลเทอร์เนทีฟ ร็อก ชวนเจ้าของคอนเสิร์ตและคนดูลุกขึ้นมาเต้นกับเพลง “บุษบา” , “ติ๋ม” พารากอนฮอลล์จึงกลายเป็นสถานที่ระเบิดความร็อก ถึงขนาดที่รอบวันอาทิตย์ ป๊อดสั่งให้คนดู-ยืน-เต้น-บน-เก้าอี้ ก็ทำมาแล้ว นับเป็น magic moment ที่คาดไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้นในคอนเสิร์ตของโบ สุนิตา
หลังจากอะดรีนาลีนผู้ชมพุ่งขึ้นถึงขีดสุด ผู้จัดพาคนดูดำดิ่งไปสู่เพลงที่ deep ที่สุดในคอนเสิร์ต เพลงสุดท้ายหน้า B ที่อยู่ในความทรงจำของคนฟังหลาย ๆ คน อย่าง “อธิษฐาน” ถูกบอกเล่าผ่านการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของโบ สุนิตา เธอพูดถึงการจากไปของพี่สาวคนสนิท ที่แม้จะผ่านไปเป็น 10 กว่าปีแล้ว แต่ทุกครั้งที่ทีมงานอยากให้เธอลองพูดถึงเรื่องนี้ เราสังเกตได้ถึงการข่มอารมณ์เอาไว้อย่างหนัก ในวันคอนเสิร์ต เราจึงปล่อยให้เธอได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ได้เรียบเรียงสิ่งที่อยากสื่อสารถึงเพลงนี้ออกมาจากความรู้สึกจริง ๆ โดยไม่ได้ไปแตะต้องสคริปต์แม้แต่น้อย จึงเป็นที่มาของเพลงที่เข้าถึงความรู้สึก แตะไปถึงคนในความทรงจำของคนฟังได้มากที่สุดอย่างที่เพลงนี้ได้ทำหน้าที่นี้เสมอมา
ต่อจากเพลงที่สื่อถึงความรู้สึกมากที่สุด เราจึงดึงเพลงที่แสดงถึงความหวัง ความสดใสกลับมาบนเวทีอีกครั้ง และคนที่ทำหน้าที่นี้ได้ดีที่สุด คงหนีไม่พ้น คนที่เป็น “หนึ่งในไม่กี่คน” ของโบ สุนิตา นั่นก็คือลูกสาวคนเดียวของเธอ “น้องฮานิ” แม้อายุเพียงแค่ 10 ขวบ แต่ความสามารถของเธอที่มีทั้งพ่อและแม่เป็นศิลปินนั้น เราเรียกว่าเป็นลูกไม้ใต้ต้นได้เลย จากที่หลายคนเสียน้ำตาด้วยความคิดถึงคนที่ไม่ได้เจอกันแล้วในเพลงก่อนหน้า การมาของฮานิก็ทำให้น้ำตาเจือไปด้วยรอยยิ้มกับความน่ารักสดใสของแม่ลูกคู่นี้
เข้าสู่ช่วงเวลาสุดท้ายของคอนเสิร์ต โบ พูดถึงตัวเองว่า ทีมงานถามว่าถ้าเธอไม่ได้ออกเทป ตอนนี้เธอจะทำอะไรอยู่? เธอตอบโดยไม่ต้องคิดเลยว่าก็คงกำลังทำเดโมไปเรื่อย ๆ เพื่อเสนอค่าย หรือถ้าในยุคนี้ก็คงไปประกวดร้องเพลงในเวทีต่าง ๆ หรือผลิตผลงานในโซเชียลมีเดีย เพราะการได้เป็นนักร้อง คือความฝันเดียวของเธอ…. แต่สิ่งที่เธอได้มาเกินกว่าฝัน นั่นก็คือการได้มีแฟนเพลงที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้ เพลงที่เหมาะจะร้องตอบแทนแฟนเพลง ก็คือเพลงที่ถูกแต่งขึ้นมาขอบคุณเมื่อครั้งที่เธอทำสถิติล้านตลับถึง 2 ครั้งซ้อน “พรุ่งนี้จะรักฉันไหม” คำถามที่เธอถามถึงแฟนเพลง และต่อด้วยคำตอบที่เธอมีให้กับทุกคน “ขอเป็นคนของเธอ” ทั้ง 2 เพลงนี้โบเลือกที่จะลงไปร้องเพลงกับคนดูถึงข้างล่าง นั่นคือสิ่งที่เธออยากทำเพื่อได้ใกล้ชิดแฟนเพลงที่รักเธอ ให้สมกับที่รอคอยช่วงเวลานี้มายาวนานถึง 22 ปี …..
เรื่อง: itistist
ภาพ: Atimeshowbiz