10 ม.ค. 2563 | 15:49 น.
“โอกาส” ที่อาจนำพาคุณไปสู่ความสำเร็จในชีวิต บางครั้งมันก็เหมือนการยืนรอรถเมล์ ใครหลายคนอาจจะเคยยืนรอรถเมล์แล้วอยู่ดี ๆ รถเมล์ก็มาพร้อมกันทีเดียวสองคันให้เราเลือก แต่บางครั้งก็ใช่ว่าทุกคันจะพาคุณไปถึงที่หมายได้
รถบางคันคุณอาจจะต้องลงเพื่อไปต่อรถอีกคัน บางทีมันอาจจะเสียกลางทางจนทำให้คุณไม่อาจไปถึงที่หมายได้ หรือบางคันมันอาจจะพาคุณไปถึงที่หมายได้เร็วกว่าโดยปราศจากอุปสรรคใด ๆ เรื่องราวเหล่านี้ไม่ต่างกับชีวิตของนักฟุตบอลอาชีพ บางคนต้องย้ายทีมหลายครั้งกว่าจะสามารถก้าวขึ้นมาสู่ความสำเร็จได้ ซึ่งแน่นอนว่าก็มีหลายคนที่ชีวิตเหมือนล้อรถที่ยางแตก เปลี่ยนเท่าไหร่ก็ไปไม่ถึงเป้าหมายสักที
นี่อาจจะเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นกับใครหลายคน แต่สำหรับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (Trent Alexander-Arnold) แบ็กขวาดาวรุ่งของลิเวอร์พูล รถที่เขาตัดสินใจขึ้นเมื่อ 14 ปีที่แล้วมันกลายเป็นรถคันที่ใช่ที่พาเขากับเพื่อนร่วมทีมได้แห่รอบเมืองในฐานะเจ้ายุโรปอีกทั้งมันกำลังจะพาเขาและทีมก้าวขึ้นไปเป็นแชมป์ลีกในรอบกว่าสามทศวรรษ
“คำว่าเหมือนฝันยังไม่พอ อย่างกับมีเวทมนตร์ก็ยังไม่พอ ผมชอบอ่านนะ แต่ยังไม่เคยเจอคำไหนที่จะอธิบายความรู้สึกที่อยู่บนรถบัสนั้นได้เลย”
อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เป็น "สเกาเซอร์" (ชื่อที่ไว้เรียกคนที่มาจากเมืองลิเวอร์พูล) เลือดเข้มข้นที่มีรั้วบ้านติดกับ เมลวู้ด สนามซ้อมของทีมหงส์แดง นั่นจึงไม่แปลกที่เขาจะค่อย ๆ ซึมซับความเป็น เดอะ ค็อป มากกว่าจะเป็นเอฟเวอร์โตเนี่ยน แต่ถ้าถามว่าเหตุการณ์ใดเปลี่ยนชีวิตผู้ชายคนนี้ เราคงต้องย้อนไปในวันที่ สตีเวน เจอร์ราร์ด พาถ้วยบิ๊กเอียร์กลับสู่เมืองลิเวอร์พูลอีกครั้งในปี 2005
“ตอนที่เราได้แชมป์ (แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2018-2019) มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมได้ดูพาเหรดแชมเปี้ยนส์ลีกที่บ้านเกิด ย้อนกลับไปเมื่อปี 2005 ผมรออยู่บันไดหน้าบ้าน และรู้สึกเหมือนรอเป็นชาติเลยกว่ารถขบวนแห่จะมา แต่ผมถึงกับรู้สึกขนลุกที่คอเมื่อมีคนตะโกนว่า ‘มาแล้ว!’ ผมรู้สึกหูอื้อไปเลยเมื่อเห็นสตีเวน เจอร์ราร์ด และคนในทีมผ่านไปพร้อมกับถ้วยรางวัล รางวัลที่บ่งบอกถึงทีมเรา ตอนนั้นผมเกือบจะจับถ้วยรางวัลที่ห้อยลงมาจากรถบัสถึงแล้วด้วย”
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขบวนพาเหรดครั้งนั้น กลายเป็นความทรงจำที่ทำให้ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ในวัย 6 ขวบ ตั้งเป้ากับตัวเองว่าวันหนึ่งเขาจะต้องเป็นนักฟุตบอลของทีมนี้ให้ได้
“ตอนนั้นผมอายุแค่ 6 ขวบ แต่โตพอที่จะรู้ว่าโตมาอยากเป็นอะไร ผมอยากเป็นนักเตะของลิเวอร์พูล ผมอยากอยู่บนรถบัส มันไม่มีอะไรโดดเด่นหรอก เด็กส่วนมากก็อยากเป็นเหมือนกับผมนั่นแหละ”
ตั้งแต่นั้น อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กลายเป็นเด็กที่โลกทั้งใบมีแต่เรื่องฟุตบอล ในแต่ละวันเขากับพี่ชาย ไทเลอร์ และน้องชาย มาร์เซล มักจะชอบออกไปซ้อมนอกบ้านด้วยกัน หรือบางครั้งก็เข้ามาป้วนเปี้ยนในบ้านจนแม่ของเขาต้องด่ากราดว่าให้ไปเล่นฟุตบอลที่อื่น เรียกได้ว่าช่วงชีวิตในวัยเด็กของเขามีงานอดิเรกอย่างเดียวคือฟุตบอล
“ผมโตมาในครอบครัวที่มี พ่อ แม่ และพี่ชายคือ ไทเลอร์ และน้องอย่าง มาร์เซล เราอยู่ด้วยกันในบ้านหลังเดียวที่มีสามห้องนอนและติดกับเมลวู้ด แม้เราสามคนจะกัดกันบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่เราชอบเหมือนกันคือฟุตบอลและสโมสรลิเวอร์พูล
“เอาจริง ๆ นะ เราไม่มีงานอดิเรกอย่างอื่นหรอก อาจจะฟังดูแย่ แต่มันจริง เราคลั่งไคล้มันมากแทบจะ 24 ชั่วโมง 7 วันเลย ถึงขนาดที่ว่าแม่ผมต้องตั้งกฏขึ้นมาให้เราสามารถเล่นได้ทุกที่ แต่ต้องอยู่ในสายตาเธอ ทางเลือกก็คือสวนหน้าบ้านหรือสวนฝั่งตรงข้าม แต่บางทีเราก็คลาดสายตาเธอไปบ้าง เพราะบางครั้งเราก็เล่นอยู่หลังบ้านกับลูกที่ทำมาจากฟอยล์หรือถุงเท้า มีหลายทีที่เราก็ทำเธอแทบบ้า คุณลองนึกภาพดูสิ ตอนที่เธอกำลังทำกับข้าวอยู่ในห้องครัว แล้วมีเด็กผู้ชายสามคนในชุดแข่งลิเวอร์พูลเล่นฟุตบอลในนั้น แถมวิ่งไล่เสียบกันไปมา”
แต่นอกจากฟุตบอลแล้ว ดูเหมือนว่าหมากรุกจะเป็นแค่กิจกรรมเดียวที่ดึงความสนใจของสามพี่น้องได้ ย้อนเวลากลับไปตอนนั้นพวกเขาอาจจะมองไม่เห็นถึงความสำคัญของมัน แต่ในวันนี้ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ได้ออกมาเปิดเผยว่าเจ้าเกมกระดานชนิดนี้ ช่วยให้เขากลายเป็นแบ็กที่ดีได้เช่นกัน
“ที่ตลกก็คือผมและพี่ชายมักจะชอบเล่นบอลตอนที่ฝนตก มันเป็นแบบนั้นเสมอ แต่หลายครั้งที่เราติดอยู่ข้างใน พวกเราก็มักจะพยายามทำอะไรที่ไม่มีประโยชน์ เช่น การเล่นเกม แต่วันหนึ่งแม่เหลืออดกับสิ่งที่เราทำ เธอเลยให้พ่อจับพวกเรามาสอนหมากรุกซึ่งสุดท้ายกลายเป็นอะไรที่สุดยอดมาก เพราะหมากรุกก็คล้ายกับฟุตบอล มันเป็นเกมการแข่งขันที่ใช้การวางแผน และยิ่งความรู้สึกตอนที่พี่ของผมรู้ตัวว่าเสียท่าให้ผมแล้ว มันเป็นอะไรที่เหลือเชื่อมาก”
โอลด์ แทรฟฟอร์ด อาจจะเป็นสนามที่ใหญ่ที่สุดในพรีเมียร์ลีก เวมบลีย์ อาจจะเป็นสนามที่ใหญ่ที่สุดในเกาะอังกฤษ แต่สำหรับ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แอนฟิลด์คือสนามที่ยิ่งใหญ่และเปี่ยมไปด้วยความทรงจำที่สุดของเขา
“ตอนที่ผมยังเด็ก ทุกครั้งที่นั่งรถเข้าเมืองผมจะเห็นสนามแอนฟิลด์ผ่านกระจกรถ ภาพที่เห็นทำเอาผมตกตะลึง หลายครั้งที่ผมตั้งคำถามกับตัวเองว่าข้างในนั้นมันจะเป็นยังไงกันแน่ มันค่อนข้างเป็นสิ่งลึกลับสำหรับผมในตอนนั้น”
ความทะเยอทะยานและแรงกระตุ้นที่จริงจังเกี่ยวกับฟุตบอลทำให้เขาเข้าใกล้ความฝันมากขึ้นจากการได้เข้ามาเป็นนักเตะเยาวชนของทีมและเริ่มต้นล่าฝันของตัวเองนับตั้งแต่นั้นมา
“ไม่มีทางเลยที่คุณจะไม่อยากเป็นนักฟุตบอลถ้าไม่ได้ประสบเหตุการณ์แบบนั้นมา ก็เหมือนกับพี่และน้องของผมเลย มันคือเรื่องราวที่สำคัญของผมที่คนไม่ค่อยพูดถึงกัน เราทั้งสามมีความฝันเหมือนกัน ตอนผมอายุ 6 หรือ 7 ขวบ ผมได้เข้าไปอยู่กับทีมเยาวชนของลิเวอร์พูล ตอนนั้นการเล่นฟุตบอลในสนามเหมือนกับการวิ่งไล่หาความฝันของตัวเอง โดยที่ไม่รู้ว่าเรามีกลุ่มผู้สนันสนุนที่ใหญ่มาก”
สิ่งหนึ่งที่หลายคนยังไม่รู้เกี่ยวกับครอบครัวนี้คือ ทั้งสามมีโอกาสจะเป็นนักฟุตบอลได้ แต่ครอบครัวต้องตัดสินใจเลือกสนับสนุนแค่คนเดียว เพราะปัจจัยหลาย ๆ เรื่อง ซึ่งสุดท้าย “เทรนต์” กลายเป็นคนที่มีแววที่สุด หากมองย้อนกลับไปถ้าพี่ชายและน้องของเขาไม่เสียสละโอกาสของตัวเองในวันนั้น เราคงไม่ได้เห็นแบ็กขวาจอมแอสซิสต์คนนี้โลดแล่นบนเวทีลูกหนังในปัจจุบัน
“ตอนนั้นคือช่วงเวลาที่ไทเลอร์และมาร์เซลเต็มใจยอมเสียสละความฝันของตัวเองเพื่อผม ทุกคนรู้สึกว่าความฝันในการจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพของผมอาจจะเป็นจริงได้ เหตุการณ์หนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงเรื่องนี้คือ แม่ไม่สามารถไปส่งไทเลอร์ที่สนามแข่งได้เพราะในวันเวลาเดียวกันเธอต้องมาเฝ้าผมที่ศูนย์ฝึก ทุก ๆ ครั้งมักจะเป็นพวกเขาที่เสียสละเพื่อผมเสมอ จนถึงวันนี้ผมรู้สึกขอบคุณพวกเขาทั้งสองอย่างเหลือเชื่อ เพราะฉะนั้นทุกก้าวที่ผมก้าวผ่าน มันก็เหมือนพวกเขาก้าวไปกับผมด้วย เช่นเดียวกัน ทุกประสบการณ์ที่ผมได้ พวกเขาก็ได้ด้วยเช่นกัน ทั้งหมดมันคอยตอกย้ำให้ผมรู้ว่าผมเริ่มมาจากสิ่งใด ทั้งคู่ไม่ใช่แค่พี่ชายและน้องชายของผม แต่ยังเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดอีกด้วย”
[caption id="attachment_18072" align="aligncenter" width="480"] สามพี่น้อง อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จากซ้าย มาร์เซล, ไทเลอร์ และเทรนต์[/caption]สาวก เดอะ ค็อป คงไม่มีใครไม่รู้จักอดีตกัปตันทีมของพวกเขาอย่าง สตีเวน เจอร์ราร์ด ตำนานของทีม แน่นอนชายคนนี้คือฮีโร่ของแฟน ๆ รวมถึง อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ด้วย ในปี 2017 เจอร์ราร์ดได้กลับมาที่เมลวู้ดอีกครั้งในฐานะโค้ชทีม U18 ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กำลังฉายแววเด่นให้กับทีมเยาวชนของทีม แบ็กดาวรุ่งเล่าย้อนว่า ครั้งแรกที่เขาได้เจอฮีโร่ของตัวเองที่สนามซ้อม คือประสบการณ์ที่น่าทึ่งที่สุดในชีวิต
“ตอนผมอายุ 16 หนึ่งในประสบการณ์ที่น่าเหลือเชื่อที่สุดคือ ตอนที่เจอร์ราร์ดลงมาช่วยดูแลนักเตะดาวรุ่ง การที่มีเขาอยู่ในสนามแบบนั้นมันเหมือนฝันที่เป็นจริงของผม หลายคนคงไม่รู้ว่าเจอร์ราร์ดมีความหมายกับนักเตะดาวรุ่ง หรือโดยเฉพาะนักเตะท้องถิ่นแบบผมอย่างไร ทุกวันนี้ผมยังจำได้อยู่เลยว่าเราสามคนเคยชอบเตะฟุตบอลและจินตนาการว่าเป็นเขา ส่วนอีกคนเป็นนีล เมลเลอร์ และคนพากย์
“ทุกครั้งที่เรายิงได้ คนหนึ่งจะตะโกนขึ้นมาว่า ‘เจอร์ราร์ด!’ แล้วก็จะมีคนสไลด์เข่าเหมือนเขา เจอร์ราร์ดมักจะใช้เวลาหลังคุมผมซ้อมไปกับการเตะบอลข้ามฟากหรือฝึกอะไรต่าง ๆ ซึ่งมองย้อนกลับไปการที่ได้ดูเขาซ้อมใกล้ ๆ ได้ศึกษาเทคนิคของเขา มันเป็นอะไรที่ผมอยากจะจำทุกอย่างเลย”
สิ่งที่ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ สังเกตเกี่ยวกับเจอร์ราร์ด คือ วิธีการที่เขาจัดการชีวิตตัวเองอย่างไร รวมถึงการแสดงออกในฐานะนักเตะต้นแบบที่ดีของเยาวชน เจอร์ราร์ดมักจะพูดถึงคนที่คอยสนับสนุนแอนฟิลด์หรือตัวสโมสรเสมอ สะท้อนให้เห็นว่าเขาใส่ใจสโมสรมากขนาดไหน มันคือการแสดงออกถึงความเป็นครอบครัว การอยู่ร่วมกัน และนั่นคือสิ่งที่นักเตะดาวรุ่งคนนี้ได้รับจากฮีโร่ของเขา
เจอร์ราร์ดอาจจะเป็นคนพิเศษของ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แต่สองคนสำคัญที่มองเห็นศักยภาพของเขาในรั้วเมลวู้ด คือ นีล คริทชลี่ย์ และ อเล็กซ์ อิงเกิลธอร์ป โค้ชเยาวชนของทีมที่ช่วยกันปั้นจนเขาสามารถก้าวขึ้นไปติดทีมชุดใหญ่ของกุนซือ เจอร์เกน คล็อปป์ ได้
“หลังจากนั้นหลายปี ผมได้ขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่ แต่ก็ไม่ได้ลงเล่นเยอะมาก เวลาเข้าไปในเมืองก็ไม่ค่อยมีคนจำได้เท่าไหร่ อาจจะมีบ้างแต่ไม่เยอะ แต่แล้วในบ่ายวันหนึ่ง ผมอยู่ใกล้ ๆ ย่านใจกลางเมืองลิเวอร์พูล และเห็นเด็กคนหนึ่งในชุดลิเวอร์พูล อายุน่าจะ 10 ขวบได้มั้ง เขาอยู่ค่อนข้างไกล ตอนนั้นผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก จนกระทั่งเขาหันหลังและผมเห็นเสื้อเบอร์ 66 ที่เขียนว่า ‘Alexander-Arnold’ ข้างหลัง เขาใส่ชุดผม!
“เหตุการณ์นั้นทำให้ผมนึกได้ว่า ผมเป็นนักเตะของลิเวอร์พูลแล้วนะ จริง ๆ เป็นมา 12 ปีแล้วด้วย ผมได้เตะที่แอนฟิลด์ ได้เจอเจอร์ราร์ด ได้ทำอะไรหลายอย่างที่อยากทำ แต่การได้เห็นเด็กคนนั้นในชุดของผม ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงว่าสิ่งนั้นมีความหมายกับผมแค่ไหน คนชอบพูดว่า ‘ผมเคยเป็นเด็กคนนั้น’ ใช่แล้ว ผมเคยเป็นเด็กคนนั้น และตอนนี้ผมก็ยังเป็นเด็กคนนั้นเหมือนเดิม”
ปัจจุบัน อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กำลังโชว์ฟอร์มร้อนแรง กลายเป็นนักเตะคนสำคัญของลิเวอร์พูล และทีมชาติอังกฤษ แม้ตอนนี้เขาจะเป็นที่ต้องการของยอดสโมสรในยุโรป แต่คงเป็นเรื่องยากที่เราจะได้เห็นเด็กติดบ้านคนนี้ย้ายทีม ประโยคที่ว่า “เพราะลิเวอร์พูลคือบ้านของผม” อาจจะฟังดูน้ำเน่าหรือเชย ๆ แต่ถ้าใครที่ได้รู้จักชายคนนี้ คุณจะรู้ว่าในวันนี้ที่เขามีความสุขที่สุด เขาเรียนรู้ว่าความสุขของตัวเองอยู่ที่การได้เล่นฟุตบอล และอยู่กับครอบครัวที่ “ลิเวอร์พูล”
“ตอนที่ผมกลับบ้าน ผมมักจะบอกพ่อกับแม่เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง มันคือข้อดีของการที่ยังอยู่บ้านพ่อแม่! คุณไม่ต้องโทรหาพวกเขาเวลาเจอเรื่องเจ๋ง ๆ มา เพราะคุณยังอยู่ที่บ้าน สิ่งที่คุณต้องทำคือการเดินไปบอกพวกเขาก่อนนอน”
ที่มา: https://www.theplayerstribune.com/en-us/articles/trent-alexander-arnold-liverpool-football-club
https://www.youtube.com/watch?v=9VWflg05xpA
https://www.youtube.com/watch?v=9vdfcg1F6aI&list=PLlVE0PgGVMTSHZhxSYHSXatc9U7TO4kVZ&index=60&t=0s