03 ก.พ. 2563 | 18:47 น.
ย้อนกลับไปในควอเตอร์ที่ 4 ของการแข่งขันซูเปอร์โบว์ลครั้งที่ 54 ก่อนหมดเวลา 7.13 นาที แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ ตามหลัง ซานฟรานซิสโก โฟร์ตี้ไนเนอร์ส อยู่ 10 ต่อ 20 และเป็นดาวน์ที่สามที่ชีฟส์ต้องการถึง 15 หลา ตอนนั้นหลายคนอาจจะคิดว่าชีฟส์จบเห่แล้วแน่ ๆ แต่ท่ามกลางความกดดันนั้น แพทริค มาโฮมส์ (Patrick Mahomes II) ควอเตอร์แบ็กของชีฟส์ ได้ขว้างบิ๊กเพลย์สุดมหัศจรรย์ไปให้ ไทรีก ฮิลล์ ปีกนอก รับเปลี่ยนดาวน์ที่สาม จนกลายเป็นเพลย์ตัดสินเกมที่ต่อมาทำให้ชีฟส์คว้าแชมป์ซูเปอร์โบว์ลในรอบ 50 ปี และยังส่งให้ควอเตอร์แบ็กวัย 24 คว้ารางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ประจำซูเปอร์โบว์ลครั้งนี้
“Mahomes Magic” คือชื่อเรียกช่วงเวลาที่มาโฮมส์มักจะเนรมิตเพลย์มหัศจรรย์ขึ้นมา การที่ควอเตอร์แบ็กสักคนหนึ่งจะสร้างเพลย์แบบนั้นขึ้นมาได้ จำเป็นต้องมีแขนที่ทรงพลังและแม่นยำ บวกกับการอ่านเกมที่เฉียบแหลม มันคือเรื่องของพรสวรรค์ที่ใช่ว่าควอเตอร์แบ็กทุกคนจะมี
ถ้าพูดถึงกีฬาอเมริกันฟุตบอลหรือ NFL โดยเฉพาะตำแหน่งพระเอกของเกม หลายคนอาจจะคุ้นชื่อของเหล่าคนดังอย่างเช่น ทอม เบรดี้, เพย์ตัน แมนนิ่ง, แอรอน ร็อดเจอร์ส รวมถึงตำนานอย่าง โจ มอนทาน่า หรือ แดน มาริโน่ ที่ผ่านมามันอาจจะเป็นช่วงเวลาของบุคคลเหล่านี้ แต่เมื่อฤดูกาลเปลี่ยนผ่านในวันที่ต้นไม้ผลัดใบทิ้งไป ใบไม้ใหม่สีเขียวสดใสผลิงอกออกมาบ่งบอกถึงยุคใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ชื่อของ แพทริค มาโฮมส์ กลายเป็นตัวแทนของเด็กรุ่นใหม่ที่กำลังก้าวขึ้นมาแทนที่ใบไม้ที่ร่วงหล่น
ในปี 2017 ชีฟส์สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการทิ้งสิทธิดราฟต์สามสิทธิเพื่อเทรดอัพขึ้นไป 17 อันดับ ขยับไปอยู่ที่ 10 เพื่อดราฟต์ควอเตอร์แบ็กวัยหน้าละอ่อนจากมหาวิทยาลัยเท็กซัส เทค ที่มีชื่อว่า แพทริค มาโฮมส์
มาโฮมส์เป็นลูกชายแท้ ๆ ของ แพท มาโฮมส์ ซีเนียร์ อดีตพิชเชอร์ทีม นิวยอร์ก เม็ตส์ แห่งศึก MLB มาโฮมส์เติบโตที่เมืองไทเลอร์ รัฐเท็กซัส เขาก็เหมือนกับเด็กอเมริกันทั่วไปที่หลงใหลกีฬาอเมริกันเกม และมีความฝันที่จะเดิมตามรอยเป็นนักเบสบอลเหมือนกับพ่อ แม้เบสบอลจะเป็นอะไรที่ใกล้ตัวเขาแต่เด็ก แต่ฟุตบอลก็เป็นอะไรที่มาโฮมส์รู้สึกถึงความพิเศษได้เสมอ
ในช่วงมหาวิทยาลัยที่เท็กซัส เทค มาโฮมส์เลือกเอาดีทั้งสองชนิดกีฬา โดยเฉพาะในเบสบอล เขาแสดงถึงพรสวรรค์ที่ตกทอดมาจากพ่อ จนทำให้ถูกหมายมั่นว่าจะก้าวขึ้นไปเป็นยอดผู้เล่นใน MLB ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนั้นมาโฮมส์ผู้พ่อไม่อยากให้ตัวเองมีผลต่อการตัดสินใจของลูกชายเขาตัดสินใจให้มาโฮมส์เลือกทางเดินของตัวเอง
“เขาหลงรักมัน (ฟุตบอล) เขาเล่นเบสบอลมาตลอด เขาโตมากับมันเรียกได้ว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา แต่ฟุตบอลเป็นเรื่องใหม่สำหรับเขา และเขาก็เริ่มหลงรักมัน” มาโฮมส์ ซีเนียร์ พูดถึงลูกชาย
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตของเด็กคนนี้เกิดขึ้นในปี 2014 เมื่อ ดีทรอยต์ ไทเกอร์ส สนใจจะเซ็นสัญญาดึงเขาไปร่วมทีม แต่ท้ายสุดมาโฮมส์ตัดสินใจเลือกเส้นทางของตัวเองด้วยการปฏิเสธสัญญาฉบับนั้น เพื่อหวังจะเอาดีในฟุตบอลแทน “มีแต่คนบ้าเท่านั้นที่ทิ้งเงินล้านแบบนั้น” ตอนนั้นหลายคนอาจคิดว่าการปฏิเสธเงินล้านของมาโฮมส์เป็นเรื่องที่ผิดพลาด แต่ไม่นานเขาก็พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเขาเกิดมาเพื่อจะเป็น “ควอเตอร์แบ็ก” และสิ่งที่เขาเลือกคือสิ่งที่ถูกต้อง
งานนี้แฟน ๆ NFL คงต้องขอบคุณ แรนดี้ มาโฮมส์ (แม่ของมาโฮมส์) เพราะย้อนกลับไปไม่นานในช่วงที่มาโฮมส์กำลังคิดถึงอนาคตของตัวเอง เขาเดินเข้าไปหาแม่พร้อมกับความคิดในหัวที่จะเลิกเล่นฟุตบอล เขาถามแม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากเขาเลิกเล่นมัน ซึ่งสิ่งที่เธอพูดกับมาโฮมส์ในวันนั้น กลายเป็นคำพูดครั้งสำคัญของโลกนี้เลย “ก่อนที่เขาจะขึ้นปีสุดท้ายในช่วงมัธยม เขาเดินมาหาฉันและบอกว่าจะเลิกเล่นฟุตบอล แต่ฉันบอกเขาว่า ‘ลูกจะเสียใจแน่ ๆ ถ้าเลิกเล่นมัน’”
[caption id="attachment_19226" align="aligncenter" width="1080"] ครอบครัวมาโฮมส์[/caption]มาโฮมส์เริ่มฉายแววเทพออกมา และกลายเป็นดาวดังของ NCAA โดยตลอดสามปีของเขาที่เท็กซัส เทค มาโฮมส์โชว์ฟอร์มด้วยการวิ่งทำทัชดาวน์ 22 ครั้ง ระยะรวม 848 หลา รวมถึงขว้าง 93 ทัชดาวน์ ระยะรวมกว่า 11,252 หลา และในวันที่ 3 มกราคม 2017 มาโฮมส์ก็ตัดสินใจประกาศตัวเพื่อเข้าดราฟต์ของ NFL ในคลาสปี 2017 ก่อนที่ท้ายสุดเขาก็ถูกชีฟส์ดราฟต์มาในอันดับที่ 10
ครั้งหนึ่ง แบรด ไชล์เดรส อดีตผู้ช่วยของ แอนดี้ รีด เฮดโค้ช เคยออกมาพูดถึงเบื้องหลังการดราฟต์มาโฮมส์ ว่า “การดราฟต์ทุกครั้งมันคือการกระโจนเข้าหาความศรัทธา ตอนนั้นเรานั่งดูเทปที่แพทริค ขว้าง 700 กว่าลูก สมัยอยู่ที่เท็กซัส เทค เราไม่ได้ดูแค่ครั้งเดียวนะ เราดูวนหลายครั้ง เราเชื่อในสิ่งที่เห็น และเรารู้ทันทีว่าเขามีอะไรที่พิเศษกว่าคนอื่น”
มาโฮมส์ในวัย 22 ปี เข้าลีกมาในฐานะควอเตอร์แบ็กสำรองของ อเล็กซ์ สมิธ ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นควอเตอร์แบ็กตัวจริงในฤดูกาลต่อมา (2018) ระหว่างหนึ่งปีนั้นถือเป็นช่วงเวลาเตรียมความพร้อมของมาโฮมส์สำหรับการขึ้นมาเป็นควอเตอร์แบ็กระยะยาวของแฟรนไชส์ซึ่งไชล์เดรสเล่าว่าสิ่งแรกที่โค้ชรีดทำกับมาโฮมส์คือการสร้างวินัยและภาวะการเป็นผู้นำอันเป็นแนวทางเดียวกันกับที่เขาเคยให้โดโนแวนแม็คแนบบ์อดีตควอเตอร์แบ็กทำสมัยที่เคยคุมฟิลาเดลเฟียอีเกิลส์
“เราอธิบายแพทริคว่าเขาจำเป็นจะต้องมาซ้อมคนแรกก่อนทุกคนตอน 7 โมงเช้าเสมอ มันสำคัญมากที่จะแสดงให้ทุกคนเห็นถึงการทำงานหนัก และมันจะมาพร้อมกับความเคารพด้วยเช่นกัน” ไชล์เดรสย้อนความหลัง ด้านโค้ชรีดก็เคยออกมาพูดถึงเด็กในคาถาคนนี้เช่นกันว่า “แพทริคซึมซับสิ่งต่าง ๆ ได้เร็วมาก ควอเตอร์แบ็กบางคนเริ่มเกมของตัวเองในแบบรุ้กกี้ แต่แพทริคก้าวไปไกลกว่านั้น เขาดูและเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากอเล็กซ์ (สมิธ) มากกว่าที่จะเล่นแบบพวกรุ้กกี้”
แค่ 5 นาทีแรกของการซ้อมครั้งแรกกับทีม มาโฮมส์ก็แผลงฤทธิ์ให้ เรจจี้ แรกแลนด์ ไลน์แบ็กเกอร์ของทีมได้เห็น “เขาถอยหลังกลับไปประมาณ 3 หลาไปทางซ้ายแล้วโยนบอลแบบไม่ต้องมอง ได้ระยะประมาณ 15 หรือ 20 หลา จนผมต้องถามคนอื่นว่า ‘คุณเห็นสิ่งที่เขาเพิ่งทำไหม’”
จากรุ้กกี้สู่ MVP! พรสวรรค์ของมาโฮมส์สร้างความน่าทึ่งให้กับลีกอย่างมากนับตั้งแต่ออกสตาร์ทเป็นแม่ทัพของทีม “หัวหน้าเผ่า” แค่ฤดูกาลแรกในฐานะตัวจริง มาโฮมส์ก็โชว์ฟอร์มหรูพาชีฟส์จบซีซันด้วยสถิติ 12–4 ถึงแม้ต่อมาชีฟส์จะไปไม่ถึงฝันแพ้นิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์ ในรอบชิงแชมป์สาย AFC ช่วงต่อเวลาไป 31–37 แต่ด้วยฟอร์มสุดน่าทึ่งของมาโฮมส์ในฤดูกาลนั้น ท้ายที่สุดมันส่งให้เขากลายเป็นผู้เล่นทรงคุณค่าประจำฤดูกาลปกติปี 2018
“ผมมีสองเป้าหมายในฐานะการเป็นควอเตอร์แบ็กของทีมนี้ หนึ่งคือการคว้าแชมป์ลามาร์ โทรฟี่ (แชมป์สาย AFC ) สองคือซูเปอร์โบว์ล”
ในฤดูกาล 2019 มาโฮมส์เริ่มต้นฤดูกาลใหม่ด้วยความหวังที่จะพาชีฟส์ไปไกลกว่าเดิม แต่ในเกมที่ 7 ของฤดูกาลที่ชีฟส์ บุกปราบเดนเวอร์ บรองโก้ส์ สบาย ๆ 30-6 เแฟน ๆ ชีฟส์ก็สะดุ้งตาเหลือก เมื่อมาโฮมส์ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสะบ้าเข่าขวา จนทำให้เขาต้องพักยาวนับเดือน ตอนนั้นหลายคนคงคิดว่าฤดูกาลของชีฟส์ได้พังลงแล้ว แต่การฟื้นตัวที่เร็วเกินคาดทำให้มาโฮมส์กลับมาประจำตำแหน่ง ก่อนจะผงาดพาชีฟส์ทะลุเข้าไปเป็นแชมป์ซูเปอร์โบว์ลได้ในบั้นปลาย
หลังจบเกมซูเปอร์โบว์ลครั้งที่ 54 มาโฮมส์สร้างสถิติขว้างเข้าเป้า 26 จาก 42 ครั้งจากระยะ 286 หลาเป็น 2 ทัชดาวน์ บวกกับวิ่งเอง 29 หลา 1 ทัชดาวน์ กลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยสุดของลีกที่กวาดทั้ง MVP รอบชิงชนะเลิศ และฤดูกาลปกติ ทุบสถิติตัววิ่งระดับตำนานของดัลลัส คาวบอยส์ อย่าง เอ็มมิตต์ สมิธ ที่เคยทำไว้ขณะอายุ 24 ปี 233 วัน เมื่อฤดูกาล 1993
“เพื่อนฉันเชื่อว่านี่คือช่วงเวลาของเรา ฉันรู้ว่านี่คือช่วงเวลาของพวกเรา เราจะเชื่อกันและกัน และจะเชื่อไปพร้อม ๆ กัน” นี่คือคำพูดปลุกใจของมาโฮมส์ก่อนเกมที่ส่งให้ชีฟส์พลิกกลับมาคว้าแชมป์
“สิ่งที่ดีที่สุดเกี่ยวกับมัน (ฟุตบอล) คือคุณได้แสดงให้เด็ก ๆ ได้เห็นว่า ไม่ว่าคุณจะเติบโตมาจากที่ไหน ชนชาติอะไร คุณสามารถจะทำตามความฝันได้ สำหรับผม การเป็นควอเตอร์แบ็กผิวสี มีพ่อเป็นผิวสี แม่ผิวขาว ได้แสดงให้เห็นว่ามันไม่สำคัญว่าคุณมาจากที่ไหน ไม่สำคัญว่าคุณคือนักกีฬาเบสบอล หรือนักกีฬาบาส คุณก็แค่ทำตามความฝันของคุณ และไม่ว่าความฝันของคุณคืออะไร จงทำงานหนัก มีระเบียบวินัย หมั่นฝึกฝนมาก ๆ และคุณก็จะไปอยู่จุดนั้นได้”
ที่มา: https://www.chiefs.com/video/the-story-of-quarterback-patrick-mahomes
https://fox5sandiego.com/2020/01/18/qb-patrick-mahomes-mom-talks-of-raising-the-mvp-his-siblings/
https://heavy.com/sports/2020/02/patrick-mahomes-what-race-black-nationality-ethnicity/