03 มี.ค. 2563 | 18:01 น.
“ผีน้อย” เป็นศัพท์ที่ใช้เรียกคนไทยที่ลักลอบเดินทางไปทำงานอย่างผิดกฎหมายในต่างแดน โดยเฉพาะในประเทศเกาหลีใต้ที่มีคนไทยแห่กันโดดวีซ่าเป็นจำนวนมาก ทำให้เมื่อใครพูดถึงผีน้อย ส่วนมากผู้คนก็มักจะให้ค่าในทางลบ หรือในสถานการณ์ที่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่กำลังระบาดในเกาหลีใต้ การที่ผีน้อยเหล่านี้ทยอยขอกลับประเทศบ้านเกิด ก็ยิ่งทำให้ประชาชนบางส่วนเกรงว่าผีน้อยจะนำ "โควิด-19" กลับมาด้วยหรือไม่? แม้สิ่งที่หวั่นอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ตามที...
ช่วงที่ทุกคนต่างหวาดคำว่า ผีน้อย อีกมุมหนึ่งคำคำนี้ก็ทำให้เรานึกย้อนกลับไปถึงตัวละครในหนังเรื่องหนึ่งที่มีคำว่าผีน้อยนำหน้า ตัวละครแห่งความทรงจำในวัยเด็กของใครหลายคนอย่าง “ผีน้อยแคสเปอร์”
หลายคนรู้จัก “แคสเปอร์" กันดีในฐานะผีตัวน้อยผู้ทำให้ทุกคนตกหลุมรักจากหนัง “Casper” ของค่ายพาราเมาต์เมื่อปี 1995 โดยตัวหนังได้รับแรงบันดาลใจมาจากการ์ตูนเรื่อง “The Friendly Ghost“ ของ ซีมัวร์ ไรท์ และ โจ โอริโอโร ที่เขียนมาตั้งแต่ช่วงปลายยุค 1930s สมัยช่วงสงครามโลกครั้งที่สองโน่นเลย โดยช่วงที่ไรท์เข้ารับราชการทหาร โอริโอโรก็ได้ขายลิขสิทธิ์แคสเปอร์ให้แผนกอะนิเมชันชื่อดังของพาราเมาต์
ก่อนที่แคสเปอร์จะได้รับความนิยมไปทั่วโลกจากเวอร์ชั่นหนัง นิทานชุด Casper The Friendly Ghost เคยถูกหลายสำนักพิมพ์ปฏิเสธที่จะตีพิมพ์ เพราะคิดว่าการที่ตัวละครเป็นผีไม่น่าจะเป็นที่ชื่นชอบสำหรับเด็กนัก แต่ในช่วงต้นยุค 90s โคลิน วิลสัน ผู้อำนวยการสร้างของพาราเมาต์ก็เล็งเห็นว่าตัวละครผีน้อยตัวนี้มีศักยภาพพอที่จะนำมาทำเป็นหนัง และมอบหมายให้ แบรด ซิลเบอร์ลิง เข้ามารับหน้าที่ผู้กำกับ
“Casper” เป็นเรื่องราวของ แคสเปอร์ ผีน้อยที่โตมาอย่างโดดเดี่ยวในคฤหาสน์วิปสตาฟ โดยมีเพื่อนเป็นผีคุณลุงสามตัว นำโดย สเตรทช์ สติงกี้ และ แฟตโซ ที่มักจะชอบหลอกผู้คนและใช้งานเขาเสมอ ในฐานะผีน้องเล็กสุด แคสเปอร์ มักได้รับคำสอนจากทั้งสามว่าหน้าที่หลักของการเป็นผีคือ “ต้องหลอกให้มนุษย์กลัวที่สุด” ซึ่งขัดแย้งกับจิตใจแสนดีของเขาที่อยากจะเป็นเพื่อนกับทุกคนมากกว่า “ฉันเป็นผีแต่นิสัยดีนะ” แคสเปอร์กล่าวอย่างท้อใจ
แล้วความฝันของผีน้อยก็เป็นจริง เมื่อเขาได้พบกับสองพ่อลูก ด็อกเตอร์ เจมส์ ฮาร์วี่ย์ (บิลล์ พูลแมน) ผู้เชี่ยวชาญเรื่องผี และลูกสาว แคท (คริสตินา ริชชี่) ที่ตอนแรกถูกว่าจ้างให้มาเพื่อปราบผีสิงแต่สุดท้ายด้วยจิตใจอันดีงามของแคสเปอร์ก็ทำให้เขาได้รับมิตรภาพที่ดีตอบกลับมาจากสองพ่อลูกจนทั้งสามกลายมาเป็นเพื่อนกันในท้ายที่สุด
“ใคร ๆ ก็ไม่รักผม ใคร ๆ ก็ไม่อยากเข้าใกล้” อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่แสดงถึงความทนทุกข์อยากมีเพื่อนกับเขาบ้างของแคสเปอร์ ต้องย้อนกลับไปสมัยที่แคสเปอร์เคยถูกนำมาทำเป็นอะนิเมชั่นเมื่อปี 1948 โดยใช้ชื่อตอนว่า There's Good Boos Tonight มีฉากหนึ่งที่เราจะเห็นแคสเปอร์กำลังอ่านหนังสือและร้องไห้อยู่หน้าหลุมฝังศพของตัวเอง และก็มีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งเดินออกมาจากโพรงไม้เพื่อจะมาเล่นกับเขา เหตุการณ์นั้นทำให้แคสเปอร์รู้สึกดีใจมากที่มีเพื่อนกับเขาสักที แต่ไม่นานเขาก็ต้องพบเรื่องเศร้าอีกเมื่อเจ้าสุนัขจิ้งจอกตัวนั้นเสียชีวิต หลังจากนั้นเขาก็พยายามจะหาเพื่อนอีกครั้ง แต่ทุกครั้งที่เขาพยายามจะเป็นมิตรกับใคร สิ่งที่ได้กลับมามักจะเป็นความหวาดกลัวของผู้คนที่มีให้กับเขา “ฉันแค่อยากมีเพื่อนสักคน” นี่คือคำพูดตัดพ้อของแคสเปอร์
แม้ตัวหนังหรืออะนิเมชั่นจะบอกเล่าเรื่องราวเชิงบวก มีโทนของความอบอุ่นและสนุกสนานตามสไตล์หนังครอบครัวให้เด็กดู แต่หากเจาะลึกไปที่ชีวิตของแคสเปอร์ ช่วงก่อนหน้านั้นจะพบได้ว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มที่ทั้งชีวิตรู้จักแต่คำว่า “สูญเสีย”
ก่อนเสียชีวิตด้วยวัย 12 ปีแคสเปอร์ มีชื่อจริง ๆ ว่า แคสเปอร์ แม็คเฟดเดน เป็นลูกชายของ เจ.ที. แม็คเฟดเดน นักประดิษฐ์ชื่อดังที่คิดค้นเครื่องชุบชีวิตได้สำเร็จ ถ้าฟังจากสำเนียงของแคสเปอร์จะสังเกตว่าเสียงของเขามีสำเนียงแบบนิวยอร์ก ซึ่งประจวบเหมาะกับฉากหนึ่งในหนังที่แคสเปอร์บอกว่าเขาเป็นแฟนตัวยงของ ดุค สไนเดอร์ เซ็นเตอร์ฟิลเดอร์ อดีตตัวตำนานเบสบอลทีมบรู๊คลิน ดอดเจอร์ส ผลพวงจากการที่อยู่คนเดียวมาอย่างยาวนานทำให้เขาลืมเรื่องราวในอดีตของตัวเอง แต่มีฉากหนึ่งของหนังตอนที่ แคท นางเอกของเรื่องปัดกวาดเช็ดถูห้องนอนของแคสเปอร์เพื่อหวังจะให้เขาจดจำเรื่องราวในวัยเด็กของตนได้ เหตุการณ์นั้นทำให้แคสเปอร์เริ่มระลึกความหลังได้ และเริ่มเล่าย้อนถึงสาเหตุการตายของตนที่มาจากอาการปอดบวมจากการเล่นเลื่อนหิมะหน้าบ้าน
“ฉันเคยร้องขอเลื่อนหิมะตัวนี้ทุกวัน แต่พ่อไม่เคยสนใจสักนิด แถมรำคาญด้วย เช้าวันหนึ่งฉันลงไปทานอาหาร แล้วก็เห็นว่ามันอยู่ตรงนั้นแล้ว ทั้งที่ไม่ใช่โอกาสอะไรเลย ฉันเอาออกไปข้างนอกเล่นเพลินทั้งวัน พ่อเรียกเท่าไหร่ฉันก็ไม่ยอมหยุดเพราะมันสนุกมากเลย จนกระทั่งค่ำมืดยิ่งหนาว ฉันล้มป่วย ทำให้พ่อเสียใจมาก” แคสเปอร์เล่าย้อนความหลัง
แคสเปอร์ยังเผยอีกว่าสาเหตุที่เขายังไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้ เพราะตนยังรู้สึกห่วงพ่อที่อยู่คนเดียว “ฉันไม่ยอมไปสู่ที่ที่ควรจะไป ฉันยังอยู่เพราะห่วงกลัวพ่อเหงา”
[caption id="attachment_20147" align="aligncenter" width="300"] พ่อของแคสเปอร์[/caption]อาจมีเหตุผลที่เราไม่เคยได้ยินเรื่องราวชีวิตก่อนหน้านั้นของแคสเปอร์มาก่อน เพราะเห็นได้ชัดว่าเรื่องราวย้อนหลังเหล่านั้นมืดหม่นเกินกว่าที่ใคร ๆ อยากจะเห็นในหนังครอบครัวแบบนี้ เช่นหนึ่งเรื่องสำคัญที่ในหนังไม่ได้เปิดเผยก็คือ แม่ของแคสเปอร์เสียชีวิตขณะคลอดเขา ทำให้พ่อของเขาต้องกลายมาเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่อุทิศชีวิตให้กับลูกชายคนเดียว จนกระทั่งสูญเสียเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ ตัวหนังไม่ได้เล่าเรื่องต่อว่าหลังผลิตเครื่องชุบชีวิตสำเร็จ เจ.ที. ผู้หมดอาลัยตายอยาก ตรอมใจต่อการสูญเสียขนาดไหน แต่สิ่งหนึ่งที่หนังสะท้อนออกมาให้เห็นเด่นชัดคือ ชายคนนี้เลี้ยงดูลูกด้วยความอบอุ่นเสมอมา
แม้จะสูญเสียมามาก แต่แคสเปอร์ไม่ได้อยู่ห่างจากความเสียใจที่ฝังลึกหรือกลัวที่จะเดินหน้าต่อไป เขาใช้ชีวิตในฐานะผีน้อยโดยอาศัยความรักอันลึกซึ้งที่มีต่อพ่อและความปรารถนาที่จะไม่ทิ้งเขาไว้คนเดียวในโลก ดังนั้นความมืดของเรื่องราวเหล่านั้นอาจจะยังมีแสงสว่างโผล่ออกมาให้เห็นอยู่บ้าง
สิ่งนั้นส่งต่อให้แคสเปอร์กลายเป็นผีที่เป็นมิตร เป็นที่รักและอยู่คู่กับคนมาหลายชั่วอายุคน จากเด็กในวันนี้จนกลายเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า หรือจะเป็นเทศกาลวันเด็กหรือฮัลโลวีน เรื่องราวของแคสเปอร์นั้นล้วนเป็นสื่อที่สะท้อนให้ทุกคนได้พบกับมิตรภาพ การเป็นที่รักและความสนุกสนานตลอดทั้งปี แม้เรื่องราวชีวิตจะมีดาร์คบ้าง แต่ทุกครั้งที่ใครได้ดูแคสเปอร์สิ่งที่ตัวละครนี้ให้ทุกคนกลับมามักจะเป็นภาพแห่งความสุขเสมอ