16 มี.ค. 2563 | 16:08 น.
เจย์ เคย์ แห่งวง Jamiroquai นักร้องหัวร้อน ผู้บ้ารถ แกนนำแห่งแนวเอซิด แจ๊ส
ถ้าคุณเคยอ่านนวนิยายรักของ เจน ออสเตน คงจะพอจินตนาการถึงบ้านชนบทอันหรูหราของอังกฤษช่วงกลางฤดูหนาวอันเยือกเย็น ที่เต็มไปด้วยหมอกหนาปกคลุมทุ่งหญ้าและทะเลสาบ รวมถึงพอจะจินตนาการถึงเสียงกรงเล็บของกาหรือเสียงเห่าของสุนัขที่รบกวนความสงบเหล่านี้อยู่เนือง ๆ
พระเอกของเรื่องราวเหล่านั้นคงจะเป็นลอร์ดรูปงามที่มักจะเดินไปที่ไร่นาของตัวเองพร้อมกับม้าสักตัวเพื่อสำรวจอาณาจักรอันกว้างใหญ่ แต่ลอร์ดแห่งคฤหาสน์หลังนี้ที่เรากำลังพูดถึง ไม่ใช่เทพบุตรเหมือนดั่งในนิยายของออสเตน แต่เป็นป๊อปสตาร์ที่มียอดขายระดับแพลตินัมทั่วโลก และเป็นนักร้องนำของวงแอซิด แจ๊ส ชื่อดังอย่าง Jamiroquai ชายคนนี้มีชื่อว่า เจย์ เคย์ (Jay Kay)
หลายคนรู้จัก เจย์ เคย์ ในฐานะฟรอนต์แมนของ Jamiroquai หนึ่งในวงแนวเอซิด แจ๊สที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั่วโลก โดยมีเพลงฮิตเท่ ๆ อย่าง ‘Virtual Insanity’, ‘Space Cowboy’, ‘Deeper Underground’, ’Cosmic Girl’ หรือ ‘Love Foolosophy’ แม้ Jamiroquai จะไม่ได้ยืนระยะความสำเร็จอย่างต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน แต่การสร้างสรรค์บทเพลงที่รวบรวมกลิ่นอายของดนตรีที่หลากหลาย ทั้ง ดิสโก โซล ฟังก์ หรืออิเล็กทรอนิกส์ แดนซ์ ก็ทำให้พวกเขาขึ้นชื่อว่าเป็นวงที่ทำอะไร “ล้ำ ๆ” ออกมาประดับวงการเพลงเสมอ ซึ่งถ้ามานั่งพินิจพิจารณาว่าไอเดียพวกนี้ส่วนใหญ่มาจากไหน คงต้องบอกว่า 100 เปอร์เซ็นต์ของเพลงทั้งหมด ล้วนแต่เริ่มมาจากมันสมองของเคย์ทั้งนั้น
แม้ Jamiroquai จะถูกเรียกเป็นวงก็จริงแต่อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดทั้งหมดจะอยู่ที่เคย์เท่านั้นเรียกได้ว่าสมาชิกที่เหลือเปรียบเสมือนวงแบ็คอัพของเขามากกว่าด้วยเหตุนี้เคย์จึงฟันเงินเยอะกว่าใครๆในวง
เคย์ไม่ได้เกิดมาเป็นเทพบุตรนอนบนกองเงินกองทองอย่างในนิยายประโลมโลกเรื่องไหน ความอู้ฟู่หรูหราที่เกิดขึ้นในชีวิตของเคย์ ล้วนเป็นสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมาทั้งนั้น เรื่องราวชีวิตส่วนตัวของเคย์มีหลายมุมที่น่าหยิบยกมาพูด นอกเหนือจากการถือไมค์ใส่หมวกแปลก ๆ ขึ้นแสดงบนเวทีแล้ว ความเป็นคนหัวร้อนของเขา รวมถึงอดีตที่เคยติดโคเคนจนเสียผู้เสียคน และความเป็นมนุษย์บ้ารถหรู ทั้งหมดล้วนแต่เป็นสิ่งที่สะท้อนถึงตัวตนของผู้ชายคนนี้ทั้งสิ้น
เคย์ วัย 50 ปี เกิดที่ย่านสเตรตฟอร์ด ในเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ในคืนก่อนวันส่งท้ายปีเก่า ปี 1969 ชีวิตวัยเด็กของเคย์ค่อนข้างลำบาก เคเรน แม่ของเขา ต้องเลี้ยงดูเขาเพียงลำพัง หลังสามีทิ้งไปตั้งแต่เธอยังอุ้มท้องลูกชายฝาแฝด (น้องชายฝาแฝดของเคย์เสียชีวิตหลังเขาเกิดไม่กี่นาที) เคเรนมีอาชีพเป็นนักร้องแจ๊ส และมีรายการโชว์ของตัวเองช่วงยุค 80s ครั้งหนึ่งเคย์เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าแม่เลี้ยงดูเขาอย่างโดดเดี่ยว และทำให้เขาต้องเดินทางไปกับเธอทุกที่บนโลก จนมันทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็น “นักเดินทาง” ตั้งแต่เด็กๆ
เคย์พูดถึงเวลาหลายปีที่ใช้ชีวิตรอแม่อยู่ในห้องแต่งตัวและดูแม่เล่นละครสามเรื่องต่อคืนในลาสเวกัสว่านั่นเป็นประสบการณ์ที่ปลูกฝังความรักในเสียงดนตรีให้เขาถึงอย่างนั้นความรู้สึกโดดเดี่ยวที่เคย์ต้องเจอก็เปลี่ยนเขาที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นซึ่งเป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตให้มีพฤติกรรมรุนแรง
ในวัย 16 ปี เคย์ทำทุกอย่างที่จะทำให้คนคนหนึ่งเสียคนได้ เขาใช้ยาเสพติด ทะเลาะวิวาทกับคนอื่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนถูกอัปเปหิออกจากบ้านและกลายเป็นคนไร้บ้านอยู่ช่วงหนึ่ง
“ผมกับเพื่อนมัวแต่มั่วสุมกันตลอด ผมออกจากโรงเรียนตอนอายุ 16 จนแม่พูดว่า ‘โอเค แกมีเวลาสองเดือนในการเคลียร์ตัวเอง และไปหางานทำซะ’ นี่ผมต้องขอบคุณแม่นะที่ไล่ผมออกจากบ้านตอนนั้น เพราะทำให้ผมต้องยืนด้วยตัวเอง ซึ่งนั่นทำให้ผมมายืนอยู่จุดนี้ได้”
เคย์สำนึกถึงเรื่องแย่ ๆ ที่ทำ เขาตัดสินใจมุ่งหน้ากลับบ้าน และเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นคนใหม่ (แต่ยังคงเรื่องยาเสพติดไว้) เขาเริ่มหาเงินด้วยตัวเอง โดยการทำงานเป็นเด็กส่งพิซซ่า รวมถึงทำงานตามโรงงานต่าง ๆ ระหว่างนั้นเคย์สนใจดนตรีมากขึ้น จนผันตัวเองมาทำงานเป็นนักร้องประจำในไนท์คลับ และใช้เงินที่หาจากน้ำพักน้ำแรงมาเป็นค่าทำเดโม่เพื่อสร้างโอกาสในการเป็นศิลปิน เคย์ถือเป็นคนที่มีกำแพงอีโก้ที่สูงสุด ๆ คนหนึ่ง มีข่าวลือว่าเขาเคยผิดหวังจากการไปออดิชั่นเป็นนักร้องนำของวง The Brand New Heavies (แม้วงจะออกมาปฏิเสธข่าวลือดังกล่าวทำนองว่า ไม่จริ๊ง...) เหตุการณ์นี้สร้างความผิดหวังให้เขามาก และกลายเป็นแรงผลักดันให้เคย์หันมาทำวงของตัวเอง
ด้วยความหลงใหลในดนตรีฟังก์ของ เจมส์ บราวน์ หรือความลุ่มลึกในดนตรีโซลแบบ สตีวี วันเดอร์ และทางคอร์ดอันลึกลับของดนตรีแจ๊ส กลายเป็นองค์ประกอบที่เคย์นำมารวมกันเพื่อสร้างดนตรีในแบบของตัวเอง ท้ายที่สุด สูตรสำเร็จนั้นทำให้เคย์ก่อตั้งโปรเจ็กต์ของตัวเองขึ้นมาภายใต้ชื่อ Jamiroquai ซึ่งเคย์ย้อนความหลังว่าแม่ของเขามักพูดเตือนสติเขาอยู่บ่อย ๆ สมัยที่วงเพิ่งเริ่มตั้งไข่
“ผมเคยพูดถึงดนตรีกับแม่ และแม่ก็บอกว่า ‘แกรู้ไหม แกไม่มีทางเจอแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เพื่อรอโอกาส หรือหวังว่าจะมีใครบางคนเข้ามาค้นพบแกหรอก สิ่งเหล่านี้ไม่มีทางเกิดขึ้น แกแหละต้องเป็นต้องเป็นคนที่ทำให้มันเกิดขึ้นเอง’”
เคย์เผยว่าชื่อ Jamiroquai ของเขา ได้ไอเดียมาจากการผสมกันของคำว่า “แจม” (Jam) ในห้องซ้อม กับคำว่า “อิโรควัวส์” (Iroquois) ชื่อของชนเผ่าพื้นเมืองอเมริกัน ที่เขาชื่นชมในปรัชญาและความเคารพต่อโลก
เคย์เขียนเพลงขึ้นมาเองทั้งหมด แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเล่นเครื่องดนตรีใด ๆ ได้เลย (ทุกวันนี้เขามักจะใช้การร้องให้เพื่อนในวงเข้าใจเสมอ) ก่อนจะรวบรวมนักดนตรีฝีมือดีและทำซิงเกิลออกมาหนึ่งเพลง เพื่อไปเสนอกับค่ายรุ่นใหม่ไฟแรงตอนนั้นอย่าง เอซิด แจ๊ส (ชื่อเดียวกับแนวดนตรี) ก่อนที่เพลง ‘When You Gonna Learn?’ ของพวกเขาจะไปเข้าหูเข้าตาค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง โซนี มิวสิค และเป็นใบเบิกทางที่ทำให้วงได้สัญญาทำเพลง 8 อัลบั้ม
งานที่เคย์สร้างสรรค์ไว้ภายใต้ชื่อ Jamiroquai สร้างรายได้ให้เคย์เป็นอย่างมาก จนเขาสามารถนำเงินเหล่านั้นมาเปย์ตัวเองได้แบบจัดเต็ม แต่สิ่งหนึ่งที่เคย์พยายามกำจัดออกจากชีวิตมาเสมอคือเรื่องยาเสพติด โดยนักร้องหนุ่มเผยว่า เขาสามารถเลิกยาได้อย่างเด็ดขาดเมื่อปี 2004 จากการช่วยเหลือของออลลีเพื่อนที่เป็นนักบำบัดของเขา
“ผมเป็นคนที่เจ้าอารมณ์หน่อย ๆ แต่ส่วนหนึ่งของผมบางครั้งก็ไร้ความรู้สึกเลย โดยเฉพาะเวลาอยู่กับโคเคน” เคย์เล่าย้อนความหลัง “มัน (การบำบัด) ทำให้ผมมีสุขภาพดีและร้องเพลงได้ดีขึ้นด้วย ผมนอนได้เยอะขึ้น และผมก็ดีใจมากที่สามารถกำจัดสิ่งเหล่านี้ออกไปได้ด้วยตัวเอง ผมมักจะคิดนะว่าทำไมผมไม่ทำเร็วกว่านี้วะ”
เคย์ชื่นชอบรถหรูเป็นอย่างมาก ถ้าคุณได้ชมเอ็มวีเพลง ‘Cosmic Girl’ คุณจะเห็นพระเอกของเรื่องเป็นรถเฟอร์รารี่ รุ่น F355 Berlinetta สีแดงคันโต หรือในอัลบั้ม Travelling Without Moving ปกหน้าและปกหลังของอัลบั้มก็มาพร้อมกับธีมรถเฟอร์รารี่ นี่เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่บ่งบอกว่า รางวัลชีวิตส่วนใหญ่ที่เคย์มักจะมอบให้ตัวเอง หนีไม่พ้นเรื่องรถยนต์ ว่ากันว่าเคย์มีคอลเลคชั่นรถหรูทั้งอดีตและปัจจุบันรวมกันมากกว่า 50 คัน ไล่ตั้งแต่รุ่นหายากอย่างปอร์เช่ 914/6GT (รุ่นเดียวกับที่เคยคว้าแชมป์เลอ มังส์ ปี 1970) หรือ มาเซราติ A6 G54 อีกทั้งเขายังเป็นสาวกทีม “ม้าลำพอง” เฟอร์รารี่ตัวยง และเป็นเจ้าของเฟอร์รารี่ รุ่นคลาสสิกหลายรุ่น เช่น 250 GT Berlinetta Lusso และ 275 GTB/4 รวมถึงว่ากันว่า เคย์ยังเป็นคนแรกที่เคยครอบครองรถเฟอร์รารี่ รุ่นที่มีตังค์อย่างเดียวก็ซื้อไม่ได้อย่าง “ลาเฟอร์รารี่”
“ผมจะไม่ให้รัฐบาลอังกฤษมีความสุขกับการเก็บภาษีรถผมหรอก จริง ๆ พวกเขาไม่สามารถเก็บภาษีกับงานศิลปะได้ และรถยนต์ของผมทั้งหมดเป็นเพียงคอลเลคชั่นงานศิลปะเว้ย”
[caption id="attachment_20669" align="aligncenter" width="1384"]
นอกจากจะบ้ารถแล้ว เคย์ยังขึ้นชื่อว่าเป็นพวกหัวร้อนอีกด้วย ก่อนหน้านี้เขาเคยฝากวีรกรรมสุดห่ามเอาไว้มากมาย ไล่ตั้งแต่ชกกับตากล้องปาปารัสซี่ หรือมีเรื่องกับนักข่าวหลายคน หนึ่งในเหตุการณ์อันโจษจันจนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต คือตอนที่มีตากล้องมาเตะเบนท์ลีย์ป้ายแดงมูลค่า 7 หมื่นปอนด์ของเขานั่นเอง
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 2002 หลังงานรอบปฐมทัศน์หนัง Star Wars Episode II ตอนนั้นเคย์ที่กำลังเมาได้ที่ ขึ้นรถคันหรูของตัวเองแล้วซิ่งออกไป ท่ามกลางเหล่าตากล้องที่กำลังล้อมถ่ายรูปเขาอยู่ จังหวะนั้นทำให้แฟลชของตากล้องคนหนึ่งตกพื้นแตก จนตากล้องคนนั้นโมโห และระบายอารมณ์ด้วยการเตะรถของเคย์ซะเลย
ช็อตนั้นทำเอาเคย์ของขึ้นทันที เขาจอดรถลงไปกระชากคอเสื้อตากล้องคนหนึ่ง (คือเจอใครใกล้ก็คว้าไว้ก่อนเลย) ก่อนจะพูดว่า “กูจะเตะมึงเหมือนที่มึงเตะรถกู” ซึ่งตากล้องคนดังกล่าวพยายามอธิบายกับเคย์ว่าเขาไม่ได้ทำแต่นักร้องคนดังที่กำลังอยู่ในอาการน็อตหลุดพยายามจะเอาเรื่องตากล้องอย่างหนักจนเหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มบานปลายสุดท้ายตากล้องคนดังกล่าวทนไม่ไหวดับซ่านักร้องดังด้วยการเอาหัวโขกจนเลือดกบปาก
“ผมยอมรับว่าตอนนั้นผมโกรธจริง แต่หลายคนคงทำเหมือนผม ถ้ามีใครมาทำอะไรแบบนี้กับเบนท์ลีย์คันใหม่ของคุณ แต่เรื่องดีของการเป็นป๊อปสตาร์คือคุณมีโอกาสทำจมูกใหม่เว้ย” เคย์บอก
การมียอดขายมากกว่า 25 ล้านอัลบั้ม เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เคย์ไม่ได้กระตือรือร้นที่จะติดตามวงการดนตรียุคใหม่อีกต่อไปแล้ว เขามองว่าโลกดนตรีสมัยนี้เต็มไปด้วย “สิ่งของประเภทเดียวกันมากเกินไป” เช่น เพลงแนวเดิม ๆ หรือรูปแบบการนำเสนอที่ซ้ำซาก เคย์เสริมต่อว่าอุตสาหกรรมเพลงมีการเปลี่ยนแปลง และเป็นยุคที่ศิลปินมักออกแต่ซิงเกิลอย่างเดียว เขาคิดว่าสิ่งนี้มีแต่จะทำให้ค่ายเพลงรวยขึ้นเท่านั้น ก่อนจะยอมรับว่าการอยู่ในสปอตไลท์มาก ๆ ก็เริ่มทำให้เขารู้สึกเบื่อหน่ายวงการ
“การมีชื่อเสียงคือเหรียญสองด้าน และบางครั้งผมก็ไม่ชอบเลย” เขากล่าว “บางครั้งคุณไม่ต้องการจะถูกจดจำมากนักหรอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่คุณอยากออกไปเที่ยวในคืนวันเสาร์ แต่เมื่อคุณเป็นคนที่คนอื่นรู้จัก คุณจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ อีกสิ่งหนึ่งคือการถือกำเนิดของกล้องโทรศัพท์มือถือที่ผู้คนมักจะต้องการบันทึกภาพคุณเสมอ สิ่งนี้มันทำให้คุณเป็นบ้าและรู้สึกเป็นพวกไร้เดียงสา ดังนั้นผมจะเหมือนตั้งการ์ดเสมอเวลาเจอใคร แต่จริง ๆ คนส่วนใหญ่ก็มีมารยาทนะ”
[caption id="attachment_20764" align="aligncenter" width="1080"]
แม้จะเคยคว้า แกรมมี่ อวอร์ดส กับเพลง ‘Virtual Insanity’ เมื่อปี 1997 แต่เชื่อหรือไม่ว่า Jamiroquai ของเขาไม่เคยคว้ารางวัลใหญ่บนเวทีบ้านเกิดอย่าง บริท อวอร์ดส เลยสักครั้ง จากการถูกเสนอชื่อ 15 ครั้ง
“เราเคยถูกเสนอชื่อ 15 ครั้ง มันคงจะดีมากถ้าเราชนะบ้าง แต่ผมพบว่าเราไม่เคยอยู่ในศูนย์กลางจักรวาลหรอก เมื่อพูดถึงวงการดนตรีอังกฤษอะนะ”
กาลเวลาผ่าน ความเกรี้ยวกราดของเคย์ก็ลดน้อยลงตามอายุที่มากขึ้น หลายคนอาจจะชอบโฟกัสภาพลักษณ์แบด ๆ ของเขาในอดีต แต่ชีวิตที่ลงตัวในคฤหาสน์สุดหรูอายุ 200 ปี บนที่ดิน 80 เอเคอร์ ลึกเข้าไปในป่าแห่งหนึ่งในบักกิ้งแฮมเชอร์ ก็เปรียบเหมือนภาพในวัยเกษียณของชายคนนี้
“เดี๋ยวนี้ผมผมพยายามให้ชีวิตตัวเองอยู่อย่างเงียบ ๆ นอกจากเรื่องเพลงแล้ว ผู้คนมักจะคุยกับผมเรื่องรถเสมอ ซึ่งถ้าใครที่รู้จักผมจะรู้ว่าผมไม่ได้ใช้ชีวิตบนรถเร็ว ๆ แบบนั้นตลอดเวลา ลืมเรื่องรถยนต์หรือเรื่องอื่นไปเถอะ ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผมเป็นจริง ๆ”
ปัจจุบัน Jamiroquai มีผลงานออกมาแล้ว 8 ชุด เคย์เผยว่าตอนนี้เขามีเวลาว่างมากขึ้น และมักจะหมดไปกับการนั่งทำอาหาร อ่านหนังสือการเมือง หรือนิตยสารรถเล่มโปรด พอตกเย็นเขาก็จะชอบพาสุนัขพันธุ์เยอรมัน เชพเพิร์ด ออกไปเดินเล่น เคย์เคยให้สัมภาษณ์ว่าเขาเคยคิดจะแขวนไมค์มาสักพักแล้ว แต่ก็กลับมาร้องเพลง เพราะยังมีคนที่เห็นคุณค่าในผลงานเพลงของเขาอยู่
“ผมเคยพิจารณาเรื่องนี้ (ออกจากวงการ) มาแล้วช่วงสองสามอัลบั้มก่อน แต่ผมก็ยังรู้สึกเสพติดกับงานนี้อยู่ ผมรู้สึกเป็นเกียรติและโชคดีที่ผู้คนยังเห็นคุณค่าของเรามากพอที่จะอยู่ในเกมนี้ได้ พวกเราจะทำต่อไป ตราบใดที่ผู้คนยังคงสนุกและกระโดดร้องเพลงของเรา”
ตอนนี้ Jamiroquai กำลังซุ่มทำเพลงอัลบั้มใหม่อยู่ ส่วนเคย์ก็ยังคงใช้ชีวิตเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือดังน้อยลง แต่มีทรัพย์สินมากกว่า 2 พันล้านปอนด์ ไว้ให้ผลาญเล่น
ที่มา: https://www.youtube.com/results?search_query=Jamiroquai+-+Behind+the+Music+Chapter+2
https://www.mirror.co.uk/lifestyle/going-out/music/the-drugs-dont-work-anymore-553250
https://www.bbc.com/news/entertainment-arts-12297694
https://www.driving.co.uk/news/interview/mamm-jay-kay/
https://www.allmusic.com/artist/jamiroquai-mn0000176358/biography
http://thegreatrockbible.com/portfolio-item/jamiroquai-biography/
https://www.motoringresearch.com/car-news/exclusive-jay-kay-car-collection-auction/
https://liveforlivemusic.com/features/jamiroquai-return-us-cloud9/
