กีฬาและการเมืองมีความเหมือนกันอยู่ประการหนึ่งคือ “คุณจำเป็นต้องเป็นผู้ชนะ” เราจึงได้เห็นนักกีฬาหลายคนเข้าสู่สนามการเมืองด้วยแพสชั่น ทั้ง แมนนี่ ปาเกียว นักมวยดังกับบทบาทสมาชิกวุฒิสภาแห่งฟิลิปปินส์ ระดับยิ่งใหญ่หน่อยก็ต้อง คาค่า คาลัดเซ่ อดีตปราการหลังของเอซีมิลาน กับตำแหน่งอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานแห่งประเทศจอร์เจีย
แต่คงไม่มีใครประสบความสำเร็จทั้งโลกแห่งฟุตบอลและโลกแห่งการเมือง ได้เทียบเท่า จอร์จ เวอาห์ (George Weah) อีกแล้ว
ภาพของสลัมในมอนโลเวีย เมืองหลวงของไลบีเรีย ประเทศเล็ก ๆ ในทวีปแอฟริกาในทศวรรษ 1960 ที่เต็มไปด้วยผู้คนอดอยากยากแค้นและดินแดนแสนกันดาร จอร์จ เวอาห์ เติบโตในครอบครัวของ “ชนเผ่าครู” เผ่าที่ยากจนที่สุดในประเทศ ในครอบครัวที่คุณพ่อเป็นช่างยนต์ ไลบีเรียนั้นเป็นประเทศที่ผ่านการสู้รบสงครามกลางเมืองระดับชนเผ่ามาตลอดระยะเวลาหลายสิบปี และเวอาห์ย่อมรู้ดีว่า พรสวรรค์ด้านฟุตบอลที่ฟ้าประทานให้เขา จะเป็นหนทางเดียวที่ทำให้พ้นจากความยากจนได้
เวอาห์เริ่มเล่นฟุตบอลกับสโมสรเยาวชนละแวกบ้านเกิด ก่อนผลงานจะไปเข้าตาสโมสร ไมห์ตี้ บาโรลล์ ในไลบีเรีย แม้เขาจะพาทีมคว้าดับเบิลแชมป์ในประเทศทั้งฟุตบอลลีกและฟุตบอลถ้วย แต่รายได้ขณะนั้นไม่พอเลี้ยงชีพ เวอาห์จึงต้องทำงานเป็นช่างเทคนิคของบริษัทโทรคมนาคมในไลบีเรียควบคู่ไปด้วย แต่เพชรย่อมเป็นเพชร เมื่อเขาโชว์ฟอร์มได้สุดยอดกับสโมสร อินวิซิเบิล อีเลฟเว่น จนพาทีมใหม่ของเขาคว้าแชมป์ได้อีก จากจุดนั้น ไลบีเรียดูเหมือนจะเล็กเกินไปสำหรับอัจฉริยะอย่างเขาเสียแล้ว เวอาห์เริ่มผจญภัยกับสโมสรในระดับทวีปอย่าง ตอนแนร์ ยาอุนเด ของประเทศแคเมอรูน และโชว์ฟอร์มได้สุดยอด
อาร์แซน เวนเกอร์ อดีตกุนซือระดับตำนานของ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ที่ขณะนั้นคุมทีมโมนาโก ในลีกเอิง ฝรั่งเศส เห็นความสามารถของเวอาห์ จึงเปิดโอกาสให้นักเตะหนุ่มผจญโลกกว้างในทวีปยุโรป เวอาห์ไม่ทำให้เวนเกอร์ ซึ่งเป็นเหมือนพ่อคนที่สองของเขาผิดหวัง เขาพาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยฝรั่งเศส และยังคว้ารางวัลตำแหน่งนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งแอฟริกาอีกด้วย (หลังจากเวอาห์ได้เป็นประธานาธิบดี ก็ตอบแทนเวนเกอร์ด้วยการมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์แอฟริกันสูงสุดของประเทศเทียบเท่าระดับชั้นอัศวินให้)
ผลงานอันยอดเยี่ยมของเวอาห์ ดึงดูดให้เจ้าบุญทุ่มแห่งฝรั่งเศสอย่าง “เปแอสเช” ปารีส แซงต์แชร์กแมง ต้องทุ่มเงินเพื่อดึงไปร่วมทีม ที่นั่น เวอาห์คว้าทุกแชมป์ในฝรั่งเศสได้ทั้งหมดในระยะเวลาเพียง 3 ปี ด้วยทักษะอันสุดยอด การทำประตูอันเฉียบขาด ความแข็งแกร่งของร่างกาย เทคนิคที่แพรวพราว เรียกได้ว่าเป็นนักฟุตบอลเบอร์หนึ่งของลีกเอิงฝรั่งเศสก็ว่าได้ ทำให้ “ปีศาจแดงดำ” เอซีมิลาน ยักษ์ใหญ่แห่งอิตาลีคว้าตัวไปร่วมทีม โดยผนึกกำลังกับ “เทพบุตรเปียทองคำ” โรแบร์โต้ บาจโจ้ พาทีมคว้าแชมป์สคูเดตโต้ของอิตาลี ฤดูกาล 1996-96 และคว้ารางวัลสูงสุดที่นักฟุตบอลคนหนึ่งได้รับคือ “บัลลงดอร์” หรือลูกฟุตบอลทองคำ ประจำปี 1995 จากนิตยสารฟรองซ์ฟุตบอล ควบรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำปีของฟีฟ่า
[caption id="attachment_21490" align="aligncenter" width="1200"]
จอร์จ เวอาห์ ช่วงที่เล่นให้ทีมเอซีมิลาน[/caption]
ความสำเร็จนั้นทำให้ภาพของเวอาห์กลายเป็นฮีโร่แห่งชาติ จากประเทศที่มีไฟสงครามกลางเมืองที่คุกรุ่น ไลบีเรีย ประเทศเล็ก ๆ ในแอฟริกา เริ่มได้รับการพูดถึงในระดับโลก โดย เนลสัน แมนเดลา อดีตประธานาธิบดีประเทศแอฟริกาใต้ผู้ล่วงลับ เคยทักทายเวอาห์ว่า “เป็นอย่างไรบ้าง ผู้นำความภาคภูมิใจสู่แอฟริกา” เพราะเวอาห์คือนักเตะเชื้อสายแอฟริกาคนแรก ที่คว้าบัลลงดอร์และนักเตะยอดเยี่ยมฟีฟ่าควบคู่กัน
(หากพูดถึงไลบีเรีย ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เคยเล่าในคอลัมน์ “เศรษฐศาสตร์พเนจร” ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ เมื่อครั้งเป็นนักเศรษฐศาสตร์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ถึงสภาพไลบีเรียในยุค 1990 ที่ชื่อของ จอร์จ เวอาห์ ดังไปก้องโลก ว่า ชื่อ “ไลบีเรีย” มาจากคำว่า “Liberal” ที่แปลว่าเสรีภาพ ไลบีเรียเองได้รับอิทธิพลจากสหรัฐอเมริกาค่อนข้างมาก ทั้งธงประจำประเทศก็มีลักษณะคล้ายคลึงกับสหรัฐฯ แต่เปลี่ยนดวงดาวจาก 52 รัฐ เป็นดาวดวงเดียว เป็นประเทศที่สหรัฐฯ ให้การดูแลเป็นพิเศษ โดยกองทัพเรืออเมริกาเคยใช้ไลบีเรียเป็นฐานทัพสำคัญสำหรับแอฟริกาตะวันตกในยุคสงครามเย็น และเป็นที่อาศัยของทาสผิวดำที่อพยพมาจากสหรัฐฯ แต่ความที่มีหลายชนเผ่ามาอาศัยร่วมกัน จึงเกิดสงครามกลางเมืองต่อสู้แย่งชิงอำนาจกันอยู่เนือง ๆ)
ช่วงเวลาเดียวกับที่เวอาห์ได้บัลลงดอร์ ในปี 1996 สงครามกลางเมืองที่รบกัน 7 ปีได้ยุติลง โดย ชาร์ลส์ เทย์เลอร์เข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีบนซากปรักหักพัง เพราะสงครามทำลายล้างทุกสิ่ง ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา และเศรษฐกิจ เวอาห์ในฐานะฮีโร่ของชาติ มีอุดมการณ์คิดว่าประเทศของเขาต้องดีกว่านี้ จึงเริ่มทำงานด้านการศึกษากับเด็กในไลบีเรีย เปิดแคมป์สอนฟุตบอลให้เยาวชนในชาติ รวมไปถึงการทำงานร่วมกับยูนิเซฟ
เวอาห์ยังปลุกกระแส Africa Pride ด้วยการออกซิงเกิล Lively Up Africa (ปลุกความสดชื่นให้แอฟริกา) โดยชวนเพื่อนศิลปินและนักฟุตบอลชื่อดังมาร่วม อย่าง ตาริโบ้ เวสต์ กองหลังชาวไนจีเรียของอินเตอร์มิลาน อิบราฮิม บา ปีกทีมชาติฝรั่งเศสเชื้อชาติเซเนกัลตัวเก่งของเอซีมิลาน ฟิล มาชิงก้า ดาวยิงจากแอฟริกาใต้ เป็นต้น โดยเป็นการกระตุ้นให้เด็ก ๆ ชาวแอฟริกันมองข้ามเรื่องชนเผ่าชาติพันธุ์และมาเล่นฟุตบอลร่วมกัน ซึ่งเรื่องการเมืองและความต้องการเห็นแอฟริกาดีขึ้น อยู่ในใจของเวอาห์เสมอมา
ในโลกฟุตบอล เวอาห์ยังแสดงความสุดยอด คว้าแชมป์เซเรียอากับเอซีมิลานได้อีกสมัยในปี 1998-99 ก่อนย้ายไป เชลซี สโมสรดังแห่งอังกฤษ คว้าแชมป์เอฟเอคัพ และเล่นกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ระยะสั้น ๆ ก่อนแขวนสตั๊ดกับ โอลิมปิก มาร์เซย์ ของฝรั่งเศส สำหรับเวอาห์ เขาไม่มีอะไรต้องพิสูจน์ตัวเองในโลกแห่งฟุตบอลอีกแล้ว แชมป์ในทุกประเทศที่เขาลงเล่นเป็นรางวัลการันตี แต่อีกหนึ่งความฝันที่เขาต้องทำให้สำเร็จก็คือ “งานการเมือง”
เวอาห์ยังคงทำงานช่วยเหลือสังคม ทั้งการสนับสนุนการเข้าถึงยาต้านไวรัส HIV และการทำให้ไลบีเรียพ้นจากประเทศที่ยากจนที่สุดในทวีปแอฟริกา แต่เส้นทางของฮีโร่แห่งชาติบนเส้นทางการเมืองไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะตลอดสงครามกลางเมืองที่เกิดขึ้นระหว่างปี 1989-2003 มีผู้เสียชีวิตกว่า 2.5 แสนคน จากประชากรทั้งหมดในประเทศ 3 ล้านกว่าคน ถึงอย่างนั้น เวอาห์ก็เชื่อว่าการเมืองที่ดี จะพาไลบีเรียไปสู่อนาคตที่ดีได้
ในปี 2005 เวอาห์ก่อตั้งพรรคการเมือง Congress for Democratic Change หรือ CDC แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ ส่วนหนึ่งเพราะเวอาห์มีความรู้เพียงระดับชั้น ป.6 ก่อนจะออกจากโรงเรียนมาสวมสตั๊ดเผชิญโลกกว้าง เขาแพ้ให้กับ เอลเลน จอห์นสัน เซอร์ลีฟ ที่คว้าเก้าอี้ประธานาธิบดีคนที่ 24 ของประเทศไป เธอเคยผ่านงานธนาคารโลกมาก่อน และต่อมาได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพ จากการทำงานด้านสิทธิสตรีในทวีปแอฟริกา แต่เวอาห์ก็ไม่หยุดความตั้งใจ เขามุ่งหน้าไปศึกษาต่อที่สหรัฐฯ จนจบปริญญาตรีด้านบริหารธุรกิจ และปริญญาโทด้านรัฐศาสตร์บริหารรัฐกิจ
[caption id="attachment_21492" align="aligncenter" width="1200"]
จอร์จ เวอาห์[/caption]
คราวนี้เขาพร้อมลงสนามการเมืองอีกครั้ง โดยลงสมัครในตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาของเทศมณฑลมอนต์เซอร์ราโด และได้รับเลือกตั้ง ที่นั่นเอง “คิง จอร์จ” ได้สร้างความประทับใจให้กับประชาชนในการทำงานที่เอาจริงเอาจัง แต่ความฝันของเขาใหญ่กว่านั้น
ปี 2017 เวอาห์ลงสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีไลบีเรียอีกครั้ง ชูนโยบาย “ตัดงบกองทัพ เพิ่มงบการศึกษา” รอบนี้เป็นคิวของเวอาห์ ที่นำพรรค CDC ของเขาชนะคู่แข่งอย่าง โจเซฟ โบอาไค ได้สำเร็จ และก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐไลบีเรีย คนที่ 25
ครั้งหนึ่ง เวอาห์เคยตอบคำถามว่าทำไมเขาถึงอยากเป็นผู้นำประเทศนี้ว่า “ผมอยากเป็นประธานาธิบดีของไลบีเรีย เพราะผมเชื่อว่าผมทำประโยชน์ให้ประเทศนี้ได้มากกว่าใคร ๆ” ซึ่งชัยชนะครั้งนี้ คนที่อยู่เบื้องหลังคนสำคัญก็คือ เอลเลน จอห์นสัน เซอร์ลีฟ ที่ย้ายพรรคมาสนับสนุนเวอาห์ จนชนะการเลือกตั้ง
เมื่อเข้ารับตำแหน่ง เวอาห์ให้สัญญากับประชาชนว่า “ผมตระหนักถึงความสำคัญและความรับผิดชอบของสิ่งที่ผมได้รับ และผมจะนำการเปลี่ยนแปลงสู่ประเทศนี้” แต่ดูเหมือนการบริหารประเทศไม่ง่ายเหมือนเตะฟุตบอลเพราะในปี 2019 ชาวไลบีเรียออกมาประท้วงปัญหาเงินเฟ้อภายในประเทศ ที่ทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น และปี 2020 ไลบีเรียก็เหมือนกับอีกหลายประเทศทั่วโลก ที่เจอปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในทวีปแอฟริกา
ควบคู่กับการติดตามเฝ้าระวังโรคระบาด เวอาห์ก็ปล่อยซิงเกิลเมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา ชื่อ ‘Let’s Stand Together and Fight Coronavirus’ ที่เขาร้องเอง เนื้อหาพูดถึงการระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ และชักชวนให้ประชาชนล้างมือให้สะอาด มีการกระจายเสียงเพลงนี้ไปยังคลื่นวิทยุทั่วประเทศ เพื่อสร้างความรับรู้ความเข้าใจให้กับประชาชน ซึ่ง ณ วันที่ 2 เมษายน มีการยืนยันผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไลบีเรียแล้ว 6 ราย
ต้องติดตามกันว่าเพลงของ จอร์จ เวอาห์ จะมีมนต์ขลังสะกดคนได้เหมือนกับฝีเท้าสมัยเป็นนักเตะได้หรือไม่ เราขอส่งกำลังใจไปให้ประธานาธิบดีเวอาห์และชาวไลบีเรีย ให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้อย่างเข้มแข็ง
เรื่อง: พิเชฐ ยิ่งเกียรติคุณ