13 พ.ค. 2563 | 19:15 น.
“นี่เป็นซูชิที่อร่อยสุดเท่าที่เคยกินมาเลย” – บารัค โอบาม่า
ร้านซูคิยาบาชิ จิโร่ มีเก้าอี้แค่ 10 ที่นั่ง เปิดสองรอบต่อวันคือเที่ยงและเย็น เสิร์ฟเป็นคอร์สแบบ โอมากาเสะ นิกิริ (Omakase nigiri) 20 คำ ราคาเริ่มต้นที่ 30,000-40,000 เยน (ราว 8,600-12,000 บาท) แต่ละคำเรียงลำดับตามสูตรของร้าน โดยวัตถุดิบสลับสับเปลี่ยนแตกต่างกันไปตามฤดูกาล เช่น ปลาทูน่าไร้มัน มันปานกลาง และมันเยอะ ปลาฮิราเมะ หมึกกล้วย ปลาอาจิ หอยฮามากุริ หมึกยักษ์ ไข่หอยเม่น ไข่ปลาแซลมอน ปลาไหลทะเล ทางร้านจะไม่เสิร์ฟน้ำจิ้มหรือวาซาบิเพิ่ม เพราะซูชิทุกคำถูกคิดอย่างพิถีพิถันโดยไม่ต้องแต่งเติมอะไรอีกแล้ว พวกเขาไม่ขายอย่างอื่นนอกจากซูชิ ตราบใดที่จิโร่ยังอยู่ ร้านก็จะขายแค่ซูชิเหมือนเดิม ไม่ต้องการทุ่มเวลาไปทำอย่างอื่นเพียงเพื่อดึงดูดลูกค้าหน้าใหม่ หรือหาทางสร้างรายได้เพิ่มให้ร้าน สำหรับร้านซูคิยาบาชิ จิโร่ ยังคงมุ่งมั่นกับการปั้นซูชิต่อไปเรื่อย ๆ ทุ่มเวลาให้เต็มที่ ชื่นชอบเวลาทอดสายตาสังเกตลูกค้าเวลากินซูชิที่เขาปั้น นอกจากรสชาติยอดเยี่ยม การบริการของพนักงานในร้านก็ตราตรึงนักชิมทั่วโลกได้อยู่หมัด พนักงานทุกคนต้องผ่านการฝึกหนัก จิโร่สอนเคล็ดลับการทำอาหารให้พนักงานแบบฟรี ๆ แต่ต้องแลกด้วยการฝึกหนัก จนมีคนลาออกหลังทำงานได้เพียงวันเดียวเพราะทนไม่ไหว สำหรับคนที่อยู่ต่อจะกลายเป็นคนช่างสังเกต เมื่อลูกค้าเดินทางมาถึงร้าน พนักงานเสิร์ฟวางผ้าเช็ดมือร้อน ๆ รอไว้ พ่อครัวมือปั้นต้องสังเกตว่าลูกค้าถนัดข้างไหน จากนั้นเสิร์ฟซูชิให้ตรงกับมือข้างถนัด หากลูกค้าไม่ได้มาคนเดียว และติดพันกับการพูดคุยจนลืมซูชิตรงหน้า เชฟจะปั้นซูชิชิ้นใหม่ให้ และเก็บชิ้นเย็นชืดกลับไป เพื่อให้ลูกค้าทุกคนสัมผัสกับประสบการณ์ด้านอาหารยอดเยี่ยม มิชลิน ไกด์ เริ่มตีพิมพ์หนังสือแนะนำร้านอาหารเมื่อปี 1900 โดยดูองค์ประกอบสำคัญ 3 อย่าง คือ รสชาติกับคุณภาพอาหาร การริเริ่มสิ่งใหม่ และการรักษาคุณภาพของร้าน ซึ่งร้านซูคิยาบาชิ จิโร่ ตรงตามมาตรฐานทุกข้อของมิชลิน ไกด์ เป็นร้านซูชิร้านแรกในโลกที่คว้า 3 ดาว มาครองในปี 2007 นักชิมลงความเห็นว่าแม้อยู่ต่างแดนก็คุ้มค่าที่จะบินไปสัมผัสความอร่อยด้วยตัวเองสักครั้ง“ผมจะปีนต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงยอดสูงสุด แต่ก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าจุดสูงสุดที่ว่ามันอยู่ตรงไหน” - โอโนะ จิโร่