ย้อนไปเมื่อ 43 ปีก่อน ณ หมู่บ้านชายทะเลในจังหวัดนีงาตะ โยโกตะ เมกุมิ (Yokota Megumi) เด็กสาวชาวญี่ปุ่นวัย 13 ปี เลิกเรียนและกำลังเดินกลับบ้าน ทิวทัศน์ระหว่างทางยังคงเหมือนทุก ๆ วัน ทว่าต่างไปจากวันก่อนเพราะในวันนั้นเมกุมิไม่สามารถกลับถึงบ้านได้ เธอถูกคนกลุ่มหนึ่งลักพาตัวระหว่างทาง พาเธอขึ้นเรือข้ามไปยังเกาหลีเหนือ บังคับให้เด็กสาวที่น่าสงสารสอนภาษาญี่ปุ่นแก่สายลับเกาหลีเหนือ
โยโกตะ ชิเกรุ (Yokota Shigeru) และ โยโกตะ ซากิเอะ (Yokota Sakie) ออกตามหาเมกุมิไปทั่ว ชิเกรุทั้งแจ้งความ ติดป้ายตามหาคนหาย เดินหาทั้งหมู่บ้านเผื่อว่าเธอหลงอยู่ที่ไหนสักแห่ง แต่ก็ถึงวันที่หัวใจสลายเมื่อมีข่าวลือว่าเธอถูกสายลับเกาหลีเหนือลักพาตัวไป พ่อแม่ของเมกุมิจึงเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมให้ลูกสาว
ไม่ใช่เพียงแค่เมกุมิเท่านั้นที่ถูกลักพาตัวข้ามชาติ รัฐบาลเคยประกาศอย่างเป็นทางการว่ามีเหยื่อราว 17 คน อายุระหว่าง 13-42 ปี ถูกสายลับลักพาตัว แต่ประชาชนชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่กลับเชื่อว่ามีพลเมืองกว่า 200 คน ที่โดนจับไปยังเกาหลีเหนือ และเมกุมิคือคนที่อายุน้อยที่สุดด้วยวัยเพียง 13 ปี เธอจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของชาวญี่ปุ่นที่ออกมาเรียกร้องแกมกดดันให้รัฐบาลทั้งสองประเทศรับผิดชอบกับโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น
ไม่มีใครสามารถตอบได้แน่ชัดถึงชีวิตความเป็นอยู่ของเมกุมิ แต่จากแหล่งข่าวที่อยู่เกาหลีเหนือรายงานว่า คนที่ถูกจับมามีงานหลักคือสอนภาษาญี่ปุ่นให้เหล่าสายลับเกาหลีเหนือ สอนภาษาพร้อมถูกล้างสมองว่าระบอบคอมมิวนิสต์นั้นแสนดีเท่าไหร่ เมื่อสายลับได้เรียนรู้ภาษา วัฒนธรรม และเรื่องราวเล็ก ๆ ของชาวญี่ปุ่น พวกเขาสามารถปลอมตัวเป็นคนญี่ปุ่นแฝงตัวเข้าไปสืบข่าวในดินแดนเกาหลีใต้ หลายครั้งก็ขโมยตัวคนที่ถูกลักพาตัวไปเป็นของตัวเอง
โยโกตะ ชิเกรุ เดินหน้าประณามเหตุการณ์ลักพาตัวเยาวชนต่างชาติ รวมตัวกับครอบครัวที่สูญเสียคนอื่น ๆ เพื่อบอกให้สังคมรู้ว่านี่เป็นการกระทำที่น่าละอาย ลิดรอนสิทธิ ผิดหลักมนุษยชน ในช่วงปี 1986 มีข่าวยืนยันจากเกาหลีเหนือว่าเมกุมิแต่งงานกับหนุ่มเกาหลีใต้ที่ถูกลักพาตัวมาเหมือนกัน
ครอบครัวของผู้สูญหายที่ต่อสู้ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทำให้สื่อญี่ปุ่นให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ตีข่าวติดต่อกันเป็นสัปดาห์ ชิเกรุออกกล่าวสุนทรพจน์ในที่สาธารณะหลายแห่ง สร้างแรงกดดันแก่รัฐบาลญี่ปุ่นเมื่อข่าวโด่งดังไปทั่วโลก จนเกิดการเจรจากันครั้งแรกในปี 1991 ระหว่าง คิม อิลซุง (Kim Ilseong) ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ กับ โคอิสุมิ จุนอิริโร่ (Koizumi Junichiro) นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นในเวลานั้น
แรก ๆ รัฐบาลเกาหลีเหนือปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ทำเป็นไม่สนใจเสียงด่าทอด้วยความโกรธแค้นของครอบครัวเหยื่อ แต่ทุกอย่างบีบบังคับให้เกาหลีเหนือต้องยอมรับการกระทำของตัวเอง เพราะในปี 1988 คิม ฮยอนฮุย (Kim Hyonhui) ผู้ก่อการร้ายที่ถูกจับกุมรับสารภาพว่ามีการลักพาตัวชาวญี่ปุ่นเพื่อฝึกภาษาให้สายลับ
เมื่อผู้นำสูงสุดคิม อิลซุง ถึงแก่อสัญกรรมในปี 1994 อำนาจถูกส่งต่อให้ผู้นำคนใหม่ คิม จองอิล (Kim Jeongil) เกิดการเจรจาใหญ่อีกครั้งระหว่างเกาหลีเหนือกับญี่ปุ่น แต่เรื่องก็เงียบหายไปจนกระทั่งปี 2002 รัฐบาลเกาหลีเหนือยอมรับว่าระหว่างปี 1970-1980 มีการลักพาชาวญี่ปุ่นและเกาหลีใต้จริง โดยอ้างว่าไม่ได้ลักพาตัวหลายร้อยคนอย่างทั้งโลกกล่าวหา หากแต่ลักพาตัวชาวญี่ปุ่นมาแค่ 13 คนเท่านั้น
เกาหลีเหนือพยายามแสดงความจริงใจด้วยการปล่อยตัวเหยื่อ 5 คนกลับบ้าน เว้นเพียงแต่เมกุมิกับอีก 7 คน (รวมเป็น 8 คนที่ไม่ได้กลับบ้าน) ทางการอ้างว่า เมกุมิฆ่าตัวตายหลังป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเรื้อรัง เธอจะไม่มีวันกลับไปสู่อ้อมอกของพ่อแม่อย่างมีชีวิต เกาหลีเหนือทำได้เพียงแค่ส่งเถ้ากระดูกเธอกลับบ้าน
อย่างไรก็ตาม คดีที่คิดว่าจบลงด้วยความตายของผู้บริสุทธิ์กลับพลิกไม่เป็นท่า ผลตรวจดีเอ็นเอเถ้ากระดูกไม่ใช่ของเมกุมิ ทำให้ครอบครัวของโยโกตะเชื่อสุดหัวใจว่าเธอยังคงมีชีวิตอยู่ที่เกาหลีเหนือ
ชิเกรุกับซาชิเอะไม่เคยยอมแพ้ พยายามเรียกร้องให้เกาหลีเหนือปล่อยลูกสาวกลับบ้านนานหลายปี แรกเริ่มสื่อให้ความสนใจคดีลักพาตัวข้ามชาติ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเป็นสิบ ๆ ปี ผู้คนเริ่มมองผ่านการสูญเสียน่าเศร้า ทว่าผู้เป็นพ่อยังคงมุ่งมั่นพยายามผลักดันเรื่องเมกุมิอยู่ตลอด แม้ว่าปี 2006 คิม ยองนัม (Kim Yongnam) สามีของเมกุมิได้รับอนุญาตให้พบครอบครัวออกมายืนยันว่าภรรยาของเขาจากไปแล้วจริง ๆ แต่ชิเกรุมองว่าคำพูดของชายคนนี้เลื่อนลอย ไร้ความน่าเชื่อถือ เหมือนกับท่องสคริปต์มา
ตำแหน่งของผู้นำเกาหลีเหนือเปลี่ยนมืออีกครั้ง คิม จองอึน (Kim Jongun) ดำรงตำแหน่งในปี 2011 ช่วงนั้นเกิดข่าวลือหนาหูว่าเมกุมิกับยองนัมมีลูกสาวหนึ่งคนชื่อ คิม อึนยอง รัฐบาลญี่ปุ่นพยายามยืนยันที่มาของแหล่งข่าวแต่ก็ไม่ได้ข้อสรุปแน่ชัด บ้างก็ว่าทั้งคู่ไม่มีลูกสาว ลือกันว่าคิม อึนยอง อยู่ภายใต้การดูแลของ คิม โยจอง (Kim Yojong) น้องสาวของท่านผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ เธอตั้งใจเก็บเด็กสาวชาวญี่ปุ่นไว้ใกล้ตัวเพื่อเป็นข้อต่อรองทางการทูตกับรัฐบาลญี่ปุ่น
เสียงลือเสียงเล่าอ้างของหน่อยข่าวกรอง การส่งต่อข้อมูลจากหลายทางที่ตรงกันทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นขอเจรจากับเกาหลีเหนืออีกครั้ง ในที่สุดปี 2014 ชิเกรุและภรรยาได้เดินทางไปยังมองโกเลีย สถานที่นัดพบระหว่างหลานสาวกับครอบครัว มีการตรวจสอบดีเอ็นเอเด็กสาวที่ยืนยันว่า คิม อึนยอง เป็นลูกของ โยโกตะ เมกุมิ หลังจากการหายตัวไปของลูกสาวเมื่อปี 1977 ตอนนี้ครอบครัวโยโกตะมีหลานสาวอายุ 26 ปี
แม้จะได้พบหน้าหลาน นายและคุณนายโยโกตะหวังอยู่ทุกวันว่าคงมีโอกาสได้พบเมกุมิอีกครั้ง พบกันแบบไม่ใช่แค่มองผ่านภาพถ่ายบันทึกความทรงจำ ภาพทั้งหมดในสมุดเล่มหนาของชิเกรุมีแต่รูปเมกุมิกับน้องชายฝาแฝดในอิริยาบถต่าง ๆ มีภาพรอยยิ้มของลูก ๆ กับแม่อยู่หลายรูป มีเพียงรูปเดียวจากทั้งหมดที่บันทึกภาพของชิเกรุกอดลูกน้อยไว้แนบอก ภาพถ่ายจากหน้าแรกถึงหน้าสุดท้ายเผยให้เห็นการเติบโตของเด็ก ๆ และน่าเศร้าที่ภาพของเมกุมิหยุดไปเมื่อเธออายุได้ 13 ปี
สิ่งที่เราต้องการมากที่สุดในชีวิตคือขอให้เขาคืนลูกเรากลับมา”
ผ่านไป 43 ปี ชิเกรุผู้ไม่ย่อท้อจากไปด้วยวัย 87 ปี เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2020 หลังจากเฝ้ารอทุกเมื่อเชื่อวันว่าเขาต้องได้พบลูกสาวอีกครั้ง การเมืองระหว่างประเทศได้ทำลายครอบครัวโยโกตะให้แหลกสลาย เสียงของประชาชนชาวญี่ปุ่นตัวเล็ก ๆ ส่งไปถึงดินแดนเกาหลีเหนือ แต่ไม่มีน้ำหนักมากพอที่ทำให้ลูกสาวเขากลับมา ไม่มีน้ำหนักพอแม้ว่าเขาจะเป็นพ่อของเด็กที่ถูกลักพาตัวไปก็ตาม ถึงรู้ว่าความหวังริบหรี่แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาชิเกรุไม่เคยยอมแพ้ น่าเศร้าที่เขาต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับและไม่มีวันได้พบหน้าลูกสาวที่เป็นดั่งดวงใจตลอดกาล
ที่มา
https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/en/news/backstories/311/?cid=nwd-adwords-all_site_dsa-201905-000
http://www.asahi.com/ajw/articles/13435311?fbclid=IwAR0sMtGqHMVgjcvbkOxUsid0wfwy3IDQzlhlbqPCLvxfPtD_v3s8YK7RLZY
https://www.bbc.com/news/world-asia-22244337
https://www.theguardian.com/world/2010/jul/20/north-korea-spy-japan-abductions
https://www.japantimes.co.jp/news/2020/06/05/national/shigeru-yokota-father-of-north-korea-abductee-megumi-dead-at-87/#.Xt2utUUzZyw
เรื่อง: ตรีนุช อิงคุทานนท์