18 มิ.ย. 2563 | 19:43 น.
กีฬาฟุตบอลเป็นเกมของความเร็ว การเข้าปะทะและไหวพริบ ร่างกายจึงเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยทำให้คุณได้เปรียบคนอื่น หลายคนอาจเคยได้ยินว่าจะเป็นนักฟุตบอลถ้ายิ่งสูงยิ่งดี แน่นอนการมีรูปร่างสูงใหญ่อาจได้เปรียบผู้แข่งในเรื่องการโจมตีหรือป้องกันทางอากาศ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าการที่เกิดมา “เตี้ย” จะกลายเป็นสุดยอดไม่ได้
พอล สโคลส์ (Paul Scholes) อดีตตำนานกองกลางของทีมปีศาจแดงแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดแห่งศึกพรีเมียร์ลีกของอังกฤษถือเป็นกองกลางอีกหนึ่งที่ได้รับการยกย่องอย่างมากเรื่องฝีเท้าในสนามทั้งการจ่ายบอลที่แม่นยำหรือการทำประตูจากนอกกรอบเขตโทษอันเป็นเครื่องหมายทางการค้าของกองกลางรายนี้
ตลอดการเล่นให้ยูไนเต็ดกว่า 20 ปี กองกลางหัวเพลิงรายนี้ประสบความสำเร็จและคว้าแชมป์ร่วมกับทีมปีศาจแดงมามากกว่า 25 ครั้ง แม้ผลงานในสนามจะสะท้อนให้เห็นว่าเขาเป็นหนึ่งในกองกลางที่ครบเครื่องที่สุดคนหนึ่ง แต่เชื่อหรือไม่ว่าก่อนที่ชายคนนี้จะก้าวขึ้นมาประสบความสำเร็จกับยูไนเต็ด สโคลส์เกือบไม่ได้ขึ้นมาเล่นกับทีมชุดใหญ่แล้ว เพราะชายคนที่เขาเรียกว่า “บอส” มาตลอด 20 ปี อย่างเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
[caption id="attachment_24115" align="aligncenter" width="3443"] สโคลส์ เมื่อปี 1995[/caption]ครั้งแรกที่เฟอร์กูสันได้เห็นสโคลส์ลงสนาม คือตอนที่กองกลางรายนี้อายุแค่ 17 ปี และกำลังเล่นให้ทีมเยาวชนของยูไนเต็ด ตอนนั้นเฟอร์กูสันรู้สึกไม่ประทับใจสโคลส์เลย เขามองว่าสโคลส์ไม่มีคุณสมบัติของยอดกองกลางเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะเรื่องส่วนสูง เฟอร์กูสันตั้งคำถามกับส่วนสูง 168 เซนติเมตรของสโคลส์ ซึ่งเขามองว่ามันเป็นตัวเลขที่น้อยเกินไปสำหรับการจะพัฒนานักเตะคนหนึ่ง แน่นอนว่าความไม่มั่นใจของยอดกุนซือแสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน จนเขาถึงขั้นพูดกับตัวเองว่า “ไม่มีทางหรอก เด็กคนนี้ตัวเล็กเกินไป”
“ผมกังวลนิดหน่อยแหละตอนเห็นพอลครั้งแรก ตอนนั้นผมคิดในใจว่า ‘ไม่มีทางหรอก เขาตัวเล็กเกินไป’ แต่หลังจากนั้นพรสวรรค์ของเขาก็ปรากฏออกมาเอง” เฟอร์กูสันเล่าความหลัง
ลี ชาร์ป อดีตนักเตะยูไนเต็ด เคยบอกเล่าเรื่องราวในวันนั้นตอนที่มิดฟิลด์หัวเพลิงรายนี้กำลังถูกเซอร์อเล็กซ์มองข้าม ชาร์ปเล่าว่า สโคลส์อาจจะต้องไปขอบคุณไบรอัน ร็อบสัน ตำนานกัปตันทีมที่กลายเป็นคีย์แมนในการเข้าไปคะยั้นคะยอให้บอสของเขาเปลี่ยนใจ
“วันนั้นผู้จัดการทีมกับเหล่านักเตะชุดใหญ่ไปดูเกมแข่งของพวกนักเตะเยาวชนที่เดอะ คลิฟฟ์ (สนามฝึกซ้อมเก่าของยูไนเต็ด) ร็อบสันเดินเข้าไปถามบอส (เซอร์อเล็กซ์) ว่า ‘คุณจะเก็บคนไหนไว้? แล้วคนไหนคุณจะปล่อยไป? ตอนนั้นเซอร์อเล็กซ์ก็บอกว่า ‘เราจะเก็บเบ็คแฮม, (นิกกี้) บัตต์, (แกร์รี่) เนวิลล์ ไว้ พวกนี้จะได้ไปต่อ แต่ตอนนี้ผมยังไม่มั่นใจกับมิดฟิลด์ตัวเล็ก ๆ หัวแดงคนนั้น’
หลังจากนั้นก็มีจังหวะที่สโคลซี่ได้บอลตรงกรอบเขตโทษ เขาหลอกยิงและลากบอลไปข้างหน้า จนเหล่ากองหลัง กองกลางฝั่งตรงข้ามเสียบวืดเลย แล้วเขาหลุดไปเจอผู้รักษาประตู และรอจังหวะที่หัวเข่าของโกลคนนั้นแตะพื้น จากนั้นเขาก็ล็อกบอลหลบอีกที แล้วงัดบอลเข้าประตูเสียบสามเหลี่ยมเลย พอทุกคนเห็นจังหวะนั้น ร็อบสันก็รีบหันหลังไปหาบอสแล้วพูดว่า ‘บอสคุณรู้ตัวใช่ไหมว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่’”
ด้าน เอริค แฮร์ริสัน โค้ชทีมเยาวชนผู้ปลุกปั้นเหล่านักเตะ “The Class of 92” เป็นอีกหนึ่งคนสำคัญที่คอยผลักดันให้สโคลส์ได้ขึ้นชุดใหญ่ ก็เคยพูดถึงอดีตลูกศิษย์อย่างสโคลส์ว่า
“เขาตัวค่อนข้างจิ๋วเลย เดวิด เบ็คแฮม ตอนนั้นก็เหมือนกัน พอเวลาผ่านไปคนอื่นโตขึ้น แต่สโคลส์กลับตัวเท่าเดิม แต่นั่นก็ไม่ได้ส่งผลอะไร จริง ๆ แล้วเขาไม่มีความเด่นอะไรเลย ไม่แข็งแรง ไม่เร็วจี๋ แต่เขาฉลาดและเท้าไวมาก”
แน่นอนว่าส่วนสูงคือสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่คนเป็นโค้ช หรือ แมวมอง จะมองเป็นลำดับต้น ๆ ซึ่งหลังจากที่สโคลส์โชว์ศักยภาพในทีมเยาวชนได้ไม่นาน เขาก็แสดงให้เฟอร์กูสันได้เห็นว่า ส่วนสูงไม่ใช่ทั้งหมดของฟุตบอล สโคลส์แจ้งเกิดกับยูไนเต็ดได้สำเร็จในเวลาต่อมา พร้อมกับเพื่อนที่เริ่มมาพร้อม ๆ กันอย่าง เดวิด เบ็คแฮม, แกรี่ เนวิลล์, ฟิลล์ เนวิลล์, ไรอัน กิ๊กส์ และ นิกกี้ บัตต์ หรือที่พวกเรารู้จักพวกเขาในชื่อ “The Class of 92”
[caption id="attachment_24065" align="aligncenter" width="3000"] สโคลส์, บัตต์, เฟอร์กูสัน และเบ็คแฮม[/caption]นอกจากสโคลส์แล้ว จิอันฟรังโก้ โซลา, จอร์จ เบสต์, อันเดรส อินเนสตา หรือแม้กระทั่ง ลิโอเนล เมสซี ก็แสดงให้เราได้เห็นแล้วว่าการจะเป็นยอดนักเตะไม่ได้เกี่ยวกับส่วนสูงเลยแม้แต่น้อย
ครั้งหนึ่ง ชาบี เอร์นานเดซ ตำนานกองกลางของบาร์เซโลน่า เคยออกมากล่าวยกย่องสโคลส์ผ่าน The Guardian เมื่อปี 2011 ว่า “สำหรับผม สโคลส์คือกองกลางตัวกลางที่ดีที่สุดคนหนึ่งในรอบ 15-20 ปีมานี้ เขาครบเครื่องทั้งเรื่องบอลสุดท้ายและการยิง เขาแข็งแกร่ง ผมไม่ค่อยเห็นเสียบอลเท่าไหร่นัก และที่สำคัญวิสัยทัศน์ของเขาคือที่สุด”
มีอยู่ช่วงหนึ่งหลังจากที่สโคลส์แขวนสตั๊ดไป สถานการณ์ในแดนกลางของทีมปีศาจแดงออกอาการป้อแป้อย่างหนัก จนทำให้เฟอร์กูสันต้องชวนให้เขากลับมาช่วยทีมอีกครั้งรอบสอง ซึ่งภายหลังทั้งเขาและเฟอร์กูสันก็ได้ประกาศรีไทร์จากวงการฟุตบอล พร้อมกับการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2012-2013 เป็นการทิ้งท้าย
“ครั้งนี้คงถึงเวลาที่ผมต้องแขวนสตั๊ดตลอดไปแล้วล่ะ” สโคลส์ให้สัมภาษณ์ในวันที่ต้องบอกลาการเล่นฟุตบอลถาวร
[caption id="attachment_24113" align="aligncenter" width="3000"] เฟอร์กูสัน และสโคลส์[/caption]ตลอดการเล่นให้ยูไนเต็ดกว่า 20 ฤดูกาล สโคลซี่คว้าแชมป์มากมายกับทีม โดยเฉพาะพรีเมียร์ลีกที่คว้าไปมากถึง 11 สมัย และไม่เคยย้ายสโมสรเลยสักครั้ง ย้อนกลับไปในช่วงปี 2000 อินเตอร์ มิลาน ยอดทีมจากแดนมักกะโรนี ต้องการห้องเครื่องรายนี้ไปปั้นเกมในแดนกลางให้กับทีม แต่สุดท้ายสโคลส์กลับปฏิเสธ พร้อมกับบอกมัสซิโม่ โมรัตติ ประธานสโมสรอินเตอร์ ไปว่า "หากคุณอยากให้ผมลงเล่นให้ คุณต้องซื้อสโมสรแห่งนี้ (ยูไนเต็ด) ไปเป็นของคุณเอง"
“อดีตเอเยนต์ของไบรอันร็อบสันโทรมาหาผมเขาถามว่าผมสนใจจะย้ายไปอินเตอร์ไหมซึ่งนั่นเป็นสายเดียวที่ผมเคยได้รับเลยนะหลังจากนั้นผมก็ไม่เคยได้ยินเรื่องราวทำนองนี้อีกแม้กระทั่งผู้จัดการทีมก็ไม่เคยพูดเรื่องนี้กับผม
“เงินไม่ได้มีความหมายกับผมมากนัก ถ้าพูดถึงเรื่องฟุตบอล การที่ผมเคยได้เล่นกับทีมในวัยเด็ก ได้เป็นนักเตะของแมนฯ ยูไนเต็ด และคว้าแชมป์ตลอดเวลา ถ้าวันไหนผู้จัดการทีมมาบอกผมว่า เขาไม่ต้องการผมแล้ว ผมก็อาจจะต้องไป ผมไม่เคยคิดเกี่ยวกับบาร์เซโลน่า เรอัล มาดริด หรือเอซี มิลาน เลย เพราะตอนนี้ผมอยู่กับสโมสรที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่แล้ว” พอล สโคลส์