read
politics
15 ก.ค. 2563 | 21:28 น.
รอสมาห์ มานซอร์: เจ้าแม่แอร์เมส ผู้สูบเลือดเนื้อเงินทองของชาวมาเลเซีย
Play
Loading...
‘อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งแห่งมาเลเซีย ถูกตั้งข้อหามากกว่า 17 กระทง ทั้งฟอกเงิน เลี่ยงภาษี และมีส่วนเชื่อมโยงกับคดีทุจริตครั้งใหญ่อย่าง 1MDB ทว่าเมื่อมาถึงศาล เธอกลับทักทายสื่อมวลชนที่รอทำข่าวด้วยรอยยิ้ม ส่งจูบให้กล้อง โบกมือเหมือนนางงาม โดยเธอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และให้ทนายฝีมือดีทำเรื่องประกันตัวออกไป’
เมื่อเก้าปีก่อน
รอสมาห์ มานซอร์
(Rosmah Mansor) ถือเป็นสุภาพสตรีผู้ได้รับการนับหน้าถือตาในกลุ่มสังคมไฮโซ เป็นผู้หญิงเพียงไม่กี่คนในแวดวงการเมืองมาเลเซีย แต่ทุกอย่างต้องเปลี่ยนไป เมื่อ
นาจิบ ราซัค
(Najib Razak) สามีผู้เป็นนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในอำนาจนานถึง 9 ปี ถูกจับได้ว่าร่วมขบวนการโกงกินแผ่นดิน ส่งให้ชีวิตของรอสมาห์พลิกจากผู้หญิงตัวอย่าง กลายเป็นสตรีที่ถูกประชาชนรังเกียจเดียดฉันท์
หากจะโทษว่าชีวิตที่เคยสุขสบายอยู่บนหอคอยงาช้าง กลับต้องมาตกต่ำแวะเวียนไปขึ้นศาลบ่อย ๆ เกิดขึ้นเพราะการทุจริตของสามี ก็ดูจะเป็นการโทษคนอื่นอยู่ฝ่ายเดียว เมื่อครั้งที่นาจิบ ราซัค ดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ ภรรยาสุดที่รักของเขามีรูปแบบการใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือย ขึ้นชื่อเรื่องการสะสมกระเป๋าแบรนด์เนม ไม่สนคำครหาว่าเธอว่างงานแต่ใช้ของแพง
สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งไม่เคยปกปิดชีวิตอู้ฟู่ของตัวเอง นางรอสมาห์มีคอลเลกชันกระเป๋าแอร์เมส (Hermes) หลายร้อยใบ โดยเฉพาะรุ่นที่นักสะสมต่างลงความเห็นว่าหายากแถมแพงหูฉี่อย่าง
แอร์เมส เบอร์กิ้น หิมาลายัน
(Hermes Birkin Himalayan) เธอก็มีไว้ในครอบครอง แถมเป็นรุ่นพิเศษฝังเพชรแท้ใบละเกือบ 10 ล้านบาท ไลฟ์สไตล์ของภรรยานายกรัฐมนตรีก่อให้เกิดการตั้งคำถามว่า เงินเดือนนายกฯ ที่เป็นข้าราชการมันเยอะขนาดซื้อของฟุ่มเฟือยราคาแพงจริงหรือ ?
เมื่อต้องออกงานสังคม นางรอสมาห์มักปรากฏตัวพร้อมกับทรงผมหนาเป็นเอกลักษณ์ ถือกระเป๋าแอร์เมสไม่ซ้ำใบ ประโคมเครื่องเพชรเต็มตัว สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งเลือกอยู่กับคำเยินยอ รับฟังคำชื่นชมถึงกระเป๋ารุ่นหายากที่เธอมีในครอบครอง ยกยิ้มเมื่อเห็นสายตาริษยามองมายังเครื่องเพชรของเธอ มองข้ามเสียงซุบซิบกับสายตาตั้งคำถามว่า เธอมีปัญญาเอาเงินที่ไหนไปซื้อของราคาแพงขนาดนี้
สำนักข่าววอลล์ สตรีต เจอร์นัล (Wall Street Journal) สงสัยถึงความผิดปกติเรื่องการใช้เงินของนางรอสมาห์ไม่ต่างจากชาวมาเลเซีย พวกเขาจึงขุดคุ้ยไปเรื่อย ๆ จนเจอกับความจริงน่าตกใจว่า สุภาพสตรีท่านนี้เคยรูดบัตรเครดิตคิดเป็นเงินไทยหลายร้อยล้านบาท สำหรับการช็อปปิ้งของแบรนด์เนมในต่างแดน แถมยังเคยออกมาบ่นเรื่องการทำผมของตัวเองว่า ต้องเสียค่าย้อมผมไปตั้ง 1,200 ริงกิต คิดเป็นเงินไทยประมาณ 9,500 บาท มากกว่าค่าแรงขั้นต่ำของชนชั้นแรงงานต่อเดือนเสียอีก
หากรวยด้วยการสร้างธุรกิจหรือสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาเอง นางรอสมาห์จะย้อมผมครั้งละกี่หมื่นคงไม่มีใครว่า อย่างที่ย้ำแล้วย้ำอีกว่า เธอเป็นเพียงคนว่างงานที่รอเงินเดือนจากสามี ไม่มีตำแหน่งเป็นทางการด้านการเมือง ทางบ้านของเธอไม่ได้มีมรดกก้อนโตทิ้งไว้ ไม่มีทางที่เงินเดือนข้าราชการพอเลี้ยงตัวเอง ลูก และเมียที่ฟุ่มเฟือยได้แน่นอน จนใคร ๆ คิดว่าครอบครัวของนายกรัฐมนตรีกำลังทำเรื่องชั่วลับหลังประชาชน เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
การตั้งข้อสงสัยแทบทุกวันไม่อาจทำอะไรได้มากเมื่อนาจิบ ราซัค ยังอยู่ในอำนาจ กระทั่งการเลือกตั้งปี 2018 นำความพ่ายแพ้มาสู่อดีตนายกรัฐมนตรี เกิดการแฉเรื่องเงินที่หายไป และการขาดทุนยับเยินกว่าหมื่นล้านเหรียญของกองทุนความมั่นคงแห่งชาติมาเลเซีย หรือ 1MDB (1Malaysia Development Berhad) ที่นายนาจิบเป็นผู้ก่อตั้งเมื่อปี 2008 ขณะเป็นรองนายกรัฐมนตรี
เมื่อนาจิบ ราซัค หมดสิ้นอำนาจ พ่วงด้วยการถูกนักข่าวของบีบีซี (BBC) และสื่อใหญ่ระดับโลกอีกหลายสำนักตามขุดการเข้าร่วมขบวนการทุจริต เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการบุกบ้านของอดีตผู้นำ พวกเขาพบเงินสดเต็มบ้าน กระเป๋าหรู 567 ใบ เป็นแบรนด์แอร์เมสที่รอสมาห์โปรดปรานไปแล้ว 272 ใบ หากนับเฉพาะกระเป๋าแบรนด์นี้มูลค่าของสินค้าพุ่งไปกว่า 424 ล้านบาท รวมถึงนาฬิการาคาแพง 423 เรือน เครื่องประดับน้อยใหญ่ทั้งแหวน ต่างหู กำไล สร้อยคอ 12,000 ชิ้น
สิ่งน่าสนใจกว่าเบอร์กิ้นหิมาลายันรุ่นพิเศษ คือชุดเครื่องเพชรสีชมพูรูปหัวใจ ราคา 846 ล้านบาท ของกลางกับเงินสดที่พบในบ้านมีมูลค่ารวมกันได้ 8,400 ล้านบาท อู้ฟู่ตีคู่สูสีมากับนาง
อิเมลดา มาร์กอส อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งแห่งฟิลิปปินส์
ที่มีรองเท้าแบรนด์เนมพันกว่าคู่ และชุดเครื่องเพชรราคาแพงระยับ
มูลค่าทรัพย์สินของอดีตผู้นำกับอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งนับเป็นจำนวนมหาศาล เป็นนักการเมืองและคนว่างงานที่ร่ำรวยมากกว่านักธุรกิจชื่อดังของโลกหลายคนเสียอีก นางรอสมาห์ได้ออกมาแก้ต่างเกี่ยวกับข้าวของเครื่องใช้ราคาแพงว่า เป็นสิ่งของที่คนอื่นให้เธอมาทั้งนั้น บางครั้งลูกหลานได้มาจากเพื่อนนักธุรกิจเอามาให้อีกทอดหนึ่ง แทบไม่มีชิ้นไหนที่เธอซื้อเองเลย ยืนยันหนักแน่นว่า กระเป๋าแบรนด์เนมกับเครื่องประดับทั้งหลายไม่เกี่ยวข้องกับเงินที่หายไปจากกองทุน 1MDB ส่วนใครจะเชื่อคำพูดของสตรีคนนี้หรือไม่ คงต้องแล้วแต่วิจารณญาณแต่ละบุคคล
วอลล์ สตรีต เจอร์นัล รายงานเพิ่มว่า พบเงินกว่า 300 ล้านบาท ถูกโอนไปยังบัญชีส่วนตัวของนายนาจิบ ราซัค นอกจากนี้ยังมีเงินอีกกว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งไม่ทราบที่มาที่ไปแน่ชัดอยู่ในบัญชีธนาคารของอดีตนายกฯ ด้วยจำนวนเงินมหาศาลอันน่าสงสัย ต่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีไปทั้งชาติก็คงหาไม่ได้เท่านี้ ส่งผลให้นายนาจิบถูกตั้งข้อหา ส่วนนางรอสมาห์โดนเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตสอบปากคำนานหลายชั่วโมง
สืบสาวราวเรื่องไปเรื่อย ๆ เจ้าหน้าที่พบหลักฐานยืนยันว่า นางรอสมาห์รู้เห็นการโกงชาติของสามีทุกอย่าง รวมถึงตัวเธอเองก็รับสินบนโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัทเอกชน ที่ร่วมประมูลเพื่อสิทธิการติดตั้งตามโรงเรียนในรัฐซาราวักบนเกาะบอร์เนียว โดยทำข้อตกลงว่า หากบริษัทชนะการประมูล นางรอสมาห์จะได้เงินรวมแล้ว 189 ล้านริงกิต คิดเป็นเงินไทยราว 1,486 ล้านบาท ซึ่งอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
นอกจากเรื่องสินค้าฟุ่มเฟือยมูลค่าหลายพันล้านทำให้เธอขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ การฟ้องกลับเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปค้นบ้านของเธอสร้างเสียงฮือฮาให้กับโลกออนไลน์ เมื่อทนายความคู่ใจของคู่สามีภรรยาโกงชาติยื่นคำร้องต่อศาลในกรุงกัวลาลัมเปอร์ว่า เจ้าหน้าที่สร้างความเสียหายให้ทรัพย์สินมูลค่าสูง ด้วยการเอาปากกาเมจิลบไม่ออกเขียนหมายเลขไว้บนกระเป๋าทุกใบ จึงขอฟ้องกลับด้วยข้อหาจัดการของมีค่าโดยประมาท และจะไม่ยอมความหากรัฐบาลไม่แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้
การฟ้องกลับดังกล่าวส่งให้ชาวมาเลเซียจำนวนมากเขียนข้อความด่าทอนางรอสมาห์ ประชดเสียดสีว่ารอยปากกาบนกระเป๋าแอร์เมสคงเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิตของผู้หญิงคนนี้ บ้างก็อวยพรว่าขอให้มันลบไม่ออกตลอดไป รวมไปถึงแซวว่าหากนางรอสมาห์ไปดูของกลาง มาดามแกคงรับไม่ได้แล้วเป็นลมไปแน่ ๆ พร้อมกับชื่นชมทีมที่ลงพื้นที่และเขียนหมายเลขบนของกลาง สร้างเรื่องขบขันท่ามกลางความโกรธแค้นเมื่อรู้ข่าวนักโกงเมือง ทำให้ประชาชนชาวมาเลเซียได้รู้สึกสะใจบ้าง หลังจากครอบครัวนี้สูบเลือดสูบเนื้อผู้คนในประเทศมายาวนาน
อดีตภริยานายกรัฐมนตรีแห่งมาเลเซียถูกตั้งข้อหามากกว่า 17 กระทง แต่เธอได้ประกันตัวเองออกไปด้วยเงิน 2 ล้านริงกิต หรือ 16 ล้านบาท ถูกสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ส่วนนาจิบ ราซัค ถูกตั้งข้อหามากกว่า 20 กระทง ทำให้คู่สามีภรรยาชื่อดังของมาเลเซียต้องใช้ชีวิตที่เหลือสู้คดีอีกยาวนาน ถึงจะต้องแวะเวียนขึ้นศาลบ่อยครั้ง แต่ก็มิอาจทดแทนการโกงกินชาติผลาญเงินประชาชนของทั้งคู่ได้ จนกว่าพวกเขาจะรับโทษเหมาะสมตามความผิดที่ได้ทำไว้
ที่มา
https://www.scmp.com/week-asia/politics/article/2147614/malaysias-former-first-lady-becomes-bag-lady-why-rosmah-mansors
https://www.scmp.com/news/asia/southeast-asia/article/3088461/malaysias-former-first-lady-rosmah-mansors-luxury-handbags
https://www.vice.com/en_us/article/7kp8be/rosmah-hermes-reimbursement-police-scandal
https://www.malaymail.com/news/malaysia/2020/07/14/rosmah-asked-for-bigger-cut-in-solar-project-because-of-political-cost-witn/1884371
https://www.bbc.com/news/world-asia-44625007
เรื่อง: ตรีนุช อิงคุทานนท์
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
‘บิ๊กโจ๊ก’ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ตำแหน่งใหญ่ขณะอายุน้อย บารมีมาก เส้นทางสีกากีติดไฮสปีด
15 ก.ย. 2566
3487
ถอดรหัส ‘Naatu Naatu’ เพลงประกอบหนังอินเดียฉากร้อง-เต้นใน RRR ได้ออสการ์-Golden Globes
13 มี.ค. 2566
6940
‘เอมิลิโอ เฟอร์นันเดส’ ชายผู้เป็นต้นแบบของตุ๊กตารางวัล ‘ออสการ์’
12 มี.ค. 2566
818
แท็กที่เกี่ยวข้อง
Politics
The People
การเมือง
นักการเมือง
Hermes
คอร์รัปชัน
Malaysia
มาเลเซีย
1MDB
รอสมาห์ มานซอร์
Rosmah Mansor
Birkin
Himalayan
นาจิบ ราซัค
วันเอ็มดีบี
สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง
แอร์เมส
แอร์เมส เบอร์กิ้น
ฮิมาลายัน