ขณะที่ โรเบิร์ต และ ทรูด สตีน สองสามีภรรยากำลังไว้อาลัยให้กับการจากไปของ แมตส์ สตีน (Mats Steen) ลูกชายพิการที่เสียชีวิตไปตั้งแต่อายุยังน้อย พวกเขาก็ค้นพบว่า ยังมีผู้คนอีกมากมายกำลังเสียใจไปพร้อมกับพวกเขาอยู่
“พวกเราค่อนข้างจะหัวโบราณ เลยไม่ชอบการให้ลูกใช้ชีวิตแบบนั้น” โรเบิร์ต สตีน รองนายกเทศมนตรีของกรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ บอกถึงความกังวลเวลาที่เห็นลูกชายเอาแต่เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ยอมเข้าสังคม และเอาแต่เล่นเกมจนดึกดื่น “พอมองย้อนไป ผมว่าตัวเองควรให้ความสนใจ ว่าทำไมลูกถึงรักการเล่นเกมมากมายขนาดนั้น”
ช่วงปลายปี 2014 ขณะกำลังกล่าวคำไว้อาลัยในงานศพของลูกชาย ที่สุสานทางตะวันตกของกรุงออสโล กลุ่มคนที่กำลังฟังคำไว้อาลัย นอกจากครอบครัว และเจ้าหน้าที่จากหน่วยบริการสาธารณสุขที่รู้จักแมตส์เป็นอย่างดีแล้ว โรเบิร์ตบอกว่า ยังมีกลุ่มคนที่พวกเขาไม่เคยรู้จักขอมาร่วมงานด้วย
ไค ไซมอน เฟรดริกเซน ตัวแทนจากกลุ่มคนแปลกหน้า ขอขึ้นกล่าวคำไว้อาลัยในช่วงท้ายของพิธี เขาบอกว่าที่เขามายืนอยู่ตรงนี้ เพราะเขาคือหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มสตาร์ไลต์ และสหายที่แมตส์ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน
"ผมพบแมตส์ในโลกที่มันไม่สำคัญเลยว่าคุณจะเป็นใคร คุณจะมีร่างกายแบบไหน หรือหน้าตาแบบใดในความเป็นจริง ในโลกนั้น สิ่งสำคัญคือคนที่คุณเลือกเป็น และวิธีที่คุณวางตัวต่อผู้อื่น สิ่งสำคัญคือสิ่งที่อยู่ตรงนี้" ไค ไซมอน ชี้นิ้วไปที่ขมับ "และที่นี่" ก่อนจะเอามือวางทับไปที่หัวใจ
[caption id="attachment_25509" align="aligncenter" width="800"]
ไค ไซมอน เฟรดริกเซน[/caption]
"ขณะที่เรากำลังชุมนุมกันอยู่ในที่แห่งนี้ ยังมีการจุดเทียนเพื่อรำลึกถึงแมตส์ในชั้นเรียนหนึ่งที่เนเธอร์แลนด์ ศูนย์บริการอีกแห่งหนึ่งในไอร์แลนด์ ห้องสมุดในสวีเดน ร้านเสริมสวยเล็ก ๆ ในฟินแลนด์ สำนักงานเทศบาลในเดนมาร์ก และอีกหลายแห่งในอังกฤษ ตอนนี้...ทั่วทั้งยุโรปมีคนอีกหลายคนกำลังรำลึกถึงเขา"
แม้พวกเขาจะไม่ได้รู้จักแมตส์ในฐานะแมตส์ แต่เป็น "อิบีลิน" อีกตัวตนหนึ่ง ซึ่งเป็นชายหนุ่มเจ้าชู้ ทรงเสน่ห์ และมีชาติกำเนิดสูงศักดิ์ แต่ตัวตนของ แมตส์ สตีน ก็จะอยู่ในความทรงจำของพวกเขาตลอดไป
ย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่อิบีลีนยังไม่ถือกำเนิด แมตส์ สตีนเคยเป็นเด็กชายแสนสดใสที่ชอบออกไปวิ่งเล่นกลางแจ้ง แต่หลังจากวันเกิดอายุ 3 ปี พ่อแม่ของแมตส์ก็เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ เพราะลูกชายที่เคยซุกซนของพวกเขา จากที่เคยรักการเล่นชิงช้ามาก จู่ ๆ ก็ไม่อยากขึ้นไปเล่นเพราะเกิดอุบัติเหตุบ่อย แมตส์เริ่มไม่มีแรงปีนขึ้นบันไดไปเล่นสไลเดอร์ทั้งที่เคยชอบมาก หลังจากที่เห็นว่าลูกชายต้องพยายามใช้หัวเข่ายันตัวเองเพื่อลุกขึ้นยืนราวกับชายชรา พ่อแม่ก็ตัดสินใจพาแมตส์ไปหาหมอ
พวกเขาพบว่าแมตส์ป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้อเสื่อมสภาพ (Duchenne muscular dystrophy - DMD) ที่มีโอกาสเกิดน้อยมาก โรคดังกล่าวเกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรมที่จะทำให้กล้ามเนื้อของแมตส์ค่อย ๆ อ่อนแรงและไม่สามารถขยับได้อย่างปกติ หลังจากทราบข่าวในวันนั้น โรเบิร์ตโทรคุยกับหมออีกยาวเป็นชั่วโมง โดยมีทรูดคอยอยู่เคียงข้าง
"ผมบอกหมอว่า 'แต่อย่างน้อยเขาจะไม่ตายจากโรคนี้' หมอที่อยู่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ แล้วพูดว่า 'แต่จากประสบการณ์ของเรา ผู้ป่วยโรคนี้มักไม่ค่อยมีชีวิตอยู่เกินอายุ 20 ปี' แล้วผมก็ได้แต่เงียบ" โรเบิร์ตตระหนักว่า ลูกชายเขาคงไม่สามารถมีชีวิตธรรมดาได้อีกต่อไป เขาจะตายตั้งแต่อายุยังน้อย และคงไม่มีโอกาสได้ฝากอะไรไว้ให้โลก
แน่นอน…เขาคิดผิด
[caption id="attachment_25513" align="aligncenter" width="800"]
โรเบิร์ต สตีน[/caption]
และถ้าหากคุณเองก็เป็นอีกคนที่คิดว่าความผิดปกติของดีเอ็นเอ จะทำให้มนุษย์คนหนึ่งยอมจำนนต่อโชคชะตาได้ คุณก็คิดผิดเช่นกัน เพราะแมตส์คิดว่า ในเมื่อร่างกายไม่สามารถพาไปท่องโลกได้อย่างใจ แล้วทำไมไม่สร้าง ‘ตัวตนใหม่’ ขึ้นมาทำแทนล่ะ?
ช่วงปี 2000 เป็นเวลาที่แมตส์กับครอบครัวย้ายเข้าไปอยู่บ้านหลังใหม่ มันเป็นบ้านราคาแพงที่มีระบบรองรับผู้ใช้รถเข็นหรือวีลแชร์ เพื่อให้สะดวกในการใช้ชีวิตมากขึ้น ตอนนี้เองที่แมตส์เริ่มหันไปเล่มเกมออนไลน์ และกลายเป็น “ลอร์ด อิบีลิน เรดมัวร์” หรือบางครั้งก็เป็น "เจอโรม วอล์กเกอร์” ทั้งสองเป็นคาแรคเตอร์ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ทั้งที่ภายในคือเด็กวัย 11 ขวบเท่านั้น
"ช่วง 10 ปีสุดท้ายของชีวิต แมตส์ใช้เวลาเล่นเกมออนไลน์ไปประมาณ 15,000 - 20,000 ชั่วโมง" โรเบิร์ตกล่าวในคำไว้อาลัย "นั่นเท่ากับการทำงานเต็มเวลากว่า 10 ปีเลยนะ" ด้วยความเป็นห่วงสุขภาพของลูก โรเบิร์ตและทรูดไม่ค่อยพอใจในพฤติกรรมติดเกมของแมตส์ เพราะเขาพักผ่อนน้อยลง แถมยังพูดคุยกับคนในครอบครัวนับคำได้
แมตส์ขลุกตัวเองอยู่ในดาวอาเซรอธ (Azeroth) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเกมออนไลน์ยอดฮิต เวิลด์ ออฟ วอร์คราฟต์ (World of Warcraft) ซึ่งออกแบบโลกให้มีมีทวีปต่าง ๆ ทะเล ป่าเขา หน้าผา ที่ราบ หมู่บ้าน และเมืองต่าง ๆ โดยส่วนใหญ่แล้วแมตส์จะเล่นอยู่ในดินแดนที่มีชื่อว่า อีสเทิร์น คิงดอมส์ (Eastern Kingdoms) ซึ่งก็เป็นที่ที่เขาได้ท่องไปในจินตนาการ ต่อสู้ และผจญภัยในพื้นที่ต่าง ๆ แมตส์พบเจอกับเพื่อนดี ๆ มากมายที่นี่
"ฉันรู้จักแมตส์มาหลายปี มันเป็นเรื่องสะเทือนใจมากที่เขาเสียชีวิต มันก็ส่งผลต่อตัวตนของฉัน" ลิเซตต์ รูเวอร์ส วัย 28 ปี กล่าว เธอถือเป็นเพื่อนในเกมอีกคนหนึ่งที่รู้จักกับแมตส์มานาน เพราะเธอพบกับแมตส์ในฐานะอิบีลินครั้งแรก ด้วยตัวละคร “รูเมอร์” ตอนที่เธออายุ 15 ปี และหากนับมาจนถึงตอนนี้ พวกเขารู้จักกันมานานกว่า 10 ปีแล้ว
"แมตส์เป็นเพื่อนที่ดี และบางทีก็เป็นเพื่อนที่ฉันสนิทมาก ตอนฉันทะเลาะกับพ่อแม่ เขาถึงขนาดเขียนจดหมายมาถึงพ่อแม่ฉัน และอธิบายให้พวกท่านเข้าใจว่าการเล่นเกมสำคัญต่อฉันแค่ไหน ตอนนี้ฉันก็ยังเก็บจดหมายนั่นไว้อยู่"
น่าเสียดายที่ตอนนั้นพ่อแม่ของแมตส์ไม่เคยมองว่าเพื่อน ๆ ในเกมคือเพื่อที่แท้จริงของแมตส์เลย พวกเขาเรียกตัวละครพวกนี้ว่า ‘อวตาร’ เพราะยังมีความคิดหัวโบราณต่อคอนเซปต์ของมิตรภาพอยู่
ในโลกแห่ง เวิลด์ ออฟ วอร์คราฟต์ แมตส์ได้เข้าเป็นสมาชิกของกลุ่มที่มีชื่อสตาร์ไลต์ (Starlight) ซึ่งมีสมาชิกอยู่ 30 คน มันเป็นกลุ่มที่มีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ แถมยังค่อนข้างจะปลอดภัยเพราะไม่ใช่ว่าใครก็สามารถเข้ากลุ่มนี้ได้ โรเบิร์ต ซึ่งปัจจุบันกำลังพยายามศึกษาเรื่องเวิลด์ ออฟ วอร์คราฟต์ บอกว่า "การจะเป็นสมาชิกได้ คุณต้องได้รับการแนะนำจากคนในกลุ่ม จากนั้นต้องผ่านช่วงทดลอง 1 - 2 เดือนเสียก่อน"
ในฤดูร้อนปี 2013 ขณะที่แมตส์อายุ 24 เขาตัดสินใจเปิดเผยเรื่องราวของตัวเองลงในบล็อก ก่อนจะแชร์บล็อกเหล่านั้นให้เพื่อนในกลุ่มอ่านทีละคน ลิเซตต์ยังจำได้ว่าครั้งแรกที่เธอรู้เรื่องราวเกี่ยวกับแมตส์ เธอตกใจแค่ไหน "ฉันเข่าอ่อนเลย แล้วก็รู้สึกผิดที่เคยพูดหยอกล้อเขา ตอนนั้นฉันลังเลมากว่าจากนี้ควรปฏิบัติต่อเขาต่างไปไหม แต่สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจจะทำตัวเหมือนเดิม และเขาก็เขียนในบล็อกว่า นี่คือสิ่งที่เขาต้องการ"
[caption id="attachment_25510" align="aligncenter" width="800"]
ลิเซตต์ รูเวอร์ส[/caption]
ราว 6 เดือนก่อนที่แมตส์จะเสียชีวิต จู่ ๆ เขาก็หายจากเกมเวิลด์ ออฟ วอร์คราฟต์ไปนานถึง 10 วัน เพื่อน ๆ ในกลุ่มเริ่มเป็นห่วงว่าเขาหายไปไหน พอแมตส์กลับมาเขาก็เฉลยว่าตัวเองเพิ่งออกจากโรงพยาบาล แต่คงไม่มีใครคาดคิดว่านั่นจะเป็นสัญญาณว่าชีวิตของเขามาถึงช่วงที่ไม่อาจไปต่อ
เพราะถัดจากนั้นไปไม่นาน ในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2014 แมตส์ก็เสียชีวิต
“ไม่กี่วันหลังจากเขาเสีย ครอบครัวเราก็เริ่มเดินทางมาหา ไม่ก็ส่งดอกไม้มาแสดงความเสียใจที่บ้าน ตอนนั้นผมพยายามคิดว่าผมควรบอกเรื่องนี้กับเพื่อน ๆ ของแมตส์ด้วยไหม” แต่เพราะโรเบิร์ตไม่มีพาสเวิร์ดของแมตส์เพื่อเข้าเกม เขาจึงตัดสินใจใช้คอมพิวเตอร์ของลูกโพสต์ข่าวร้ายลงไปในบล็อกที่ล็อกอินทิ้งไว้
"ผมเขียนแล้วก็ร้องไห้ไปด้วย ไม่รู้เลยว่าจะมีคนตอบไหม” แต่หลังจากโพสต์ไปไม่นาน อีเมลฉบับแรกก็ส่งเข้ามา มันเป็นข้อความแสดงความเสียใจจากหนึ่งในสมาชิกกลุ่มสตาร์ไลต์ "อีเมลฉบับนั้นเขียนว่า 'ฉันเขียนโพสต์นี้ด้วยความเศร้าใจ แด่ชายที่ฉันไม่เคยพบหน้า แต่รู้จักเป็นอย่างดี' ผมร้องไห้โฮออกมาดังมาก"
จากนั้นก็เริ่มมีอีเมลแสดงความเสียใจส่งเข้ามาอีกไม่ขาดสาย บางอีเมลก็เป็นข้อความบอกลาสั้น ๆ บางอันก็ทั้งยาวและเต็มเปี่ยมไปด้วยเนื้อหาอันลึกซึ้ง โรเบิร์ตบอกว่า การจากไปของแมตส์ทำให้เขารู้ว่า มีกลุ่มคนที่รักลูกชายของเขามากมายแค่ไหน เขาเพิ่งตระหนักว่าที่จริงโลกของแมตส์มีขนาดใหญ่มากกว่าที่เขาเคยคาดคิด
เมื่อสมาชิกกลุ่มสตาร์ไลต์ทราบข่าวร้าย พวกเขาก็ได้ระดมเงินให้คนที่ไม่มีทุนเพียงพอสามารถเดินทางไปร่วมงานศพที่นอร์เวย์ได้ โรเบิร์ตบอกว่าครอบครัวของเขาเอาแต่ร้องไห้เพราะได้รู้ว่าแมตส์สำคัญต่อเพื่อน ๆ ของเขาแค่ไหน
"เราได้รู้ว่า ที่จริงแล้วแมตส์มีชีวิตอย่างไร การมีเพื่อนแท้ มีคนที่รักและใส่ใจถึงขนาดเดินทางจากต่างประเทศเพื่อมาร่วมงานศพคนที่พวกเขาไม่เคยเจอกันมาก่อน เป็นสิ่งที่ทรงพลังมาก" โรเบิร์ตบอกว่า เขารู้สึกซาบซึ้งใจมากที่จนถึงตอนนี้ ทุก ๆ ปีนับตั้งแต่แมตส์เสียชีวิต กลุ่มสตาร์ไลต์ก็ยังจัดพิธีรำลึกความทรงจำเกี่ยวกับแมตส์อยู่
ที่มา
https://www.youtube.com/watch?v=YSmqBgYUNak
https://www.youtube.com/watch?v=FEPhbrIfWag
https://www.bbc.com/news/disability-47064773
https://www.nrk.no/dokumentar/xl/forst-da-mats-var-dod_-forsto-foreldrene-verdien-av-gamingen-hans-1.14197198