13 ส.ค. 2563 | 17:10 น.
การแสดงท่าทีแข็งกร้าวและการชนะเลือกตั้งน่าสงสัย ทำให้เขาถูกสหภาพยุโรปแบนไปหลายปี ช่วงระยะเวลาหนึ่งประธานาธิบดีและเจ้าหน้าที่รัฐของเบลารุสไม่สามารถเข้าประเทศสมาชิกอียูได้ เขาจึงต้องพยายามฟื้นฟูภาพลักษณ์ หมั่นสร้างความสัมพันธ์กับประเทศอื่น ๆ ในทวีปยุโรป จนสุดท้ายเขาสามารถเดินทางไปเยือนประเทศอื่น ๆ ได้ แต่การอนุมัตินี้เป็นเพียงข้อตกลงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อไวรัสโควิด-19 ระบาดไปทั่วโลก ประธานาธิบดีลูคาเชนโกมองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เขาไม่บังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์แบบที่หลายประเทศใช้กัน ไม่ยกเลิกการแข่งขันกีฬาแมตช์ใหญ่ ส่วนตัวเองก็พยายามสร้างความมั่นใจให้ชาวเบลารุสด้วยการออกไปทำกิจกรรมหลากหลาย อาทิ ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ เข้าประชุมครม. หลายครั้ง และไปเล่นไอซ์ฮ็อกกี้ ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีลูคาเชนโกแถลงต่อชาวเบลารุสว่า ไวรัสโควิด-19 เป็นแค่การตื่นตระหนกเกินเหตุ พร้อมกับแนะนำให้ประชาชนหันมาดื่มว้อดก้าวันละ 50 มิลลิลิตร ควบคู่กับการไปอบซาวน่าบ่อย ๆ จะป้องกันการติดเชื้อไวรัสได้ ท่ามกลางเสียงด่าของประชาชน หลายคนคอมเมนต์ใต้ข่าวว่า “นี่เป็นคำแนะนำโง่เง่าที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา!” เพราะผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศมีมากกว่า 70,000 ราย มีคนเสียชีวิตแล้วกว่า 580 คน และการออกมาแสดงตัวว่าไม่ยี่หระกับไวรัสชี้ชัดว่าผู้นำประเทศขาดความรู้ความเข้าใจที่ทันสมัย [gallery columns="2" size="large" link="none" ids="25787,25788"] หลังแนะนำให้ประชาชนไปซาวน่าและดื่มว้อดก้า ประธานาธิบดีอ้างว่าตนติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระหว่างไปเยี่ยมเยียนค่ายทหาร แต่ไม่แสดงอาการป่วยใด ๆ โดยแพทย์วินิจฉัยว่าเขาติดเชื้อและหายดีแล้ว (ไม่มีหลักฐานใด ๆ ยืนยันว่าเขาติดเชื้อไวรัสจริง ๆ) แถมยังบอกว่าชาวเบลารุสคนอื่น ๆ ก็ติดเชื้อด้วยกันทั้งนั้น เพื่อให้ตรงกับการกล่าวก่อนหน้านี้ว่าโควิด-19 คือสิ่งที่คนวิตกกังวลเกินเหตุไปเอง เรียกการระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้ว่าเป็น “โรคจิตหมู่” (psychosis mass) พร้อมตำหนิต่างชาติที่พยายามเข้ามาแทรกแซงกิจภายในของเบลารุส ในแง่ของการเลือกตั้ง ประชาชนส่วนใหญ่มองว่าการเลือกตั้งขาดความโปร่งใส ไร้ความยุติธรรม เต็มไปด้วยความไม่ชอบมาพากลตั้งนานแล้ว นับตั้งแต่ลูคาเชนโกชนะการเลือกตั้งเมื่อปี 1995 เขานั่งอยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดีนานถึง 25 ปี แถมได้ดำรงตำแหน่งปีที่ 26 อีก ทั้งที่การทำงานของเขาก็ไม่ได้เลิศเลอหรือเป็นที่นิยมเท่าไหร่นัก ซ้ำยังสร้างชื่อเสียให้ตัวเองจากการออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องโควิด-19 เมื่อการเลือกตั้งประจำปี 2020 มาถึง ผู้คนตื่นตัวทางการเมืองมากกว่าปกติ หลายคนตั้งใจไปคูหากาตัวแทนที่ชื่นชอบ แต่ก่อนจะได้เลือกตั้งก็เกิดความตึงเครียดตั้งแต่ไม่เปิดคูหา เมื่อรัฐบาลออกหมายจับประชาชน นักขับเคลื่อนสังคม และนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามหลายคน เปิดศาลไต่สวนคนเห็นต่าง ที่กระพือกระแสเลือกตั้งให้ร้อนแรงยิ่งขึ้น“เราจะหักคอพวกเขาให้เหมือนกับการหักคอเป็ด”