ในประเทศอิตาลี จะมีคำที่ไว้ใช้เรียกนักเตะที่ดังในชั่วข้ามคืนหรือทำประตูสำคัญแบบ “one-hit-wonders” ว่า “meteora” หรือที่แปลว่า “ดาวตก” ถ้าพูดถึงนักเตะแบบนี้แน่นอนต้องมีชื่อของ โอเล็ก ซาเลนโก้ นักเตะรัสเซียที่ยิง 5 ประตูใส่แคเมอรูน ในฟุตบอลโลก ปี 1994 และไม่เคยกลับมาติดทีมชาติอีกเลย รวมถึง เฟเดอริโก มาเคด้า ที่ทำประตูสำคัญในช่วงทดเวลาบาดเจ็บให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ มาริโอ สตานิช ที่เปิดตัวยิงสองลูกกับเชลซี ทั้งสามคือตัวอย่างส่วนหนึ่งของนักเตะที่เคยสร้างความหวังให้แฟนบอลในระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนที่พวกเขาจะโชว์ฟอร์มออกทะเล และหายเข้ากลีบเมฆไป
อาห์น จุง ฮวาน (Ahn Jung Hwan) อดีตนักเตะทีมชาติเกาหลีใต้ เป็นอีกคนที่โด่งดังเป็นพลุแตกเพียงชั่วข้ามคืนจากประตูที่เขาทำใส่ทีมชาติอิตาลี ในศึกฟุตบอลโลกปี 2002 ตลอดอาชีพการค้าแข้งของอาห์น เขามีโอกาสลงเล่นกับหลายทีมในยุโรป ไล่ตั้งแต่ เปรูจา เม็ทซ์ หรือดุยส์บวร์ก ซึ่งสุดท้ายก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก แต่ถ้าพูดถึงไฮไลท์สำคัญในชีวิตของผู้ชายคนนี้ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 18 ปีที่แล้วในศึกฟุตบอลโลกปี 2002 เพราะนั่นเป็นเกมเปลี่ยนชีวิตที่ทำให้เขากลายเป็นฮีโร่และถูกตราหน้าว่าเป็นคนขี้โกงในเวลาเดียวกัน
ฟุตบอลคือการแข่งขันที่มีทั้งผู้แพ้และผู้ชนะ ซึ่งคำว่าชัยชนะนี่แหละที่ทำให้บางคนถึงขั้นยอมโกงเพื่อได้มันมา... ถ้าเราพูดถึง “การโกง” ในวงการฟุตบอล หลายคนน่าจะจำตำนาน “หัตถ์พระเจ้า” ของ ดิเอโก้ มาราโดน่า ในศึกฟุตบอลโลกปี 1986 ได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงคดีล้มบอลของยูเวนตุส เมื่อปี 2006 แต่ทั้งหลายทั้งปวง ถ้าพูดถึงภาพจำที่ส่อเค้าความโกงชนิดค้านสายตาคนทั้งโลก จนถูกยกให้เป็น “แมตช์อัปยศ” ตลอดกาล คงต้องยกให้แมตช์ระหว่างเกาหลีใต้กับอิตาลี
ในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2002 ที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพร่วม นั่นเป็นครั้งแรกของโลกที่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายจัดขึ้นนอกทวีปอเมริกาเหนือ/ใต้ และยุโรป โดยตลอดทัวร์นาเมนต์ เกาหลีใต้ในฐานะเจ้าภาพโชว์ฟอร์มเทพภายใต้การคุมทีมของกุส ฮิดดิงก์ กุนซือชาวดัตช์ จนสามารถทะลุเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายไปเจอกับกระดูกชิ้นโตอย่างทีมชาติอิตาลี ที่กำลังอยู่ในช่วงยุคทอง โดยมีนักเตะอย่าง ฟรานเชสโก้ ต็อตติ, เปาโล มัลดินี, จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน, อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่, อเลสซานโดร เนสต้า เป็นกำลังสำคัญ แน่นอนว่าเพียงแค่เห็นรายชื่อ สื่อทุกสำนักก็พร้อมใจกันฟันธงผู้ชนะ รวมถึงตัดชื่อทีมชาติเกาหลีใต้ออกจากสารบบทันที แต่...ใครจะเชื่อล่ะ ว่าสุดท้ายทีมพลังโสมจะหักปากกาเซียน พลิกล็อกเอาชนะไปได้ชนิดช็อกคนทั้งโลก
[caption id="attachment_26220" align="aligncenter" width="1536"]
อาห์น ขณะกระชากบอลหนีเปาโล มัลดินี[/caption]
ในเกมวันนั้นเกาหลีใต้มาพร้อมกับแผนการเล่นสุดรัดกุม แต่ก็เป็นอิตาลีที่ออกนำก่อนจากการทำประตูของคริสเตียน วิเอรี ในนาทีที่ 18 ก่อนจะโดนโซล คี-เฮือน ยิงให้เกาหลีใต้ตามตีเสมอในเวลาต่อมา โดยตลอดทั้งเกมฝั่งทีมอัซซูรีพยายามบุกเข้าใส่เจ้าถิ่นตลอดเวลา แต่ก็เจอสไตล์การเข้าบอลถึงลูกถึงคนของเกาหลีใต้ ชนิดที่ว่าหวดทั้งคนทั้งบอลจนฝั่งอิตาลีเลือดตกยางออก บวกกับการตัดสินค้านสายตาของ ไบรอน โมเรโน ผู้ตัดสินชาวเอกวาดอร์ ทำให้เกมคู่นี้ต้องไปฎีกากันในช่วงการต่อเวลาพิเศษ
แต่แล้วในช่วงต่อเวลาพิเศษนาทีที่ 117 อาห์นก็ช็อกคนทั้งโลกโดยการโหม่งประตูชัยให้เกาหลีใต้ได้สำเร็จ (ตอนนั้นยังมีกฏโกลเดน โกล ที่ใครยิงได้ก่อนชนะไปเลย) ก่อนที่ทีมโสมขาวจะทะลุเข้าไปชนะสเปน แต่ดันแพ้เยอรมนี 0-1 ในรอบรองชนะเลิศ และจบทัวร์นาเมนต์ด้วยการคว้าอันดับ 4
แม้ประตูที่เกาหลีใต้ได้ทั้งสองลูกนั้นจะมาจากฝีมือของพวกเขาจริง ๆ แต่กระนั้นภาพรวมของเกมที่ออกมาทำให้พวกเขาถูกตั้งคำถามจากคนทั้งโลกว่า “จ่ายเงินซื้อกรรมการหรือเปล่า?” ซึ่งหลังเกม ทางฟีฟ่าก็ออกมายอมรับว่า เกมดังกล่าวเป็นการตัดสินที่ผิดพลาดของกรรมการ ก่อนจะสั่งแบนโมเรโนห้ามตัดสินการแข่งขันระดับฟีฟ่าจำนวน 20 เกม (ในปี 2010 เปาโมเรโนคนนี้ก็ถูกเจ้าหน้าที่สนามบิน เจเอฟเค ในนิวยอร์ก จับข้อหามีเฮโรอีนในครอบครองถึง 6 กิโลกรัม)
[caption id="attachment_26219" align="aligncenter" width="1536"]
จังหวะโหม่งประตูชัย[/caption]
สิ่งที่เกิดขึ้นในเกมรอบ 16 ทีม สร้างความคับแค้นใจให้คนอิตาลีทั้งประเทศ โดยเฉพาะ ลูเซียโน่ กาอุชชี่ ประธานสโมสรเปรูจา ต้นสังกัดของอาห์น ที่โมโหถึงขนาดยกเลิกใบอนุญาตทำงานในอิตาลีของอาห์น พร้อมกับถอนข้อเสนอสัญญาสามปีของอาห์นกับทีม และให้สัมภาษณ์ด้วยอารมณ์ขึ้น ๆ ว่า เขาไม่มีความคิดที่จะจ่ายเงินให้กับคนที่ทำลายฟุตบอลอิตาลี
“เขา (อาห์น) เป็นปรากฏการณ์เฉพาะตอนที่แข่งกับอิตาลีเท่านั้นแหละ ผมเป็นพวกคลั่งชาติ และผมถือว่าการกระทำแบบนั้นไม่ใช่แค่เป็นการดูถูกศักดิ์ศรีของชาวอิตาเลียน แต่ยังถือว่าเป็นการสบประมาทประเทศที่เคยเปิดประตูให้เขาด้วยซ้ำเมื่อ 2 ปีก่อน ผมไม่อยากจ่ายเงินเดือนให้ใครก็ตามที่เป็นบ่อนทำลายวงการฟุตบอลของอิตาลี” กาอุชชีให้สัมภาษณ์
ด้านอาห์น หลังถูกยกเลิกการเซ็นสัญญาถาวร ก็ออกมาให้สัมภาษณ์แบบโนสนโนแคร์ว่า
“ผมจะไม่พูดเรื่องการย้ายไปเปรูจาอีก คนชอบพุ่งเข้ามาหาผมเพื่อถามอะไรแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่พวกเขาควรจะแสดงความยินดีกับผมเรื่องประตูนั้นมากกว่า”
ย้อนกลับไปในปี 2000 เปรูจาดึงตัวอาห์นมาจาก ปูซาน แดวู โรยัลส์ คลับ ด้วยสัญญายืมตัว ก่อนที่แนวรุกเจ้าของฉายา ”ลอร์ด ออฟ เดอะ ริง" จะลงสนามไป 15 นัด ทำไป 4 ประตู จนกาอุชชีสนใจจะดึงตัวเขามาร่วมทีมเป็นการถาวร อาห์นให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2013 ว่า แม้ชัยชนะในครั้งนั้นจะทำให้เขาถูกยกเลิกสัญญา แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจเท่าไหร่นัก เพราะสมัยที่ยังค้าแข้งในอิตาลี เขาได้รับการปฏิบัติอย่างมีอคติและถูกเหยียดเชื้อชาติจากเพื่อนร่วมทีมมาแล้ว
“มีอยู่วันหนึ่ง อยู่ดี ๆ มาร์โก มาเตรัสซี ก็เดินเข้ามาในห้องแต่งตัวและตะโกนใส่ผมต่อหน้าทุกคนหาว่า ‘ไอ้นี่แม่งตัวเหม็นเหมือนกระเทียมเลยว่ะ’ ตอนแรกผมไม่เข้าใจว่าเขาพูดอะไร แต่ผมสังเกตปฏิกิริยาของล่ามที่เป็นคนเกาหลีด้วยกัน เขาดูอายและไม่กล้าแปลให้ผมฟัง ยิ่งไปกว่านั้นตอนลงแข่ง พวกเขาแทบไม่ส่งบอลมาให้ผมยิงเลย ทั้ง ๆ ที่ บางครั้งพวกเขาเองก็อยู่ในจุดที่ยิงไม่ได้ด้วยซ้ำ” อาห์นระบายความในใจ
[caption id="attachment_26218" align="aligncenter" width="1536"]
อาห์น กับ หม่าหมิงหยู ในสีเสื้อเปรูจา[/caption]
หลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบอลโลก 2002 อิตาลีก็ประกาศแบนนักเตะจากเกาหลีใต้ทันที จนกระทั่ง 16 ปีต่อมา ศึกกัลโช่ เซเรีย อา ก็กลับมามีนักเตะเกาหลีใต้อีกครั้งหลังจากที่คิเอโว่ไปดึง อี ซึง วู มาร่วมทีม
อาห์นอาจจะไม่ได้มีฝีเท้าโดดเด่น เมื่อเทียบกับสิ่งที่ปาร์ค จี ซอง (อดีตนักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด) หรือ ซน เฮือง มิน (ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส) ทำไว้ในพรีเมียร์ลีก แม้จะถูกมองว่าเป็น “แพะรับบาป” ของเกาหลีใต้ในบอลโลก 2002 แต่ลูกโหม่งของเขาในครั้งนั้นก็ถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลเกาหลีใต้ พร้อมกับข้อความยกย่องเชิดชูว่า “ประตูแห่งชัยชนะ”
ที่มา:
https://www.footchampion.com/the-story-of-ahn-jung-hwan-who-was-kicked-out-from-serie-a/
https://www.goal.com/en/news/ahn-jung-hwan-koreas-forgotten-talisman/s80k2rn2v1e21028ugxn68sq8
https://www.theguardian.com/football/2020/apr/26/my-favourite-game-when-ahn-jung-hwan-eliminated-italy-from-world-cup