คริสติน่า อากีเลร่า (Christina Aguilera) นักร้องดังเจ้าของรางวัลแกรมมี่ อวอร์ดส ได้กลับมาทำหน้าที่ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Mulan (เวอร์ชันคนแสดง) อีกครั้ง หลังเวลาผ่านมานานถึง 22 ปี ย้อนกลับไปในปี 1998 อากีเลร่าในวัย 16 ย่าง 17 ปี ได้รับโอกาสจากดิสนีย์ให้เข้ามาเป็นผู้ถ่ายทอดเพลงที่มีชื่อว่า ‘Reflection’ บทเพลงที่สะท้อนเรื่องราวชีวิตของ “มู่หลาน” นางเอกของเรื่อง แม้ระยะห่างจากเวอร์ชันแรกและเวอร์ชันล่าสุดจะทิ้งช่วงนานกว่าสองทศวรรษ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่เป็นอีกหนึ่งเพลงที่ช่วยแจ้งเกิดให้อากีเลร่า รวมไปถึงเสียงร้องของเธอที่ฝากไว้ใน ‘Reflection’ เวอร์ชันปี 2020 นี้ ยังสะท้อนให้เราเห็นถึงประสบการณ์ชีวิตของอากีเลร่าที่เติบโตขึ้นตามเสียงร้อง
สิงหาคมปี 2019 อากีเลร่าบอกกับ ET ว่าเพลง ‘Reflection’ ถือเป็นเพลงที่ทำให้อาชีพนักร้องของเธอโตอย่างก้าวกระโดด
“ย้อนกลับไปหลายปีก่อน ฉันออดิชันด้วยเพลง ‘Reflection’ ประจวบเหมาะกับได้อัดเพลงแรกไปพร้อม ๆ กัน มันเป็นความจริงที่ว่าการร้องเพลงนี้ทำให้ทุกอย่างในชีวิตของฉันมันก้าวกระโดดไปหมด มันคือการก้าวข้ามประตูไป สิ่งที่เกิดขึ้นมันน่ารักและอัศจรรย์มากเวลามองกลับไป การได้เห็นการเติบโตของชีวิตเราในสายงาน หรือแม้แต่ตัวตนเราเอง ทั้งหมดเป็นวันที่ดีจริง ๆ
“ตอนที่กำลังบันทึกเสียง ‘Reflection’ เวอร์ชันใหม่นี้ มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกจริง ๆ ฉันน้ำตาไหลหลายครั้ง ฉันจมดิ่งอยู่กับอารมณ์เหล่านั้น แต่ก็พยายามจะหยุดร้องไห้ เพราะฉันไม่ใช่นักร้องที่จะร้องไห้ไปด้วยขณะอัดเสียง ตอนนั้นฉันตระหนักและรู้ซึ้งว่าสถานที่และช่วงเวลาเดิม ๆ ที่ฉันเคยบันทึกเสียงเพลงนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใด”
ภาคดนตรีและเสียงร้องของเพลง ‘Reflection’ ในเวอร์ชันล่าสุดแตกต่างจากเวอร์ชันเก่าอย่างมาก โดยมีการปรับดนตรีจากป๊อป อาร์แอนด์บี ให้กลายมาเป็นแบบออร์เคสตรา ป๊อป ที่ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่อลังการมากกว่าเดิม อีกทั้งการร้องของอากีเลร่าในเวอร์ชันนี้ก็เปี่ยมไปด้วยพลังและความสุขุม
“มันน่าทึ่งมากที่ 20 ปีผ่านไป ฉันก็ยังได้กลับมาอยู่ในวัฏจักรของเรื่องนี้ เพลงนี้มีความหมายพิเศษสำหรับฉันมาก หนัง Mulan และเพลง ’Reflection’ เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมวันนี้ฉันจึงได้มาอยู่ในจุดนี้ เวอร์ชันใหม่ของเพลงนี้มีการใช้น้ำเสียงที่จริงจังมากขึ้น ดังนั้นฉันจึงต้องการนำวงเครื่องสายขนาดใหญ่เข้ามาใช้ รวมไปถึงวิธีการร้องที่เน้นให้ออกมายิ่งใหญ่มากขึ้นด้วย”
เมื่อถูกถามว่าเธอชอบเพลงเวอร์ชันไหนมากกว่ากัน อากีเลร่าก็ตอบว่า “แน่นอนว่าตอนนี้ฉันเป็นส่วนหนึ่งของเพลง ‘Reflection’ เวอร์ชันใหม่ ทุกครั้งที่ฉันมองย้อนกลับไปที่เวอร์ชันเก่าที่ทำสมัยตอนยังเป็นวัยรุ่น ฉันมักจะยิ้มให้มันเสมอ แม้ทุกครั้งที่กลับไปฟัง ฉันมักจะได้ยินเสียงร้องของเด็กสาวที่ยังไม่รู้จักตัวเอง และยังไม่รู้ว่าเสียงของตัวเองมีพลังมากแค่ไหน ฉันได้รู้จักตัวเองดีขึ้นในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา และฉันก็ตระหนักมากขึ้นว่าฉันสามารถทำอะไรได้บ้าง ฉันพยายามพัฒนาน้ำเสียงให้ลุ่มลึกและดูมั่นใจในตัวเองมากขึ้น แน่นอนว่าตอนนี้มันทำให้เสียงของฉันเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์”
อากีเลร่าเคยให้สัมภาษณ์เมื่อปี 1998 ว่า นอกจากเพลงนี้จะเปลี่ยนชีวิตเธอแล้ว น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเบื้องหลังของเสียงอันทรงพลังของเธอ มาจากการโดนไล่ให้ไปเรียนร้องเพลงเพิ่มอย่างจริงจัง
“อันที่จริงตอนเตรียมตัวและระหว่างการบันทึกเสียง ฉันได้ไปเรียนร้องเพลงอย่างจริงจังครั้งแรกเพื่อช่วยเรื่องเทคนิคต่าง ๆ เวลาร้องโน้ตเสียงสูง ๆ รวมไปถึงเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเสียงด้วย ที่จริงฉันชอบมันมากจนเรียนต่อมาเรื่อย ๆ ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคนเราสามารถเข้าถึงโน้ตได้กี่วิธี และเคล็ดลับระหว่างการบันทึกเสียงของฉันก็คือ ฉันชอบดื่มน้ำร้อนและน้ำผึ้งจำนวนมากเลยแหละ”
ชีวิตส่วนตัวของอากีเลร่ามีความเชื่อมโยงกับตัวละครมู่หลาน ในแง่ที่ว่าการทำงานในวงการดนตรีของเธอนั้นไม่ต่างกับการเป็นนักรบคนหนึ่งที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ ที่เข้ามา
“การเป็นนักรบและนักสู้คือสิ่งที่เป็นส่วนสำคัญตลอดการทำเพลงในอาชีพของฉัน ดังนั้นการนำสิ่งเหล่านั้นกลับมาฉายอีกครั้งในภาพยนตร์ที่สวยงามเช่นนี้ เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ชวนให้นึกถึงและมีความหมายมาก ๆ”
เมื่อตอนอายุ 4 ขวบ อากีเลร่าต้องพบประสบการณ์อันเลวร้ายที่สร้างรอยแผลเป็นให้เธอในวัยเด็ก หลังจากถูกพ่อแท้ ๆ ทำร้ายร่างกายถึงขนาดนอนจมกองเลือดมาแล้ว ซึ่งอากีเลร่าก็เปิดเผยว่า เธอรู้สึกขอบคุณความเจ็บปวดเหล่านั้น เพราะหากไม่มีมัน เธอคงไม่ได้รู้จักสิ่งที่เรียกว่าดนตรี
“ฉันได้เห็นสิ่งเลวร้ายมากมาย การผลัก การทุบตี และการตะโกนด่ากันไปมาตอนเราอยู่กับพ่อ ฉันไม่เคยรู้สึกว่าชีวิตปลอดภัยเลย ฉันเหมือนตัวเองไร้อำนาจต่อกรใด ๆ มันเป็นความรู้สึกที่แย่มาก ๆ เพราะฉะนั้นการได้ร้องเพลงเป็นเหมือนการปลดปล่อยความรู้สึกแย่ ๆ รวมถึงความเจ็บปวดเหล่านั้นออกไป นั่นคือจุดเริ่มต้นของความรักที่ฉันมีให้กับดนตรี”
[caption id="attachment_26670" align="aligncenter" width="960"]
MULAN[/caption]
อากีเลร่าทิ้งท้ายว่า ความสำเร็จทั้งหมดของเพลงนี้ ต้องยกความดีความชอบให้ผู้เขียนเนื้อเพลงนี้อย่างแมทธิว ไวล์เดอร์ และเดวิด ซิปเปล ที่ถ่ายทอดเนื้อหาออกมาได้งดงามและเปี่ยมไปด้วยพลัง จนเธออินกับเพลงนี้จริง ๆ
“ฉันเข้าถึงเนื้อเพลง 'Reflection' ได้ทันทีเลย ซึ่งตอนร้องฉันก็พบว่ามันเป็นเนื้อเรื่องที่จริงมาก ๆ ฉันเชื่อว่าการต่อสู้มากมายในวัยเยาว์ของตัวละคร รวมถึงการพยายามค้นหาตัวเอง เป็นสิ่งที่ฉันคิดว่า 'Reflection' จะเป็นสิ่งที่คนในวัยฉันสามารถเกี่ยวข้องได้ หรือแม้กระทั่งคนอื่น ๆ ก็อาจพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์นั้นเช่นกัน ฉันยังคิดว่าเพลงนี้มันเจ๋งตรงที่ไม่เหมือนกับเพลงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิงทั่วไป แต่เป็นเพลงเกี่ยวกับการรักตัวเอง อารมณ์นั้นถ่ายทอดออกมาได้ง่ายเลย เพียงแค่ดูเนื้อก็จะรู้สึกและเข้าใจมันได้ง่ายแล้ว มันช่างเป็นเพลงที่เขียนได้อย่างไพเราะจริง ๆ
“ย้อนกลับไปตอนอัดเสียงเพลงนี้ครั้งแรก ฉันรู้สึกประหม่าและยังเด็กมาก ฉันต้องการความพึงพอใจและการรับฟังอย่างมาก แม้ตอนนั้นฉันจะไม่รู้เลยว่าธุรกิจนี้จะเป็นอย่างไรในอนาคต และตอนนี้หลังจากที่ทำงานหนักมากว่า 20 ปี ฉันรู้สึกมีความสุขและถ่อมตัวทุกครั้งเมื่อได้มองรางวัลแกรมมี่ของฉันที่ตั้งอยู่ในสตูดิโอที่บ้าน ทุกอย่างมันเป็นไปตามจังหวะของชีวิตคุณเอง และตามเงื่อนไขของตัวคุณเองเช่นกัน”
ที่มา: https://www.etonline.com/christina-aguilera-talks-remaking-reflection-for-new-mulan-exclusive-152187
http://www.bignoisenow.com/christina/mulaninterview.html