read
15 ก.ย. 2563 | 14:57 น.
VESPA SEI GIORNI II EDITION 300 HPE: เมื่อความวินเทจจากสนามแข่งยุค 50s กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
Play
Loading...
หากถามหนุ่มสาวสายวินเทจว่าชื่นชอบสกู๊ตเตอร์แบรนด์ไหน ? คำตอบส่วนมากล้วนพูดถึง
‘เวสป้า’
(Vespa) สกู๊ตเตอร์จากยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 กันทั้งนั้น แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังคงได้รับความนิยมจนเข้าไปอยู่ในหัวใจของใครหลายคนได้ถึงปัจจุบัน และถ้าพูดถึง Vespa รุ่นที่สร้างตำนานทิ้งไว้บนหน้าประวัติศาสตร์จนถูกพูดถึงบ่อยครั้งคงหนีไม่พ้น
เซ จอร์เน่
(Sei Giorni) ที่ในตอนนี้สกู๊ตเตอร์รุ่นเก๋าระดับตำนานได้กลับโลดแล่นบนท้องถนนยุคปัจจุบันอีกครั้ง
ย้อนกลับไปยังปี 1951 ณ การแข่งขันจักรยานยนต์ที่ได้รับความสนใจล้นหลามจากนักแข่งทั่วโลกอย่าง The Sei Giorni Internazionale ที่จัดเป็นเวลา 6 วัน ตรงตามชื่องานที่มีความหมายในภาษาอิตาลีว่า ‘6 วัน’ จะเริ่มขึ้นระหว่างวันที่ 18-23 กันยายน 1951 แข่งขันกันบนถนนสายยาวที่มีเส้นทางคดเคี้ยว ตัดผ่านป่า ถนนลูกรัง และบรรยากาศทางธรรมชาติที่หลากหลายของประเทศอิตาลี
การแข่งครั้งนี้บริษัท Vespa ได้ส่งทีมนักบิดของตัวเองที่มีชื่อว่า
Piaggio Squadra Corse
ลงแข่งด้วยเป็นครั้งแรก ทั้งทีมจะขี่สกู๊ตเตอร์รุ่น 125 (ณ ตอนนั้นยังไม่มีชื่อรุ่นอย่างเป็นทางการ) ทั้งหมด 10 คัน ในการแข่งครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 220 คน ท่ามกลางรถจากแบรนด์อื่นที่ออกแบบมาเพื่อออฟโร้ด รูปร่างใหญ่ ล้อโต ดูสมบุกสมบัน รถ Vespa ของทีม Piaggio Squadra Corse ดูจะมีรูปร่างเล็กกว่าใครเขามากเลยทีเดียว
ทว่าเมื่อการแข่งขันเริ่มขึ้น ทีม Piaggio Squadra Corse ก็ขี่เจ้าตัวเล็กที่เป็นม้านอกสายตาของผู้เข้าแข่งคนอื่น ๆ ลุยผ่านทุกเส้นทางบนถนนความยาวหลายร้อยกิโลเมตร เข้าเส้นชัยคว้าแชมป์ไปอย่างสวยงามถึง 9 ใน 10 คน ในตอนนั้นเองที่ Vespa ได้สร้างชื่อเสียงใหม่ให้กับแบรนด์ พวกเขาจะไม่ได้เป็นแค่รถสกู๊ตเตอร์ธรรมดาอย่างที่ใคร ๆ คิดอีกต่อไป
หลังคว้าชัยชนะอันยิ่งใหญ่ สกูตเตอร์รุ่น 125 ถูกพูดถึงเรื่องความอึด สมดุลของสมรรถนะที่ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อการแข่งขันอันทรหด เรียกได้ว่าทีมวิศวกรของ Vespa คิดมาแล้วอย่างดีเพื่อให้รถรุ่นนี้ได้ลงทดสอบความเร็วและความอึดบนเส้นทางออฟโร้ดโดยเฉพาะ ทำให้ภายหลังทาง Vespa จึงผลิตสกู๊ตเตอร์รุ่นพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะในชื่อ
‘Vespa 125 Sei Giorni’
ชื่อเดียวกับการแข่งขันที่ไปคว้าชัยมาได้
สำหรับคนที่ไม่ได้เป็นแฟนคลับ Vespa มาตั้งแต่แรกอาจมองไม่เห็นความแตกต่างของรุ่น Sei Giorni กับรุ่นก่อนหน้าที่ใช้ขี่ทั่วไปตามเมืองต่าง ๆ โดย Sei Giorni จะมีตัวถังที่ใหญ่กว่ารุ่นก่อน ๆ เพื่อให้สามารถรองรับเครื่องยนต์แบบคาบูเรเตอร์ได้ ชิลด์กันลมถูกเปลี่ยนให้มีดีไซน์ทันสมัยที่พร้อมจะบุกตะลุยไปทุกที่ ความแตกต่างแบบฉับพลันของ Vespa สร้างปรากฏการณ์และความตื่นเต้นให้กับวงการจักรยานยนต์ยุค 50s เป็นอย่างมาก
แม้วันเวลาผ่านไปหลายสิบปี แฟนคลับ Vespa หลายคนยังคงตามหารถรุ่น Sei Giorni กันอยู่ เนื่องจากเหล่านักสะสม Vespa ต่างรู้ดีถึงเรื่องราวอันน่าประทับใจที่ Sei Giorni เคยทำไว้ และรู้ว่าหากได้มามูลค่าของรถรุ่นจะต้องดีดตัวสูงขึ้นภายหลังแน่นอน
ด้วยความคลาสสิกที่ไม่เคยเสื่อมคลาย ในปี 2020 Vespa ได้ปลุกตำนานจากยุค 50s กลับมาอีกครั้งกับ
Sei Giorni II Edition 300 HPE
ที่จะนำความสำเร็จและสไตล์สุดคลาสสิกของ Sei Giorni เมื่อปี 1951 มาเจอกับเทคโนโลยีแห่งยุคสมัยใหม่ที่จะทำให้ตำนานทรงพลังมากยิ่งกว่าเก่า
ดีไซน์ส่วนใหญ่ของ Sei Giorni II Edition 300 HPE ในเวอร์ชันปี 2020 จะยังคงความเก๋าไว้ดังเดิม ทั้งในส่วนโค้งของไฟหน้าที่ประทับอยู่ด้านล่างบังโคลนหน้า ที่แทบมองหาการติดไฟบริเวณดังกล่าวบนสกู๊ตเตอร์รุ่นหลัง ๆ ไม่ได้แล้ว แฮนเดิลบาร์หรือที่เรามักเรียกกันว่า ‘แฮนด์แป๊บ’ จะเป็นแบบท่อเหล็ก แผงปัดเรือนไมล์ทรงกลมพื้นหลังสีขาวสะอาดตาจะยังคงแสดงผลแบบแอนะล็อก แต่ภายใต้ความคลาสสิกดั้งเดิมกลับซ่อนไว้ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ทำให้ผู้ขับขี่เห็นข้อมูลทั้งหมดได้ครบถ้วนชัดเจน
ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหนเครื่องยนต์ของ Vespa คือสิ่งที่ทุกคนต่างยอมรับถึงคุณภาพที่มอบความมั่นใจให้ทุกการขับขี่มาโดยตลอด โดยเฉพาะกับเครื่องยนต์ 300 HPE (High Performance Engine) นวัตกรรมเครื่องยนต์ 300 ซีซี สูบเดี่ยว 4 จังหวะ 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ 278.3 ซีซี หัวฉีดแบบอิเล็กทรอนิกส์ ส่งให้กำลังสูงสุดของเครื่องยนต์พัฒนาขึ้น 12 เปอร์เซ็นต์ ให้กำลังสูงสุด 22.8 แรงม้า ตีรอบได้ 8,500 รอบต่อนาที ส่วนเรื่องแรงบิดได้พัฒนาขึ้นกว่าเดิมถึง 18 เปอร์เซ็นต์ ส่งให้มีแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 25.5 นิวตันเมตร หรือ 5,500 รอบต่อนาที มาพร้อมกับโช๊คอัพหลังแบบไฮดอริคคู่ ปรับได้ 4 ระดับ
อย่างไรก็ตาม หากคงทุกอย่างไว้เหมือนเก่าก็คงจะเรียกว่า Vespa รุ่นใหม่ไม่ได้ ทางแบรนด์จึงจัดเต็มเรื่องระบบความปลอดภัยและการตกแต่งด้วยตัวถังด้วยสีเทาด้าน (Grey Titanio) ที่ต่อยอดจากเวสป้ารุ่น GTS จากนั้นประทับกราฟิกหมายเลข 6 ที่มีความหมายว่า ‘6 วัน’ ที่ได้แรงบันดาลใจจากทีมนักแข่งรถ Piaggio Squadra Corse ในปี 1951 เอาไว้ด้านข้าง ส่วนแผงด้านข้างของตัวถังด้านหน้าจะถูกดีไซน์ให้เป็นทรงรังผึ้ง เก็บรายละเอียดทุกกระเบียดนิ้วทั้งขอบล้อ ฝาครอบท่อไอเสีย ชิลด์บังลม เนกไทด้านหน้าสีดำเพิ่มความรู้สึกแบบสปอร์ต แล้วค่อยนำสีแดงมาตัดบนอุปกรณ์ต่าง ๆ รอบคันเพิ่มความโดดเด่นไม่เหมือนใคร และไม่ลืมเติมความพิเศษให้กับ
Sei Giorni II Edition 300 HPE ทุกคันด้วยการติดตั้งแพลตหมายเลขเฉพาะไว้ด้านหลังบังลมของตัวรถ
ไม่ใช่แค่ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ที่รับแรงบันดาลใจมาจาก Vespa รุ่นคลาสสิก Sei Giorni II Edition 300 HPE เท่านั้นที่ใส่ใจ Vespa ยังตั้งปณิธานความปลอดภัยที่มาพร้อมกับความสะดวกสบายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเรื่องอื่นด้วยการติดตั้งไฟ LED ตรงบริเวณไฟหลัง ใช้ระบบเบรกแบบ ABS (Anti-Lock Brake System) ป้องกันปัญหาเบรกแล้วรถลื่นไหลได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อความปลอดภัยขั้นสูงสุด ผสานดีไซน์คลาสสิกเข้ากับเทคโนโลยีความปลอดภัยแห่งยุคสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
‘บิ๊กโจ๊ก’ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ตำแหน่งใหญ่ขณะอายุน้อย บารมีมาก เส้นทางสีกากีติดไฮสปีด
15 ก.ย. 2566
3487
ถอดรหัส ‘Naatu Naatu’ เพลงประกอบหนังอินเดียฉากร้อง-เต้นใน RRR ได้ออสการ์-Golden Globes
13 มี.ค. 2566
6940
‘เอมิลิโอ เฟอร์นันเดส’ ชายผู้เป็นต้นแบบของตุ๊กตารางวัล ‘ออสการ์’
12 มี.ค. 2566
818
แท็กที่เกี่ยวข้อง
The People
VESPA
เวสป้า
Sei Giorni II Edition 300 HPE