เอซา บัตเตอร์ฟีลด์ บำบัดเซ็กส์กับหนุ่มนัยน์ตาฟ้าใน Sex Education
“การถ่ายทำฉากช่วยตัวเองมันสนุกจริงๆ”
นี่คือคำตอบของนักแสดงหนุ่มนัยน์ตาฟ้า เอซา บัตเตอร์ฟีลด์ ที่ตอบคำถามถึงการถ่ายทำซีรีส์เรื่องใหม่ Sex Education
“มันสนุกและประหลาดนิดๆ หนึ่งในฉากนั้นสนุกกว่าฉากอื่นเพราะผมช่วยตัวเองสามฉาก และมีฉากเดียวที่ประสบความสำเร็จ ส่วนอีกสองฉากใช้เทคนิคมุมกล้องอย่างชาญฉลาด... มันเป็นความรู้สึกที่โคตรพิลึก ที่จะต้องช่วยตัวเองท่ามกลางทีมงานทั้งหมด”
ใน Sex Education เอซา บัตเตอร์ฟีลด์ รับบท “โอทิส มิลเบิร์น” หนุ่มน้อยไฮสคูลผู้อ่อนประสบการณ์เรื่องเพศ อาศัยอยู่กับคุณแม่ “จีน” (กิลเลียน แอนเดอร์สัน) ที่เป็นนักบำบัดทางเพศ ทำให้ชีวิตของเขาล้อมรอบไปด้วยคู่มือ วิดีโอ และบทสนทนาเรื่องเพศซ้ำแล้วซ้ำเล่า โอทิสจึงกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเซ็กส์อย่างไม่เต็มใจ
กระทั่งวันหนึ่งเรื่องราวของเขาถูกเปิดเผยออกมาในโรงเรียน โอทิสจึงใช้ความรู้เรื่องเซ็กส์เพื่อสร้างชื่อเสียงทางสังคม ด้วยการร่วมมือกับสาวแบดเกิร์ลสุดเฉียบ “มาอีฟ” (เอ็มมา แม็คกี้) และเพื่อนสนิท “เอริค” (นคูติ กัตวา) ในการเปิดคลินิกบำบัดทางเพศลับๆ ในโรงเรียนมัธยมฯ
แต่เมื่อต้องเผชิญกับการให้คำปรึกษาเรื่องเซ็กส์กับเหล่าวัยรุ่น โอทิสก็ตระหนักได้ว่า บางทีเขาต่างหากที่อาจต้องการบำบัดเสียเอง
“ผมพยายามไม่มองคนอื่น รวมไปถึงทีมงานที่พยายามไม่มองผมเหมือนกัน ผมคิดว่าโอทิสไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญจริงๆ ดังนั้นฉากช่วยตัวเองจึงไม่จำเป็นต้องเป๊ะมากก็ได้”
ทั้งนี้ เอซา บัตเตอร์ฟีลด์ เป็นนักแสดงดาวรุ่งที่อยู่คู่วงการฮอลลีวูดมาตั้งแต่เด็ก เขาเป็นที่รู้จักในวงกว้างจากภาพยนตร์กระชากน้ำตา The Boy in the Striped Pyjamas (2006) และเหล่าภาพยนตร์ไซไฟ-แฟนตาซีทั้ง Hugo (2011), Ender's Game (2013), Miss Peregrine's Home for Peculiar Children (2016) หรือ The Space Between Us (2017)
หากใครเคยชมผลงานการแสดงของเขาจะทราบว่า บัตเตอร์ฟีลด์เป็นเด็กที่ฝีมือการแสดงเกินหน้าอายุไปมาก โดยเฉพาะใน Hugo ที่ทำให้เขาเข้าชิงและคว้ารางวัลนักแสดงเด็กในหลายสถาบัน
“การถ่ายทำ Hugo ทำให้ผมหลงรักภาพยนตร์และศิลปะเกี่ยวกับภาพยนตร์มากขึ้น เมื่อคุณทำงานในอุตสาหกรรม ได้เจอคนที่คุณรู้จักและเคารพ สิ่งที่คุณทำคือเก็บเกี่ยวความรู้ให้ได้มากที่สุด พูดคุยและฟังเรื่องราวของพวกเขา คุณจะได้เรียนรู้อะไรมากมาย นี่คือแรงบันดาลใจ”
ขณะที่วงการซีรีส์โทรทัศน์ เดิมทีเขามักแสดงเป็นตัวละครประกอบ ก่อนจะกระโดดขึ้นมาเป็นนักแสดงนำครั้งแรกใน Sex Education
ในเรื่องนี้โอทิสมีคุณแม่จีนเป็นนักบำบัดทางเพศ ซึ่งในโลกแห่งความเป็นจริงบัตเตอร์ฟีลด์มีคุณแม่นักจิตวิทยาเช่นกัน ดังนั้นการเตรียมตัวสำหรับการแสดงเขาจึงอ่านหนังสือเกี่ยวกับทางเพศมากขึ้น เพื่อทำความเข้าใจและถ่ายทอดออกมาในซีรีส์ให้ถูกต้องที่สุด รวมทั้งยังปรึกษาคุณแม่เกี่ยวกับกระบวนการบำบัดว่าเป็นอย่างไร
“เรื่องทางเพศบางอย่างผมเรียนรู้ด้วยตัวเอง คุยกับกิลเลียน (คุณแม่ในเรื่อง) และคุยกับคุณแม่ของผมว่าการเป็นนักบำบัดต้องทำตัวอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคุยเรื่องเซ็กส์ซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัว”
บัตเตอร์ฟีลด์ยังใส่คาแรคเตอร์ความเป็น Geek หรือแฟนเกมระดับตัวจริงลงในตัวละครด้วย
“โอทิสหลงใหลในวิดีโอเกมเหมือนตัวเอง เกมที่เขาเล่นคือเกมที่ผมเล่นจริงๆ ดังนั้นผมจึงรู้สึกเหมือนอยู่ที่บ้าน ซีรีส์มีหลายๆ อย่างที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผมชอบอยู่แล้ว โอทิสเป็นแฟนคลับนินเทนโดเหมือนผม นินเทนโดให้ของมาประกอบฉากในซีรีส์นี้ด้วย ซึ่งสุดท้ายมันก็มาอยู่หน้าห้องของผมแล้ว”
เอซา บัตเตอร์ฟีลด์ ยังกล่าวถึงการแสดงว่า ตัวละครทุกตัวเป็นนักสู้ ทุกคนมีประเด็นที่ต้องต่อกรเป็นของตัวเอง เหมือนดั่ง Sex Education ที่โอทิสต้องต่อกรกับบรรดาลูกค้าที่ใช้บริการคลินิก รวมถึงการพูดคุยกับคุณแม่เรื่องเพศ ทว่ามันกลับทำให้โอทิสอึดอัด ไม่สะดวกใจ นำมาซึ่งความสัมพันธ์ชวนหัวในครอบครัวนี้
“มันเป็นเรื่องปกติทั่วไปไม่ว่าคุณจะคุยกับใคร (แม้กระทั่งแม่ของคุณเป็นนักบำบัดทางเพศก็ตาม) เซ็กส์เป็นบางสิ่งที่คุณไม่อยากจะคุยกับพ่อแม่เท่าไหร่ แต่การพูดคุยเรื่องเซ็กส์เป็นสิ่งที่ทุกครอบครัวควรทำ ซึ่งในซีรีส์ผมรู้สึกว่ามันเป็นธรรมชาติดีนะ มันเป็นบทสนทนาอันซื่อตรงที่แม่และลูกชายทุกคนควรจะมี”
การเรียนรู้เรื่องเพศจึงเป็นสิ่งที่วัยรุ่นทุกคนควรเรียนรู้ และพูดคุยกันแลกเปลี่ยนความรู้กันได้อย่างปกติ ซึ่งสำหรับบัตเตอร์ฟีลด์แล้ว เขามองว่ายังไม่มีซีรีส์เรื่องไหนที่พูดถึงเรื่องเพศของวัยรุ่นได้อย่างซื่อสัตย์เท่าเรื่องนี้ Sex Education จึงมีทั้งเรื่องเพศเชิงอัปลักษณ์ เขินอาย หรือความสนุกผ่านตัวละครหลากหลายคนที่ไม่รู้ว่าร่างกายตัวเองต้องการอะไร และควรทำอย่างไร
“ทั้งหมดเป็นประสบการณ์ของวัยรุ่นที่ทุกคนต้องเผชิญ ซึ่งซีรีส์ไม่ได้บิดมันออกมาให้ดูเซ็กซี่หรือดูเท่ มันแสดงสิ่งที่เป็นจริงๆ และนั่นทำให้รายการนี้เข้าถึงวัยรุ่นทุกคน”
Sex Education เปิดให้การบำบัดซีซัน 2 วันที่ 17 มกราคม 2020 ทาง Netflix ใครหลงเสน่ห์หนุ่มนัยน์ตาสีฟ้าเด็กหนุ่มคนนี้บ้าง บอกเราหน่อย
ที่มา